Social :



พร้อมแล้ว! “อนุทิน”พบนายกฯรายงานแผนจัดการวัคซีน

16 ม.ค. 64 06:01
พร้อมแล้ว! “อนุทิน”พบนายกฯรายงานแผนจัดการวัคซีน

พร้อมแล้ว! “อนุทิน”พบนายกฯรายงานแผนจัดการวัคซีน

"อนุทิน" พร้อมคณะ เข้าพบ นายกฯ รายงานแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด ด้าน นายกฯ กำชับดำเนินการหาวัคซีนอย่างโปร่งใส - สธ.จ่อขอรพ.เอกชนร่วมฉีดวัคซีนฟรี


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19  และคณะเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บนห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 หากวัคซีนถึงประเทศไทยโดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง




โดยนายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯได้กำชับให้ดำเนินการจัดหาวัคซีนอย่างรวดเร็ว โปร่งใส เน้นความปลอดภัย ซึ่งในขณะนี้ทางกระทรวงได้รับวัคซีนที่ชัดเจน และผ่านมาตรฐาน อย.แล้ว คือ ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 26 ล้านโดส ที่จะมาถึงไทยในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนของบริษัทอื่นๆ อยู่ระหว่างการเจรจา ทั้งบริษัทซิโนแวค ก็พร้อมเจรจา เพียงแต่ต้องผ่านการขึ้นทะเบียน อย.ก่อน  ยืนยันคนไทยจะรับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง ไม่มีการเหลื่อมล้ำ และไม่มีแรงกดดันทางการเมือง หรืออิทธิพลทางการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ที่สำคัญการที่รัฐบาลไม่ขัดข้องให้ท้องถิ่นจัดงบประมาณซื้อวัคซีนเอง ก็ไม่ใช่เป็นการผลักภาระให้กับท้องถิ่นโดยตรง แต่รัฐบาลมองว่าเป็นการดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ทั้งนี้แผนการฉีดวัคซีนจะกำหนดให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ก่อน และเมื่อตัวเลขนิ่งก็จะฉีดให้ประชาชนทั่วประเทศ ภายใน 1 ปี ซึ่งการฉีดวัคซีนครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ


MulticollaC

ขณะที่ นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวว่า หากได้วัคซีนมาแล้ว และหากโรงพยาบาลรัฐไม่เพียงพอในการฉีด ก็จะขอความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนให้บริการฉีดฟรี และการฉีดเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย โดยกลุ่มที่ 1 มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปหรือกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังเบาหวาน โรคปอด กลุ่มที่ 2 เป็นบุคคลากรทางการแพทย์ หรือ อสม. และหลังจากนั้นจะดูพื้นที่สีแดงที่มีการติดเชื้อจำนวนมาก โดยจะไม่ฉีดให้เด็กและสตรีมีครรภ์ ทั้งนี้จะมีการกำหนดช่วงอายุในการรับวัคซีน คือ ตั้งแต่ 16 หรือ 18 ขึ้นไป เพื่อความปลอดภัย เพราะวัคซีนไม่ได้มีการทดลองในเด็ก

ส่วนการที่นายกฯ และ ครม. จำเป็นต้องฉีดวัคซีน ในกลุ่มแรกหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน นายแพทย์โสภณระบุว่าเป็นสิทธิ์ที่ควรได้ฉีด ตามกลุ่มเป้าหมาย แต่จะฉีดหรือไม่อยู่ที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ




ขณะที่ มีการแชร์ข่าวว่า ใครฉีดหรือทำศัลยกรรมบนหน้า จะมีผลข้างเคียงในการรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้น นายแพทย์โสภณกล่าวว่า ไม่น่าใช่เรื่องจริง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบ เพราะขณะนี้เป็นเพียงการแชร์ข้อมูลทางโซเซียลเท่านั้น  เพราะวัคซีนแต่ละอย่างมีข้อบ่งชี้ ข้อห้ามแตกต่างกัน ทั้งนี้ทันทีที่วัคซีนมาถึงประเทศไทยลอตแรกปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก็จะต้องนำมาจัดสรรและจัดส่งการฉีดต่อไป




ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy