ชี้ทำการสอบสวนมากพอแล้ว!ศาลปล่อยตัว”อานนท์-ไมค์ระยอง”หลังพงส.ยื่นขอยกเลิกฝากขัง

ศาลปล่อยตัว "อานนท์-ไมค์ระยอง" หลัง พงส. ขอยกเลิกฝากขัง ชี้ทำการสอบสวนมากพอแล้ว

ศาลอาญามีคำสั่งปล่อยตัว อานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ต้องหาในคดีชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 63 หลังถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 63 ศาลอาญานัดไต่สวนคดีที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ต้องหาทั้งสอง เนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 63 ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสอง และอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองโดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนั้นอีก แต่นายอานนท์ และนายภานุพงต์ ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขของศาล ซึ่งทนายความผู้ต้องหาทั้งสองยื่นคำคัดค้านคำร้องของพนักงานสอบสวนดังกล่าว หลังจากนั้นศาลไต่สวนคำร้องของพนักงานสอบสวน ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของนายอานนท์ นำภา ส่วนนายภาณุพงศ์ ศาลพิเคราะห์ถึงอายุ อาชีพ และพฤติการณ์แล้ว สมควรให้โอกาสแก่นายภาณุพงศ์ โดยได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้มีประกันในวงเงินเพิ่มเป็น 200,000 โดยไม่ต้องมีหลักประกัน และให้นายภาณุพงศ์ มารายงานตัวทุก 15 วัน ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเข้ามาใหม่ ศาลจึงให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว และรับตัวไว้หมายขัง

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการฝากขัง นายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ต้องหาทั้งสอง โดยระบุเหตุผลในคำร้องว่าได้ทำการสอบสวนมาพอสมควรแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องขังผู้ต้องหาทั้งสองระหว่างการสอบสวนอีกต่อไป ศาลพิจารณาแล้ว ให้หมายปล่อยผู้ต้องหาทั้งสอง โดยแจ้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทราบแล้ว

 

“ทนายประเวศ”ชุมนุมหน้าศาลอาญากดดันปล่อยตัว”อานนท์-ไมค์” ลั่นถอนประกันไม่เป็นธรรม

นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความ”ดา ตอปิโด” อดีตผู้ต้องหาในคดี ม.112 ได้นำเครื่องเสียงมาตั้งอยู่หน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พร้อมด้วยกลุ่มผู้ชุมนุม นัดหมายรวมตัวกดดันให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ หลังถูกศาลตัดสินเพิกถอนการประกันตัวตามคำร้องของตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ แล้วพาไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

โดยบรรยากาศหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาฯ เจ้าหน้าที่ศาลได้ปิดล็อกประตูที่ 8 และ 9 เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมหรือสื่อมวลชนเข้าไปภายในบริเวณศาล ขณะที่มีกำลังตำรวจ สน.พหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 40 นาย คอยกระจายกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่รอบพื้นที่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังนำแผ่นประกาศข้อกำหนดศาลอาญาขนาดใหญ่มาวางตั้งไว้ โดยห้ามไม่ให้ใช้เครื่องขยายเสียงหรือกระทำการใดให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเมิดอำนาจศาล

ขณะที่นายประเวศ กล่าวปราศรัย เรียกร้องให้ศาลอาญา ปล่อยตัวนายอานนท์ กับนายภาณุพงศ์ เนื่องจากการถอนประกันตัวก่อนส่งคุมขังที่เรือนจำนั้นไม่เป็นธรรม พร้อมกับระบุว่า ก่อนหน้านี้ไปยื่นแจ้งการชุมนุมที่ สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนได้รับแจ้งว่าผู้กำกับสถานีไม่อยู่ เนื่องจากไม่ใช่เวลาราชการ จึงไม่ได้รับการอนุญาตให้จัดการชุมนุม ทั้งที่การแจ้งชุมนุม มีข้อกำหนดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าใน 24 ชั่วโมง ไม่ได้บอกให้แจ้งในเวลาราชการ ฉะนั้น จึงถือว่าได้แจ้งจัดชุมนุมแล้ว แต่ สน.พหลโยธิน ไม่ยอมรับแจ้ง หากมีหมายเรียกคดีใด จะต่อสู้จนถึงชั้นฎีกา

ทั้งนี้ ตัวแทนผู้ชุมนุมเยาวชนอ่านบทกวีของนายอานนท์ มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอำนาจของศาล พร้อมกับพากันชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว แล้วตะโกนว่าปล่อยอานนท์ ปล่อยไมค์ ภาณุพงศ์

“อานนท์-ไมค์”ชู3นิ้วได้ปล่อยตัว-ยันชุมนุมแน่19ก.ย.

นายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ได้รับการปล่อยตัวภายหลังถูกคุมขังได้เพียง 5 วัน หลังพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยกเลิกคำร้องฝากขังโดยให้เหตุผลว่าสอบปากคำได้บางส่วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องคุมขังระหว่างการสอบสวนอีกต่อไป โดย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้เดินออกมาส่งทั้งคู่ด้วยตัวเอง

นายอานนท์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างฉุกละหุก และเพิ่งทราบเมื่อสักครู่ จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ต่อสู้และโดนคดีอยู่ว่าทุกก้าวมีความสำคัญ และเป็นบทเรียนให้กับผู้มีอำนาจว่าการใช้อำนาจนั้นต้องมีความเป็นธรรม พร้อมกับขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและให้ความช่วยเหลือ ยืนยันยังคงเคลื่อนไหวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยวันที่ 19 ก.ย.นี้ จะเข้าร่วมการชุมนุมแน่นอน ส่วนตัวมั่นใจว่าต่อจากนี้จะมีคดีมาอีกแน่ แต่เชื่อว่าเราจะชนะร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายเผด็จการ และฝ่ายที่เห็นตรงข้ามกับเรา ยืนยันว่าไม่กังวลหากจะมีคดีความใดอีก เพราะหากจะจับปลา ลงน้ำก็ต้องเปียกอยู่ดี

ด้านนายภาณุพงศ์ กล่าวขอบคุณศาลที่ให้โอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ยืนยันทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ยังต่อสู้เหมือนเดิม เพราะสามารถขังได้แค่ตัว ไม่สามารถขังอุดมการณ์ความเป็นนักสู้ของเราได้ ส่วนการที่ไม่ยืนประกันตัววันนั้น เพราะไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่ถูกตีกรอบในสิ่งที่เราปฏิบัติตามหลักของรัฐธรรมนูญ ซึ่งมันไม่ยุติธรรมกับพวกเรา

นายภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโทษจำคุกนั้น นับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ต้องปรับตัวเยอะพอสมควร บรรยากาศภายในเรือนจำไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เราได้เจอเพื่อนคุยใหม่ๆ ได้พบเพื่อนที่ดี ไม่มีใครปองร้ายเรา ที่สำคัญยังพบเต้น ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ซึ่งได้ฝากให้กำลังใจพวกตน เพราะยุคนี้ตัวเขาไม่มีสิทธิ์ไปสั่งเด็กๆ ให้ทำหรือไม่ทำอะไรแล้ว มีแต่แรงและกำลังใจให้นักเรียนนักศึกษา

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews