ห้ามขาย ‘ ซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต
การสั่งระงับการนำเข้า เป็นผลจาก บริษัทซัมซุง สำนักงานใหญ่ ประเทศเกาหลีใต้ ได้ประกาศแนะนำลูกค้าที่ซื้อซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 7 ให้นำเครื่องมาเปลี่ยนใหม่ หลังเกิดเหตุการณ์แบตเตอรี่ระเบิด ขณะที่ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) รวมทั้งหลายสายการบินทั่วโลกก็ประกาศห้ามใช้งาน หรือแนะนำผู้โดยสารไม่ให้เปิด หรือชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ขณะที่อยู่บนเครื่องบินด้วย
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าปัจจุบันยังไม่มีการนำเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 7 (Galaxy Note 7) เข้ามาในประเทศไทย ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2559 สำนักงาน กสทช.ได้มีหนังสือถึงบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ผู้ยื่นขอใบรับรองมาตรฐาน เครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์หรือมือถือซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 7 ให้ระงับการนำเข้ากาแลคซี่ โน้ต 7 ในรุ่นที่ถูกเรียกคืนจากบริษัทซัมซุง มาจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว
จากนี้ไป หากซัมซุงจะนำเครื่องมือถือซัมซุงกาแลคซี่ โน้ต 7 รุ่นที่ไม่มีปัญหาการถูกเรียกคืน มาจำหน่ายในไทยได้ 
นายจุฬา สุขมานพ รักษาการ ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวถึงมาตรการเชิงป้องกันเกี่ยวกับซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 7 ว่า โทรศัพท์รุ่นดังกล่าวมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ และเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ได้มีหน่วยงานด้านการบินพลเรือนของประเทศต่างๆ ออกคำเตือนเพื่อป้องกันอันตรายบนเครื่องบิน กพท.จึงต้องออกประกาศแจ้งเตือน เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในทางปฏิบัติ เป็นหลักเกณฑ์ให้ตรงกับหลายๆ ประเทศ คือ ห้ามโหลดซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 7 ไว้ใต้ท้องเครื่องบิน แต่ให้ถือขึ้นเครื่องได้ และต้องปิดเครื่องและห้ามชาร์จโทรศัพท์ หรือเมื่อเกิดสิ่งผิดปกติ ให้แจ้งลูกเรือบนเครื่องบินทราบ และกำชับให้สายการบินแจ้งให้ผู้โดยสารบนเครื่องทราบด้วย
ทั้งนี้ หากผู้โดยสารรายใดฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนคำแนะนำของพนักงาน ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 8 วรรค 2 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ข้อหาฝ่าฝืนใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเวลาที่ห้ามใช้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ”
