Social :



ทึ่ง!!! จิควิญญาณครูไทย แบกก้อนมะเร็ง 10 กิโล ไปสอนเด็กอาชีวะ

10 พ.ค. 59 12:38
ทึ่ง!!! จิควิญญาณครูไทย แบกก้อนมะเร็ง 10 กิโล ไปสอนเด็กอาชีวะ

ทึ่ง!!! จิควิญญาณครูไทย แบกก้อนมะเร็ง 10 กิโล ไปสอนเด็กอาชีวะ

จากกรณีที่ บิณฑ์ บัลลือฤิทธิ์  ได้โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมรูปภาพชายที่กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งเนื้องอก ซึ่งมีอาชีพเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ระดับ ปวช.-ปวส. ของวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ กำลังต่อสู้กับชะตาชีวิตอย่างทรมาน เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งก้อนเนื้อที่บริเวณไหล่ข้างขวารุนแรง ถึงขั้นเป็นก้อนเนื้อบวมโต มีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม

แต่ถึงแม้จะป่วยหนักขนาดนี้ ชายคนดังกล่าวก็ยังไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและความเจ็บปวด เพียงเพราะใจที่รักต่อการสอนและยังเป็นห่วงลูกศิษย์ที่สอน เกรงว่าจะเรียนไม่จบ จึงทำให้ยังต้องไปสอนหนังสือที่วิทยาลัยตามปกติจนกระทั่งจบเทอมที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า บุคคลที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติรายนี้ คือ   นายวัชระ นาดี   หรือ   ครูเล็ก อายุ 49 ปี ตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านพักเลขที่ 486 หมู่ 1 ต.หนองปลิง อ.เมืองฯ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว

เมื่อเดินทางไปถึง ก็พบกับ นายวัชระ กำลังนั่งพักผ่อนหลบแดดอยู่ในเปลญวน ใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่ ในสภาพนุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืดคอกลมคลุมร่างเพื่อปิดบังก้อนเนื้อมะเร็งที่ใหญ่โตบริเวณไหล่ขวาไม่ให้โดนแดด และนอกจากนี้ ที่ข้อมือขวาของนายวัชระ ยังพบว่า ถูกแพทย์ตัดออกไปจากการประสบอุบัติเหตุเมื่อปี 2538 ด้วย

จากการสอบถาม นายวัชระ เล่าว่า ตนเองสอนหนังสืออยู่ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ มานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยที่เมื่อปี 2538 ประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง จนต้องถูกตัดข้อมือด้านขวาทิ้ง ซึ่งก็เกิดผลกระทบมาจนถึงเดือนธันวาคม ปี 2557 ตนรู้สึกปวดและมีอาการบวมที่หัวไหล่ข้างขวา จึงได้ไปตรวจวินิจฉัยอาการ

แพทย์พบว่า ตนเป็นมะเร็งเนื้องอก ตอนนั้นตนแทบตั้งตัวไม่ทัน แต่ภายหลังจากที่รู้ว่าตนเป็นมะเร็งแล้ว ก็เลือกจะไปรักษาที่โรงพยาลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ต้องให้คีโมอยู่หลายครั้ง หมดเงินไป 300,000 กว่าบาท แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถปราบมะเร็งเนื้องอกที่เกิดขึ้นได้ หนำซ้ำเนื้องอกที่เกิดจากมะเร็งยังโตขึ้นเรื่อยๆ ถึงปัจจุบัน เนื้องอกมะเร็งดังกล่าวมีน้ำหนักมากว่า 10 กิโลกรัมแล้ว และการรักษายังไม่มีหนทางที่จะทำให้ตนทุเลาเบาบางลง

นายวัชระ ยังเล่าต่อว่า แม้โชคชะตาจะประทานความโชคร้ายมาให้แก่ตน แต่ที่ผ่านมา ตนก็ไม่เคยจะรู้สึกว่า สิ่งที่เป็นอยู่ มันจะมีอุปสรรคมากมายต่อชีวิต แม้โรคที่มันทำให้เจ็บ มันก็ไม่สามารถทำให้ตนย่อท้อไปกับสังขารและความเจ็บปวด

โดยที่ผ่านมา ตนยังคงสอนหนังสือลูกศิษย์ ด้วยอาการเนื้องอกบวมโตจากมะเร็งมาโดยตลอด ควบคู่ไปกับการรักษา โดยมีเหตุผลที่ตนเกรงว่า นักศึกษาที่ตนสอนอยู่จะไม่จบ

Lif
ซึ่งการที่ตนประสบชะตากรรมแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ท้อ แต่เพราะหน้าที่ต่างหาก เราต้องทำมันต่อไป

" ผมป่วยด้วยโรคนี้ มันทรมานมาก ทุกวัน เวลาจะเดินเหินไปไหน หรือแม้กระทั่ง เวลาที่ไปสอนหนังสือ มันจะรู้สึกปวดหน่วงๆ แต่ผมก็มีความจำเป็นที่จะต้องไปสอนลูกศิษย์ เพราะผมเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนอาการของผม หากรักษาไม่หาย ก็ไม่เป็นไร แต่อาชีพความเป็นครูของผมยังดำรงอยู่ ผมมีใจเกินร้อยที่จะไปสอนลูกศิษย์ในปีการศึกษาถัดไป จนกว่าตัวเองจะไม่ไหว"

เมื่อถามถึงความช่วยเหลือ นายวัชระ บอกว่า ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยที่ตนสอนอยู่ บอกให้ตนหยุดงาน เพื่อไปรักษาตัวให้ดีก่อน แล้วค่อยกลับสอนลูกศิษย์ใหม่ โดยท่านก็เมตตาให้โอกาส แต่ตนมองว่า หลายปีที่ผ่านมา ตนก็รักษาจนหมดเงินไปหลายแสนแล้ว และก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น

ในเมื่อไม่แน่ใจว่ามันจะหายไหมหรือจะรักษาให้มันทุเลาลงได้หรือไม่ ตนจึงอยากใช้ชีวิตที่ยังมีอยู่ ใช้ความรู้ที่มีสอนหนังสือให้กับนักศึกษา ไปจนช่วงสุดท้ายของชีวิตจะดีกว่า ตนว่าใจตนเกินร้อยแน่นอน ส่วนการรักษาขณะนี้ ได้มีการทำเรื่องย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็ง จ.ลพบุรี แล้ว โดยมีความหวังว่า อาการจะทุเลาเบาบางลงไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายวัชระ มีเงินเดือน 16,000 บาท เท่านั้น และหากต้องหยุดงานเพื่อไปรักษาอาการเกิน 3 เดือน ก็อาจจะไม่ได้กลับมาทำงานอีก ส่วนที่ผ่านมา นายวัชระ ได้ใช้เงินที่ทางวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคเหนือ จัดสวัสดิการ ในการรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับอาจารย์ของวิทยาลัย จำนวนปีละ 100,000 บาทหมดแล้ว และยังต้องมีค่ารักษาต่อต่อไป

ซึ่งหากผู้มีจิตศรัทธารายได้ ต้องการให้ความช่วยเหลือในเรื่องแนะนำการรักษา หรือบริจาคได้ทางบัญชีนายวัชระ นาดี ธนาคาร กรุงไทย ออมทรัพย์ สาขา นครสวรรค์ เลขที่ บัญชี 6051835539

ทั้งนี้ มีรายงานล่าสุด ว่า นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3 ได้รับทราบเรื่องราวของ ครูเล็ก ' แล้ว และมีมาตรการดูแล 3 ทาง ได้แก่ 1. เรื่องค่าใช้จ่าย สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่เกินจากที่เบิกได้นั้นทางโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจะรักษาให้ฟรี ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าสำรองยา ค่าเดินทาง เพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง

2. ส่งทีมหมอครอบครัวไปให้การช่วยเหลือถึงบ้าน และ 3. เตรียมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาเฉพาะทางของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อช่วยทำการรักษาด้วยรังสีรักษาต่อไป

โพสต์โดย : อาจารย์ตาใส

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด