Social :



ความเชื่อโบราณ! ควายธนู และหุ่นตุ๊กตา

07 ม.ค. 65 18:01
ความเชื่อโบราณ! ควายธนู และหุ่นตุ๊กตา

ความเชื่อโบราณ! ควายธนู และหุ่นตุ๊กตา

กล่าวถึงเรื่องการทำตุ๊กตา มีเรื่องอยากจะเอามาบันทึกไว้ กึ่งเล่าให้ฟังสักหน่อยว่าหลังจากเรียนวิชาต่างๆ กับพ่อจนจบสิ้นดี ก็มีช่วงที่ฉันเองได้เริ่มทำตุ๊กตาให้กับคนต่างๆ บ้าง


แต่อย่างที่เคยบอกไว้ การใช้ไสยศาสตร์เป็นเรื่องพึงระมัดระวัง และสิ่งสำคัญคือการรักษาความลับ ความเป็นส่วนตัวของผู้ที่เราทำตุ๊กตาให้ ตลอดจนการมีข้อห้ามปลีกย่อยอยู่อีกหลายอย่าง จึงไม่ใช่เรื่องที่จะบอกได้ว่า เคยทำให้ใครไปบ้าง


และโดยเป็นการส่วนตัว ฉันพบว่า ตุ๊กตาจะมีรูปลักษณ์อย่างใดก็ได้ จะดูสวยงามน่าเอ็นดู ตลกขบขัน หรือน่ากลัว ก็แล้วแต่ตั้งใจจะทำ วัสดุต่างๆ ก็เป็นเพียงตัวประกอบสร้าง พลังที่บรรจุเข้าไปในตัวตุ๊กตาต่างหากเป็นสิ่งสำคัญดังเช่นพ่อทำควายธนู สานจากไม้ไผ่ให้ดู

เรื่องควายธนูนี้ พ่อเคยเล่าไว้ว่า สมัยพ่ออายุยังน้อย ก็มีงานอดิเรกทำควายธนูไว้สู้กันเล่นกับเพื่อนๆ โดยทำจากของง่ายๆ รอบตัว

ฟังดูเป็นเรื่องชวนอึ้งอยู่ไม่น้อย จนอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วมันสู้กันยังไง จากไม้ไผ่ใบหญ้าสาน มันเต้นให้ดูเป็นตัวๆ หรือยังไง

พ่อก็หัวเราะ บอกว่านักไสย์เขาสู้กันที่จิต เขามีวิธีเล่นกัน มีการปล่อยวัวปล่อยควายไปลองดีกัน มันเป็นสิ่งอธิบายลำบาก แต่ถ้าคนที่มีประสบการณ์ตรงก็จะเข้าใจ

แล้วเล่าต่อว่า มีหนหนึ่ง เพื่อนพ่อคนหนึ่งที่เก่งเรื่องการทำควายธนูเช่นกัน ได้ไปทำไม้ในห้วย (ไปตัดเลื่อยไม้) ตกกลางคืนค้างแรมในป่า แต่เกิดเขม่นกันหน่อยๆ กับคนที่ไปทำงานด้วยกัน มีการเหยียดหมิ่นเพื่อนพ่อ คล้ายๆ จะลองเชิงลองดี

ตกกลางคืน เพื่อนพ่อจึงทำควายธนูขวางเฝ้าที่นอนตนเองไว้  คืนนั้นเองตกดึก คนทั้งคณะก็ได้ยินเสียงควายควบย่ำอึกทึกอยู่รอบห้างนอน พ่อว่า เขาเล่าลือกันต่อมาว่าปานป่าจะถล่ม จนคนทั้งหมดไม่ได้หลับไม่ได้นอน มีเพื่อนพ่อหลับสบายอยู่คนเดียว ตกเช้ามาจึงได้รู้เรื่อง



ในตอนที่เล่านั้น พ่อก็ยังได้สาธิตการสายควายธนู “ด่วน” จากตอกไม้ไผ่ให้ชมประกอบ

ถึงทุกวันนี้ ฉันยังเก็บภาพควายธนูของพ่อไว้ เพราะมันเป็นประจักษ์พยานของการ “สร้างควายธนู” อย่างง่าย ที่พ่อสอนให้ และพ่อกำชับว่า มันใช้ได้ผลดีแน่นอน

มาถึงเรื่องตุ๊กตาที่ฉันทำบ้าง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ก็ได้ทำตุ๊กตาให้ผู้คนไปจำนวนหนึ่ง และก็มีฟีดแบ็กแตกต่างกันไป เช่น มีเจ้าของตุ๊กตาบางรายส่งข้อความมาบอกว่า “ช่วยบอกให้ตุ๊กตาอยู่ดีๆ หน่อย”

สอบถามกลับไปได้ความว่า มีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นหลายครั้ง เป็นต้นว่า เช้าขึ้นมา พวกแก้วที่ล้างคว่ำเอาไว้ในตะแกรง ออกมาวางอยู่บนเคาน์เตอร์ หมวกที่แขวนไว้ที่หนึ่ง ย้ายไปแขวนไว้อีกที่หนึ่ง ฯลฯ ซึ่งก่อนจะปักใจว่าเกี่ยวกับตุ๊กตา ก็ยังได้สอบถามว่า เจ้าของห้องมีภาวะความจำเสื่อม หรือมีอาการหลงลืมหรือไม่ แต่เจ้าของก็ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องความทรงจำแน่นอน

จนต่อมา ก็มีคนที่มาทำงานในบ้านนั้น ฝันถึงคนที่มีหน้าตาเหมือนกับตุ๊กตาเป๊ะ มาให้โชคลาภรางวัลเสียด้วย ต่อมาจึงมีการให้ขนมเป็นรางวัลตุ๊กตา และส่งข่าวว่า ได้พบเหตุการณ์ที่หลายอย่าง ทำให้เชื่อว่าตุ๊กตานั้นมีชีวิตจริงๆ

คำว่า “มีชีวิตจริงๆ” หมายถึงการที่ตุ๊กตาสามารถตอบรับคำขอ มีการสื่อสาร และรับรู้ได้ในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องกับตุ๊กตา

มีอีกรายหนึ่ง ก็เล่าเรื่องมาให้ฟังว่า เคยได้พกพาตุ๊กตาไปในที่ต่างๆ และสัมผัสได้ว่ามี “วิญญาณอื่นๆ” เข้ามาแวดล้อมมากกว่าปกติ แต่เจ้าของตุ๊กตารายนี้ ท่านอาจจะมีเซนส์พิเศษอยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้สามารถรับรู้คลื่นพลังงานที่เข้ามาอย่างว่องไว

ประเด็นหนึ่งก็คือว่า อยากจะบอกว่า จากตอนเด็กๆ ที่ฉันเองไม่ได้สนใจกลุ่มตุ๊กตาคุณไสยเลย ทั้งจากความที่ไม่เข้าใจ ไม่สนใจ และคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ผ่านวันเวลามาถึงตอนนี้ มาอยู่ในฐานะคนทำตุ๊กตาบ้าง การได้รับฟีดแบ็กกลับมา และมีเรื่องราวเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายสิ่ง ทำให้คิดอีกครั้งว่า สิ่งที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตา ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอยู่

และการเปิดใจกว้างให้กับสิ่งที่อยู่นอกเหนือตาเนื้อ อาจล้ำลึกเกินหยั่ง จนกว่าคนหนึ่งคนใด จะได้พบประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตนเอง ใต้สติสัมปชัญญะ และการมีวิจารณญาณ



Lif
อ้อ! เล่าเพิ่มเติมอีกนิดว่า นอกจากการทำตุ๊กตาเองแล้ว บางครั้ง เมื่อพบตุ๊กตา หรือกลุ่มหุ่นพยนต์ที่ถูกใจของคนอื่นๆ ฉันก็สะสมไว้บ้างเหมือนกัน

มีหนหนึ่ง ไปได้หุ่นพยนต์หวายสานมาคู่หนึ่ง เป็นชุดที่ชอบอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นพยนต์ที่ทำแบบประณีตทีเดียว มีรูปหุ่นนักสู้ 4 มือ นั่งขัดสมาธิบนตั่ง สวมกางเกงถักจากเชือกสีแดง ทุกมือถืออาวุธ

แรกที่ไปที่รับหุ่น ก็ยังอดคิดในใจไม่ได้ว่า ไว้จะรอดูว่ามีอิทธิฤทธิ์จริงหรือไม่ เพราะเป็นหุ่นที่ไม่ได้รับตรงจากมือผู้สร้าง แต่ผ่านน้องชายอีกคนหนึ่งนำมาให้ และเขาก็ใส่ถุงปิดผนึกมา

วันนั้นกลับถึงบ้านเสียค่ำ ระยะทางที่ไปรับหุ่นก็ราวๆ 100 กิโลเมตรได้ คืนนั้น ก็เอาหุ่นมาไว้ในห้องทำงานชั้นบน แต่ยังไม่ได้เปิดถุง ตั้งใจว่าจะจัดสถานที่เสียก่อน

อีกประมาณสองวันต่อมา พนักงานคนหนึ่งที่มาทำงานในออฟฟิศชั้นล่าง (ตอนนั้นเรายังทำโฮมออฟฟิศในบ้านอยู่) ก็บอกว่า เมื่อวาน เธอได้พาลูกมาทำงานด้วย เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 4-5 ขวบ  มีตอนหนึ่ง เด็กร้องถามว่า

“แม่คะ ลุงคนนั้นเป็นใครเหรอ”

ความที่พนักงานเคยพาลูกมาที่ออฟฟิศมาก่อน และเด็กก็พอจะจำได้ว่าในบ้านมีใครบ้าง ผู้เป็นแม่จึงออกจะแปลกใจคำถาม ตอนที่ลูกถามก็ได้ลุกไปดู แต่ไม่เห็นใครในรัศมีรอบตัว

ในตอนนั้น ออฟฟิศชั้นล่างจะอยู่ติดกับห้องครัวอีกห้อง มีบันไดลดระดับลงไป มีประตูเปิดออกสู่ลานหลังบ้าน เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นและบันไดขึ้นชั้นบน โดยแต่ละโซนจะมีคนอยู่ประจำ

วันนั้นทุกคนอยู่กันครบ ไม่มีผู้ชายแปลกหน้า

ฟังจากพนักงานแล้ว ฉันก็นึกสนใจขึ้นมา จึงบอกพนักงานว่า ลองถามรายละเอียดลูกมาอีกที ว่า  “ลุงคนนั้น” มีลักษณะท่าทางอย่างไร หรือเป็นใครมาติดต่อธุระกับใคร แต่ในข้อหลังนี้ คนในบ้านก็ยืนยันว่า ไม่มีใครนัดหมายใครมา

วันต่อมา ผู้เป็นแม่กลับมาบอกว่า เด็กบอกว่าเป็นคน “ไม่ใส่เสื้อ นุ่งกางเกงตัวเดียว” เดินอยู่ในห้องครัวตอนที่เด็กกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ จึงทำให้เด็กแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และลุงคนนั้น “นุ่งกางเกงสีแดง”

คำตอบที่ได้ ทำให้ฉันคิดทันทีว่า หรือชะรอยจะเป็นตุ๊กตาที่ได้มาใหม่ เพราะมีเพียงของอย่างเดียวที่นุ่งกางเกงสีแดงอยู่ และนอกจากฉันกับคนขับรถแล้ว ก็ไม่มีใครได้เห็นตุ๊กตาที่เอามา ด้วยยังอยู่ในถุงบนห้องทำงาน

จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้คุยกับแม่ของเด็กว่า อาจจะเป็นการตาฝาดก็ได้ เพื่อให้สบายใจ จะได้ไม่ต้องกลัว แต่ในความรู้สึกส่วนตัวแล้ว การเกิดเหตุที่มีเรื่องราวพ้องพาน เป็นการแสดงสัญลักษณ์แบบที่กลุ่มพวกภูติผี ดวงจิตวิญญาณ มักจะนิยมใช้

จากประสบการณ์ตรง การ “แสดง” ให้เห็นพลังงาน และตัวตนของเหล่าดวงจิตวิญญาณ มีรูปแบบหลากหลาย แต่ถ้าพิจารณาให้ดี จะมีการเชื่อมโยงในสิ่งที่ผู้ประสบจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา เป็นต้นว่า การที่มีเด็กมองเห็น “ลุงสวมกางเกงสีแดง”

ตัวอย่างการวิเคราะห์ :

เมื่อเด็กพูดขึ้นมาก่อนจากสิ่งที่ตนเองเห็นฉับพลัน : เชื่อได้อย่างหนึ่งว่า เด็กๆ มักจะพูดความจริง และไม่มีเหตุผลที่เด็กจะสร้างเรื่องโดยปราศจากแรงจูงใจ ไม่ได้อยู่ในชั่วโมงการใช้จินตนาการใดๆ

เด็กอาจจะแต่งเรื่องได้มั้ย - ก็ได้ แต่ : เด็กเห็นคนที่มีลักษณะตรงกับหุ่น ที่เด็กและแม่ต่างไม่เห็นมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามี

หุ่นเพิ่งเข้าบ้านมา เหตุการณ์ปรากฏหลังวันได้หุ่นมา

หุ่นอยากจะบอกอะไร : หุ่นอาจอยากจะบอกว่า เขามีอยู่จริง และเพื่อให้ “เชื่อ” ได้มากขึ้น หรือ “ให้ครุ่นคิดหาความเชื่อมโยงดู” หุ่นจึงเลือกให้คนเห็นเป็นเด็กซึ่งร้องถามแม่ทันควัน เท่ากับแม่เป็นพยานการกระทำของเด็กอีกอย่าง

คิดแล้วก็อดขบขันไม่ได้ว่า พวกหุ่นตุ๊กตานั้น บางครั้งก็ช่างล่วงรู้ใจคน รู้กระทั่งว่าตัวฉันเองยังแอบนึกสงสัยในใจ - - อย่างที่แอบคิดว่าเขามีอิทธิฤทธิ์จริงหรือไม่ - - แล้วก็ได้รู้อย่างรวดเร็วจริงๆ



ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:sanook.com

โพสต์โดย : monnyboy