Social :



ตม.แจงข้อสงสัย วีซ่าทำงาน’เดวิด สเตร็คฟัสส์’ ระบุยืด 15 วันนัดฟังผล ยันไม่เคยกดดันมข

19 เม.ย. 64 17:04
ตม.แจงข้อสงสัย วีซ่าทำงาน’เดวิด สเตร็คฟัสส์’ ระบุยืด 15 วันนัดฟังผล ยันไม่เคยกดดันมข

ตม.แจงข้อสงสัย วีซ่าทำงาน’เดวิด สเตร็คฟัสส์’ ระบุยืด 15 วันนัดฟังผล ยันไม่เคยกดดันมข

ตามที่มีข่าวปรากฏตามสื่อ กรณี นักวิชาการสหรัฐฯนายเดวิด สเตร็คฟัสส์( MR.DAVID EIRICH STRECKFUSS) นักวิชาการชาวสหรัฐ ถูกไทยระงับ วีซ่าฟ้าผ่า และกรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบดังนี้

1. กรณีการยกเลิกวีซ่าและตำรวจเข้าไปกดดันทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้ยกเลิกสัญญาจ้าง นายเดวิด
จากการตรวจสอบข้อมูลการต่อวีซ่าของนายเดวิดที่ผ่านมา คนต่างด้าวได้ยื่นต่อวีซ่ากรณี เป็นบุคลากรทางการศึกษา ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่อยมา ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาจ้างกับทางมหาวิทยาลัย ในวันที่ 15 สิงหาคม 2564จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ทางคณะสาธารณสุขศาสตร์ ได้มีหนังสือแจ้งมายัง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดขอนแก่น ขอยกเลิกสัญญาจ้างนายเดวิด ก่อนกำหนดในวันที่ 1 มีนาคม 2564 เนื่องจากทางคณะฯ เห็นว่าไม่มี ความก้าวหน้าในงานที่ได้ตกลงกันไว้จึงได้แจ้งเจ้าตัวขอยกเลิกสัญญา ตามที่อธิการบดีฯ ได้ชี้แจงให้ทราบผ่าน เพจ KKU GROUP ทำให้เหตุผล ความจำเป็นของวีซ่าดังกล่าวข้างต้นสิ้นสุดลงโดยปริยาย มิได้เกิดจากการระงับ หรือเพิกถอนวีซ่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดขอนแก่นรวมถึงผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่เคยมีนโยบายหรือมีการสั่งการตำรวจในสังกัดเข้าไปกดดันให้ทางมหาวิทยาลัย ให้เลิกจ้างนายเดวิด แต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีประเด็นความขัดแย้งหรือเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ใดคนใดคนหนึ่ง อีกทั้งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าไปติดต่อกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่นในทุกๆ ช่องทาง

2. กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปสืบข้อเท็จจริงที่บริษัทฯ หลายครั้ง

การออกไปสืบข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่หรือชุดสืบสวน เป็นขั้นตอนหนึ่งของการรวบรวม พยานหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ต่อในประเภทนั้นๆ การที่มีเจ้าหน้าที่ออกไปสืบข้อเท็จจริงจึงเป็นเรื่องปกติ ส่วนการที่จะออกไปสืบข้อเท็จจริงมากกว่าหนึ่งครั้งนั้น ขึ้นอยู่ กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิเช่น การตรวจสอบสถานที่ตั้งของบริษัทตรงตามที่แจ้งหรือไม่ ,บริษัทมีความจำเป็นที่ จะต้องจ้างคนต่างด้าวเข้าทำงานหรือไม่ ,ลักษณะของการดำเนินธุรกิจที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ,คนต่างด้าว ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่บริษัทจริงหรือไม่ตลอดจนความประพฤติของคนต่างด้าวเป็นอย่างไรมีลักษณะไม่พึงประสงค์ หรือไม่ ซึ่งจะมีแนวทางพิจารณาตามระเบียบและคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือมีข้อเท็จจริงที่ต้อง สืบสวนเพิ่มเติม , มีพยานที่มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม หรือในประเด็นใดที่ต้องมีการแสวงหาความจริงเพิ่มเติม เพื่อที่จะใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตต่อวีซ่าให้คนต่างด้าว ซึ่ง กรณีของนายเดวิด ก็เป็น การออกไปสืบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเหมือนเคสธุรกิจอื่น ๆ ว่าบริษัทและคนต่างด้าวมีคุณสมบัติที่เป็นไปตาม ระเบียบและหลักเกณฑ์หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทบัฟฟาโล่ เบิร์ด โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็น นิติบุคคลไปเมื่อวันที่ 28 กันยายน2563 และยังดำเนินธุรกิจมาไม่ถึงรอบปี ซึ่งตามปกติบริษัทจะต้องยื่นสำเนางบดุลและงบกำไรขาดทุน ซึ่งเป็นการแสดงถึงศักยภาพความมั่นคงและความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัท ฯ ซึ่งในส่วนนี้รายละเอียดอยู่ในสำนวนการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขอเรียนชี้แจงการออกไป สืบสวนโดยสังเขป ดังนี้

– 7 เมษายน 2564 ชุดสืบสวน ตม.จว.ขอนแก่น ได้ออกสืบข้อเท็จจริงโดยสอบปากคำนายเดวิด และ พยาน 4 คน ได้แก่ คุณหทัยรัตน์ และลูกจ้างในบริษัทฯ อีก ๓ คน รวม 5 คน โดยออกไปสืบฯ ที่บริษัทบัฟฟาโลห์ เบิร์ด จำกัด อ.เมือง จว.ขอนแก่น (ตามวันที่คุณหทัยรัตน์ฯ ได้ขอนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดขอนแก่นไว้)

– 8 เมษายน 2564 ชุดสืบสวนฯ ได้นำเทปบันทึกถ้อยคำทั้งหมดมาเรียบเรียงสรุป และได้นัดหมายนายเดวิด,คุณหทัยรัตน์ฯ และพยานทั้ง 3 คนที่ให้ถ้อยคำไว้เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 มาตรวจสอบความถูกต้อง และลงชื่อในเอกสารคำให้การ โดยทั้งหมดเดินทางมาที่ทำการ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดขอนแก่น

– 16 เมษายน 2564 ชุดสืบสวนฯ ได้เดินทางไป สืบสวนข้อเท็จจริง ที่บริษัท บัฟฟาโล่ห์ เบิร์ด จำกัด และสอบปากคำพนักงานในบริษัทฯ ในประเด็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับที่มาของรายได้ ความมั่นคงและความต่อเนื่อง ของธุรกิจของบริษัท ซึ่งการออกสืบสวนและสอบปากคำทั้งหมดนั้นเป็นขั้นตอนตามปกติ
Lif
ของการรวบรวม พยานหลักฐาน ในการประมวลเรื่องเพื่อประกอบการพิจารณาการให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร


3. กรณีที่ น.ส.หทัยรัตน์ โพสต์เฟซบุ๊กสงสัยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีการมาสอบปากคำหลายรอบ มีใครเป็นคนสั่งการมา และได้บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตอบว่า นายสั่งมา อย่าให้ผมพูดอะไรมากเลย ลูกผมยังเด็กอยู่

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ไปสอบปากคำ ได้ความว่า คำพูดที่ว่า “นายสั่งมา” นั้น อาจจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามที่จะอธิบายว่า เป็นการมาปฏิบัติหน้าที่ตามสั่งการ ของผู้บังคับบัญชาในทางราชการ โดยเจ้าหน้าที่ได้อธิบายว่า การที่มาสอบปากคำหลายรอบนั้น เป็นเรื่องปกติ ของการทำงานเพราะในการขอต่อวีซ่า ธุรกิจ หากยังมีข้อสงสัย ก็จะต้องสอบปากคำให้สิ้นความสงสัยตาม กระบวนการเพื่อรวบรวมประกอบการพิจารณาการขออยู่ต่อเท่านั้น

ส่วนประเด็นที่คำพูดที่ว่า “อย่าถามอะไรมากเลย ลูกยังเด็กอยู่” นั้นเป็นการพูดคุยกันนอกรอบ นอกประเด็นการให้ถ้อยคำ เนื่องจากทาง น.ส.หทัยรัตน์ฯ สงสัยว่า เหตุใดต้องมาสอบปากคำช่วงวันหยุด และช่วงนี้ก็มีสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่าวันที่ไปสอบปากคำนั้น ตรงกับวันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ซึ่งเป็นวันทำการ ไม่ใช่วันหยุดราชการ ต่อจากนั้นได้พูดคุยกันถึง สถานการณ์โควิด ว่าตอนนี้จังหวัดขอนแก่นก็กลายเป็นพื้นที่สีแดงแล้ว ตนเองก็กลัวเช่นกัน เพราะมีลูกที่ยังเด็ก

4. กรณีมีเหตุจำเป็นต้องขยายระยะเวลานัดฟังผลออกไปอีก 15 วัน
การขยายระยะเวลานัดฟังผลเป็นขั้นตอนตามปกติ ในกรณีที่การพิจารณาเรื่องยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งกรณีการขออยู่ต่อฯ หรือการต่อวีซ่าด้วยเหตุจำเป็นทางธุรกิจ อย่างกรณีของนายเดวิด ที่ขอต่อวีซ่าโดย ทำงานให้กับบริษัท บัฟฟาโล่ เบิร์ด โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งจากการตรวจสอบ มีที่ตั้งในเขตอำเภอเมืองจังหวัด ขอนแก่น การพิจารณาคำขออยู่ต่อของการอยู่ต่อประเภทธุรกิจนี้ ตามปกติจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณา ทั้งสิ้นไม่เกิน 30 วันหรือประมาณ 4 สัปดาห์ นับแต่วันที่วีซ่าเดิมสิ้นสุด โดยจะต้องมีการตรวจสอบเอกสาร ต่างๆว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่ อาทิเช่น เอกสารการจัดตั้งบริษัท/การยื่นภาษี/ตรวจสอบสัญญาจ้าง/การ จ่ายเงินเดือนพนักงานทั้งคนไทยและคนต่างชาติ/ สัดส่วนพนักงานของคนไทยและคนต่างชาติเป็นไปตาม หลักเกณฑ์หรือไม่ การยื่นเงินสมทบเงินประกันสังคม ของพนักงาน เหล่านี้ เป็นต้น อีกทั้งยังต้องออกไปสืบ ข้อเท็จจริงที่บริษัทว่ามีที่ตั้งตรงตามที่แจ้งหรือไม่ มีการดำเนินธุรกิจอย่างไร เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วจึงประมวล เรื่องเสนอกองบังคับการ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติของทุก ๆ การยื่นขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรประเภท ธุรกิจ กรณีนี้จำเป็นต้องขยายระยะเวลาการพิจารณา เนื่องจากว่านายเดวิดได้อยู่เกินกว่า วันที่กำหนดอนุญาตสิ้นสุดมาแล้ว 11 วัน กล่าวคือวีซ่าของนายเดวิด ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 ตามสัญญาเลิกจ้างของทางคณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อมาวันที่ 1 เมษายน 2564 นายเดวิดได้เดินทางมาขอต่อวีซ่าที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดขอนแก่น รวมระยะเวลาอยู่เกิน ทั้งหมด 11 วัน และได้ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับตามกฏหมายเรียบร้อย ซึ่งเป็นผลทำให้ระยะเวลาพิจารณา อนุญาตจากเดิมที่มี 30 วันลดลงเหลือ 1 วัน ประกอบกับช่วงวันที่ 12 -15 เมษายน 2564เป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์จึงทำให้มีเวลาในการตรวจสอบตามขั้นตอนที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น เหลือไม่ถึง 15 วัน หรือครึ่งหนึ่งของระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องปกติทั่วไป จึงต้องมีการขยายระยะเวลาไป อีก 15 วัน ซึ่งตั้งแต่วันที่19 เมษายน 2564นี้ นายเดวิดจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไปก่อน 15 วัน เพื่อรอฟังผลการพิจารณา เนื่องจากกระบวนการทั้งหมด ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดขอนแก่นนั้นจะต้อง ประมวลเรื่องเสนอตามขั้นตอนไปยัง กองกำกับการบริการคนต่างด้าว กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 เพื่อตรวจสอบเอกสารและความถูกต้องต่าง ๆ จากนั้นจึงมีความเห็นเสนอ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง4 เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป

ขอบคุณที่มา ข่าวมติชน




โพสต์โดย : ปลายน้ำ