Social :



สุดสะพรึง!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!! เฮี้ยนหนัก!!! "บ้านขุนพิทักษ์บริหาร สมัย ร.5" เมื่อเข้าไปในบ้านกลับพบสิ่งที่ทำให้ขนลุก!

23 ส.ค. 59 23:08
สุดสะพรึง!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!! เฮี้ยนหนัก!!! "บ้านขุนพิทักษ์บริหาร สมัย ร.5" เมื่อเข้าไปในบ้านกลับพบสิ่งที่ทำให้ขนลุก!

สุดสะพรึง!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!! เฮี้ยนหนัก!!! "บ้านขุนพิทักษ์บริหาร สมัย ร.5" เมื่อเข้าไปในบ้านกลับพบสิ่งที่ทำให้ขนลุก!

บ้านขุนพิทักษ์ หรือ บ้านเขียว คือบ้านผีดุ!! หรือบ้านผีสิงในสายตาชาวบ้าน และขึ้นชื่อในเรื่องความลึกลับขนาดดึงดูดให้ ผู้ที่ชอบเรื่องลี้ลับ รวมถึงรายการทีวีต่างๆให้ความสนใจ และยังถูกจัดอันดับให้เป็นบ้านที่มีความน่ากลัวติดอันดับ 1 ใน 5 บ้านขุนพิทักษ์บริหาร เป็นบ้านไม้ทรงปั้นหยาหลังใหญ่มีอายุมากกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ริมแม่นํ้าน้อย พื้นที่หมู่ 2 ต. อมฤต อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของยกให้กับทางราชการตั้งแต่ปี พ.ศ.2505
 
ปัจจุบันมีสภาพทรุดโทรมและเป็นทรัพย์สินทางราชการโดยสำนักงานกรมธนารักษ์พื้นที่พระนครศรีอยุธยาเป็นผู้ดูแล อย่างไรก็ตามบ้านหลังนี้เคยตกเป็นข่าวดังมาโดยตลอดในเรื่องของความเฮี้ยนของผีที่สิงอยู่ในบ้าน

ความเป็นมาของบ้านขุนพิทักษ์บริหาร ก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่5 มีขุนพิทักษ์บริหาร(พึ่ง มิลินทวนิช) และนาง กระจ่าง ภรรยา เป็นเจ้าของบ้าน โดยขุนพิทักษ์ฯรับราชการเป็นนายแขวงเสนาใหญ่ คือ อ.ผักไห่ ในปัจจุบัน และยังเป็นเจ้าของกิจการเรือสองชั้นที่เรียกว่าเรือเขียวซึ่งเป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารในแม่นํ้าน้อย ระหว่างผักไห่-ท่าเตียน กรุงเทพฯ และ ผักไห่-ปากนํ้าโพ จ.นครสวรรค์
 
บ้านเขียวปลูกบนเนื้อที่ 1 ไร่ 72 ตารางวา เป็นบ้านทรงปั้นหยาสองชั้นยกพื้นสูง ปลูกสร้างด้วยไม้สัก บางส่วนเป็นตึก ทาสีเขียวทั้งหลัง หลังคามุงกระเบื้องสีนํ้าตาลเข้ม ประตู หน้าต่างมีลวดลายแกะสลักอย่างปราณีตบรรจง พื้นเป็นกระดานไม้สักแผ่นใหญ่ เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามในสมัยนั้น
 
MulticollaC
หลังจากขุนพิทักษ์ฯ สิ้นชีวิต ลูกหลานได้ย้ายไปอยู่ภูมิลำเนาอื่น ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ แม่จ่างภรรยาท่านขุนจึงได้ยกบ้านให้หลวง เป็นที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ โดยกระทรวงมหาดไทยได้มอบเข็มชั้นเครื่องหมายทองประดับเพชรให้กับนางจ่างด้วย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่าทุกครั้งที่เข้าไปในบ้านจะมีความรู้สึกว่ามีคนแอบมองและเดินตามวนเวียนไปมาอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะเวลากลางคืนจะมีความรู้สึกลักษณะนี้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีใครโดนหลอกในลักษณะให้หวาดกลัว นอกจากการทำให้รู้ว่าบ้านมีเจ้าของดูแลอยู่เท่านั้น ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยบอกว่าเคยเห็นขุนพิทักษ์บริหารอยู่กับบริวารภายในบ้านทั้งกลางวันและกลางคืน แต่งกายในชุดคนโบราณ และในบ้านจะมีความคึกคัก เนื่องจากมีคนอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง

ถ้าเพื่อนๆ จำกันได้ กับข่าว น้องกุ้งนาง
จากกรณีที่ น.ส.ฟอริดา เมืองโคตร หรือน้องกุ้งนาง วัย 18 ปี กับเพื่อนอีก 3 คนพากันเที่ยวที่บ้านเขียวขุนพิทักษ์ ที่ ต.อมฤต อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านที่มีคำล่ำลือว่ามีวิญญาณเฮี้ยนจนเป็นที่โด่งดัง โดยการเดินทางไปของน้องกุ้งนางทั้งสองครั้ง เนื่องจากอยากรู้ว่ามีวิญญาณจริงหรือไม่ ในครั้งที่สองน้องกุ้งนางได้ไปเตะถาดบายศรีที่วางอยู่อย่างไม่ตั้งใจ และเมื่อกลับมาบ้านปรากฏว่าเกิดล้มป่วยหนัก หมดเรี่ยวแรง และยังได้ยินเสียงคนมาเรียกทุกคืน บางครั้งก็เห็นคนแก่มานั่งอยู่ด้วย ทำให้ร่างกายของน้องกุ้งนางซูบผอมลงไปเรื่อยๆ และเสียชีวิต !? ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องลึกลับหรือไม่ แต่เหตุการณ์นี้ มันยิ่งทำให้บ้านท่านขุน เป็นที่กล่าวขวัญ เกี่ยวกับความน่ากลัว มากยิ่งขึ้นไปอีก !!!

ทั้งนี้ หนึ่งในสิ่งที่ทำให้บ้านเขียวกลายเป็นที่ร่ำลือถึงอาถรรพ์เฮี้ยน เพราะคนรุ่นหลังได้เห็นห่วงคล้องที่ติดอยู่กับพื้น ราวกับว่าเป็นห่วงล่ามข้าทาสบริวาร แต่ทายาทของขุนพิทักษ์บริหารชี้แจงว่า ห่วงดังกล่าวเป็นเพียงห่วงสำหรับล่ามกำปั่น (ตู้นิรภัย) เท่านั้น เนื่องจากสมัยนั้นมีการเลิกทาสไปแล้ว และยังไม่มีธนบัตรที่เป็นแบงก์ใช้ จึงต้องมีห่วงสำหรับล่ามตู้เก็บเงินเอาไว้เพื่อกันขโมย หาใช่อย่างที่เล่าลือกันไม่ แต่หากจะมีใครสักคนที่วนเวียนอยู่ภายในบ้าน ก็คงจะเป็นขุนพิทักษ์บริหาร ที่ยังคงผูกพันและหวงแหนบ้านหลังนี้ จนไม่อยากจากไปไหน

ขอขอบคุณข้อมูล www.kinaroi.com
โพสต์โดย : nampuengeiei9760