ทำไมคำว่า “ทำไม” ถึงเป็นการสื่อสารที่ทรงพลัง

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมบางครั้งคุณถึงมีพลังมหาศาลในการทำงานอะไรบางอย่าง ทำไม Apple ในยุคสตีฟ จ็อบส์ถึงมีนวัตกรรมใหม่ๆออกมาได้ตลอดเวลา ทำไมอับราฮัม ลินคอล์นถึงสร้างประเทศที่เป็นมหาอำนาจของโลกขึ้นมาได้ ในขณะที่ประเทศในแอฟริกาหลายประเทศยังคงล้าหลัง ทำไมอีลอน มัสก์ถึงสร้างรถยนต์ไฟฟ้าและบริษัทขนส่งอวกาศได้ ทั้งๆที่มันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย

องค์กรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกต่างก็มีรูปแบบการสื่อสารที่เหมือนกัน พวกเขาสื่อสารต่างจากคนส่วนใหญ่ ถ้าคุณเป็นผู้นำองค์กร ลองตั้งคำถามดูว่าองค์กรของคุณก่อตั้งขึ้นมาทำไม

องค์กรส่วนใหญ่ใช้วิธีทำงานด้วยการอธิบายว่าอะไรและอย่างไร เช่น เราขายอะไรและเราขายอย่างไร คุณอยากซื้อสินค้าที่เราขายมั้ย นั่นคือวิธีการสื่อสารขององค์กรทั่วไป บริษัทรถยนต์อาจพูดว่าเราผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมัน คุณอยากซื้อสักคันมั้ย แต่อีลอน มัสก์สื่อสารว่าเทสล่าก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเร่งให้คนบนโลกนี้หันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ในสมองของมนุษย์จะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ สมองส่วนเหตุผลที่เรียกว่า Neocortex และสมองส่วนอารมณ์เรียกว่า Limbic สมองส่วนเหตุผลจะควบคุมการใช้เหตุผล การใช้ความคิด และการใช้ภาษา สมองส่วนอารมณ์จะทำหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆ

ถ้าเราสื่อสารว่าทำไมจะสร้างแรงบันดาลใจได้ดีกว่าสื่อสารว่าอย่างไร การสื่อสารว่าทำไมจะส่งผลกระทบต่อสมองส่วนอารมณ์ ซึ่งสมองส่วนอารมณ์มีหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์

บริษัททุกบริษัทรู้ว่ากำลังขายสินค้าอะไรหรือให้บริการอะไรแก่ลูกค้า บริษัทหลายบริษัทรู้ว่าจะขายสินค้าหรือให้บริการรู้อย่างไร  แต่มีแค่บางบริษัทเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาขายสินค้าหรือให้บริการต่างๆไปทำไม การสื่อสารว่าเราต้องการทำเงินให้มากขึ้น ไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้า แต่การสื่อสารว่าเราสร้างสินค้านี้มาทำไมจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้า

การสร้างธุรกิจให้เติบโต การสร้างความก้าวหน้าในอาชีพการงาน คุณต้องสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจว่าคุณทำงานนี้ไปทำไมเพื่อสร้างความเชื่อและแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง  เมื่อตัวเองและคนรอบข้างเกิดแรงบันดาลใจ คุณและพวกเขาจะมีพลังในการทำงาน สามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรค และประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

อ้างอิง

หนังสือ ทำไมต้องเริ่มต้นด้วย “ ทำไม ” เขียนโดยไซมอน ซิเน็ค