Social :



ผ่อนคลายเพิ่มหากสถานการณ์ดีขึ้น! ศบค.ย้ำฉีดวัคซีนสำคัญต่อการเปิดประเทศ

30 ก.ย. 64 12:09
ผ่อนคลายเพิ่มหากสถานการณ์ดีขึ้น! ศบค.ย้ำฉีดวัคซีนสำคัญต่อการเปิดประเทศ

ผ่อนคลายเพิ่มหากสถานการณ์ดีขึ้น! ศบค.ย้ำฉีดวัคซีนสำคัญต่อการเปิดประเทศ

ศบค. ย้ำการฉีดวัคซีนสำคัญต่อการเปิดประเทศ ขอหน่วยงานราชการบูรณาการทำงานร่วมกัน ย้ำพิจารณาผ่อนคลายเพิ่มหากสถานการณ์ดีขึ้น


แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ระบุว่า การฉีดวัคซีนในประเทศไทยจังหวัดที่ครอบคลุมประชากร 50% ข้อมูลในวันที่ 19 ก.ย. มี 11 จังหวัด คือกรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, อยุธยา, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, นครนายก, พังงา, ภูเก็ต และระนอง ด้านการฉีดวัคซีนกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป ครอบคลุมประชากร 70% มี 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, ฉะเชิงเทรา, พังงา, ภูเก็ต และระนอง จึงขอให้พื้นที่ทั้งประชาชนผู้ประกอบการเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งการฉีดวัคซีนมีผลสำคัญอย่างยิ่งในการเปิดประเทศ เปิดบ้านเปิดเมือง โดยผู้ประกอบการที่มีความพร้อมจะได้เตรียมฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและบุคลากรไปพร้อมๆกัน

โดยแพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวถึงข้อสรุปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาในข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 34
Lif
โดยนายกรัฐมนตรีลงนามและรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.-วันที่ 15 ต.ค. ซึ่งวันที่ 1-10 ต.ค. ขอทุกฝ่ายทั้งภาครัฐเอกชนประชาชนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขและในวันที่ 11 ต.ค. ที่ประชุม ศปก.ศบค. จะมีการเริ่มพิจารณามาตรการ หากเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นจะมีการผ่อนคลายเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


ส่วนเรื่องการเตรียมเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวที่ประชุม เน้นย้ำพื้นที่นำร่องหรือจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยวเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวบางจังหวัดมีบริบทที่แตกต่างกันเช่นเรื่องเปิดเมืองเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจบางจังหวัดขับเคลื่อนเรื่องการค้าแนวชายแดน รายละเอียดมาตรการมีความแตกต่างกันซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะรีบไปพิจารณา รวมถึงอาจจะมีพื้นที่ Sandbox เศรษฐกิจ



ทั้งนี้แพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า ผอ.ศปก.ศบค. ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และประชาชน ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้รับความร่วมมืออย่างดี ซึ่งความพยายามมีการเกิดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานราชการ จึงขอให้หน่วยงานราชการบูรณาการการทำงานที่รับผิดชอบร่วมกัน อย่าให้การควบคุมโรคเป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง หรือกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง



ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy