ไม่สนใจช่วยเหลือ “แรมโบ้”อัด “อรุณี” อย่าเป็นคนจิตใจแคบที่ให้ทหารช่วยปชช.

“แรมโบ้” อัด “อรุณี” อย่าเป็นคนจิตใจแคบที่ให้ทหารช่วยประชาชน ยืนยันทหารปฏิบัติภารกิจตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่หากประชาชนเดือดร้อนก็ต้องให้ความช่วยเหลือ ไม่เหมือนพรรคฝ่ายค้าน มาจากประชาชนแต่ไม่สนใจช่วยเหลือ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย วิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาน้ำมันแพง ว่า แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาจากทหาร แต่ได้พัฒนาและแก้ไขปัญหาให้กับประเทศไปตั้งมากมาย รวมถึงการแก้ไขปัญหาให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ จากพรรคเพื่อไทย ที่แม้เป็นพลเรือนแต่ไม่เคยทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่น้อย มีแต่ทำเพื่อตัวเอง พี่น้อง พวกพ้อง

และที่นางสาวอรุณีระบุว่าการให้ทหารเข้ามาช่วยเหลือประชาชนนั้น สะท้อนความจริงว่าเราเอาทหารมาบริหารประเทศไม่ได้และตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ทหารมีหน้าที่ 4 ด้าน นั้น ยืนยันว่าทหารได้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ขณะเดียวกันหากประเทศชาติได้รับความเดือดร้อนทหารก็ยังเต็มใจที่จะออกมาช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว และทำอย่างเต็มที่

ไม่เหมือนกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่ใจแคบ เป็นผู้แทนของประชาชน ประชาชนเลือกเข้ามา ยังไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ออกไปให้ความช่วยเหลือ ยังจะออกมาตำหนินายกฯ รัฐบาล หรือหน่วยงานทหารที่ต้องออกมาช่วยเหลือประชาชนด้วยความเต็มใจ โดยไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น ซึ่งหากนางสาวอรุณี คิดแบบนี้เหมือนใจแคบไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนเลย

ขณะที่การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันนั้น ตนเองขอให้นางสาวอรุณีอย่าดูเพียงแต่ราคาน้ำมันดีเซลเท่านั้นที่ถูกกว่ารัฐบาลนายกฯประยุทธ์ 1 บาท แต่ขอให้ไปดูราคาน้ำมันเบนซินในยุครบ.ยิ่งลักษณ์แตะเกือบ50 บาท ทำไมไม่เอามาพูดบ้างว่าแพงกว่าสูงกว่าราคาในรัฐบาลนี้หรือไม่ เพราะในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำให้ประชาชนอาชีพ อื่นๆก็เดือดร้อนยิ่งกว่ายุคนี้หลายเท่า เหตุใดคนในพรรคเพื่อไทยไม่ออกมาโวยวายเหมือน นางสาวอรุณีในตอนนี้บ้าง

“เป็นเพราะนางสาวอรุณี ไม่ยืนบนหลักข้อเท็จจริง เอาข้อมูลที่ถูกต้องมาพูด เวลาให้ข่าวเลอะเลือนบิดเบือนตลอด จึงถูกปรับออกจากโฆษก ยิ่งออกมาแถลงข่าวยิ่งทำให้พรรคตกต่ำเสียหาย จนต้องหาโฆษกคนใหม่มาแทนนางสาวอรุณี คนในพรรคเพื่อไทยบอกมาเช่นนั้นจริงหรือไม่ ตนไม่ทราบ”

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews