ออกโรงเตือน “วิษณุ” ยุบสภาก่อนมีกม.ลูกลำบากแน่

“วิษณุ” ปิดประตูใช้กฎหมายลูก ก.ค.นี้ บอกยุบสภาก่อนลำบากแน่ ปัดให้ความเห็นสูตรบัญชีรายชื่อ

 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องนายแพทย์รวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่เรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า เมื่อศาลไม่รับแล้วก็จะต้องเดินตามที่แก้ไขรัฐธรรมนูญไว้แล้ว ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ส่วนสูตรคำนวณจะต้องหารด้วย 100 ซึ่งกรรมาธิการสภาผ่านความเห็นชอบแล้ว ส่วนจะใช้สูตรนี้เลยหรือไม่ตนไม่ทราบ เนื่องจากอยู่ในชั้นกรรมาธิการ และไม่ทราบว่าจะกลับลำกลับไปใช้สูตรหาร 500 ได้หรือไม่ เนื่องจากสภาจะเป็นผู้ตัดสินไม่ใช่กรรมาธิการ และตนก็ไม่ทราบว่าชั้นกรรมาธิการจะสงวนเสียงข้างน้อยไว้หรือไม่ และตนไม่ขอลงความเห็นส่วนตัว

 

ส่วนกระบวนการจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาเมื่อไหร่นั้น นายวิษณุชี้แจงรายละเอียด ว่า วันที่ 22 พ.ค.สภาเปิด แต่ยังไม่สามารถเข้าพิจารณาได้ ซึ่งต้องประชุมร่วมกันสองสภาจะเข้าเมื่อไหร่นั้นตนไม่ทราบ ทั้งนี้นายวิษณุระบุว่า ตนไม่สามารถตอบได้ว่าพ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับจะเร็วสุดเมื่อใด เนื่องจากจะโหวตแล้วเสร็จในสภาใหญ่เมื่อใดก็ไม่ทราบและหลังจากนั้นต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ลงความเห็น ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนโดยหากไม่มีการแก้ไขอะไรก็ขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ซึ่งจะมีระยะเวลา 3 เดือน ดังนั้นจะออกมาช้าหรือเร็วก็ไม่ทราบ และไม่ต้องคาดการณ์ แต่ไม่ใช่เดือนก.ค.แน่นอน

 

ส่วนจะสามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยระหว่างนี้ได้อีกหรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า สามารถยื่นได้ตลอด เนื่องจากหากพิจารณาในที่ประชุมสภาแล้วเสร็จแล้วรอขึ้นทูลเกล้าฯเราสามารถยื่นได้ แต่ไม่รู้จะตั้งคำถามว่าอย่างไร อาจจะเป็นการตั้งคำถามเรื่องมาตราใดมาตราหนึ่ง แต่ไม่ใช่การตั้งคำถามเหมือนที่นายแพทย์ระวีเคยตั้ง

 

เมื่อถามย้ำว่าหากยุบสภาในระหว่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับไม่แล้วเสร็จเป็นการลำบากหรือไม่ นายวิษณุ ยอมรับว่า ลำบาก ถ้ายุบกระทันหัน

 

นอกจากนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  ยังได้กล่าวถึงวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อปี 2557 ได้หรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า ไม่ได้เกี่ยวกัน คนละประเด็นกัน ตอนนั้นเมื่อเข้ามาอย่างไรก็ต้องยื่น ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยป.ป.ช. ของรัฐธรรมนูญปี 2557 แต่การนับวาระ 8 ปีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเพิ่งมาบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับนี้

 

แต่ในรัฐธรรมนูญปี 2557 ไม่ได้บัญญัติเรื่องวาระ 8 ปี ตนจึงไม่เห็นว่าเป็นประเด็นเดียวกัน แต่จะโยงหรือไม่โยงอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้านับสถานะนายกรัฐมนตรี ?ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินใหม่อีกครั้งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน อยู่ที่ว่าใครจะไปยื่นเพราะมีเหตุอันควรสงสัยอยู่ พอถึงเวลาก็จะมีคนสงสัยอยู่ดี

 

ส่วนเรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรีควรจะชัดเจนก่อนที่ครบในเดือนส.ค.หรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า อยู่ที่ใครสงสัยก็ดำเนินการไป ถ้าไม่สงสัยจะทำทำไมเพราะตอนยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะต้องบอกว่ามีความสงสัยมีข้อขัดแย้งอะไรก็ว่าไป

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้สอบถามมาหรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า สอบถามผ่านตนมายังไม่มี แต่ผ่านคนอื่นตนไม่รู้ ยืนยันว่านายกรัฐมนตรียังไม่คุยกันเรื่องนี้

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews