Social :



“ไม่รอด ก็ต้องรอด” จากปากผู้หญิงที่ผ่าน “โรคซึมเศร้า” ถ้าไม่สู้ก็อยู่ไม่ได้!!!

13 ก.ย. 59 18:09
“ไม่รอด ก็ต้องรอด” จากปากผู้หญิงที่ผ่าน “โรคซึมเศร้า” ถ้าไม่สู้ก็อยู่ไม่ได้!!!

“ไม่รอด ก็ต้องรอด” จากปากผู้หญิงที่ผ่าน “โรคซึมเศร้า” ถ้าไม่สู้ก็อยู่ไม่ได้!!!

ไม่รอด ก็ต้องรอด
จากปากผู้หญิงที่ผ่าน โรคซึมเศร้า ถ้าไม่สู้ก็อยู่ไม่ได้ !!!

 

จากประเด็นสังคมที่คนพูดถึงอาการ โรคซึมเศร้า เพราะมีคนมีชื่อเสียงหลายคนที่ต้องจบชีวิตเพระโรคนี้ และนี้คือหนึ่งในผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับโรคนี้มานาน แต่ปัจจุบันเธอมีชีวิตที่สดใสขึ้น จนคนรอบข้างต่างทักว่า ชีวิตดี๊ดี

เธอเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ยังไง ลองฟังแนวคิดเธอดู
....


 


สวัสดีคะ ชื่อ กุ๊กกิ๊ก ธัญญรัศม์ นะคะ ต้องออกตัวก่อนนะคะว่า เรื่องนี้จริงๆอยากจะเล่าเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ การใช้ชีวิต และแนวคิดของกุ๊กในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พีคมากสำหรับผู้หญิงหนึ่งคนคะ

 

        กุ๊กเป็นเด็ก ตจว . คะ ครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวย  ตั้งแต่เล็กจนจบมหาลัยเรียนที่ ตจว . ตลอดเลย จนจบมหาลัยก็มาใช้ชีวิตอยู่กับแฟนคะ ก็แต่งงานกัน เราช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันสร้างตัว จนทุกอย่างมันเริ่มดีขึ้น เราเริ่มโตขึ้นทุกๆด้านคะ ในระหว่างนั้นกุ๊กไม่รู้ว่ามันเริ่มสะสมความเครียดตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่ามันเริ่มจากตอนไหน รู้แต่ว่าเราเริ่มเก็บตัว ไม่ออกไปเจอเพื่อน ไม่สนุกกับการออกไปเจอใคร รู้สึกว่าตัวเองคุยกับใครแล้วเค้าก็ไม่สนุก เราเป็นคนน่าเบื่อ มารู้ตัวอีกที คือ เราเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้  



    เราเครียด แต่ตอนนั้นพี่เค้าไม่รู้ เพราะเค้าไม่ค่อยอยู่บ้าน เราคุยกันน้อยลงเพราะเวลาทำงานเราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน พอเลิกงานเค้าก็ออกไปหาเพื่อน หนักๆเข้า เค้าเริ่มกลับบ้าน ตี
2 ตี 3 ทุกวัน ตัวกุ๊กเองก็ยิ่งเครียดเพราะบางทีเราอยากมีคนคุยด้วยแต่มันไม่มีไง หลายคนถามว่าทำไมไม่ออกไปหาเพื่อนละ แต่เราตีกรอบคำว่า เมียที่ดี คือการอยู่บ้านรอผัวกลับมา เค้าจะได้ไม่ห่วง แต่สุดท้ายยิ่งเราเก็บตัวมากเท่าไหร่มันยิ่งเครียด ต่อหน้าทุกคนไม่มีใครรู้ว่าเวลาเราอยู่คนเดียวเราเป็นแบบไหนเพราะดูจากภายนอกเราเป็นคนร่าเริง มาก ยิ้มเก่ง แต่ลึกๆแล้วมันเหมือนแค่หน้ากาก สุดท้ายเราก็ไม่ไหว จำได้ว่าวันนั้นเครียดมากๆ ขับรถไปเรื่อยๆ สุดท้ายไปโผล่ที่ รพ . แห่งนึงแถวสุขุมวิท ด้วยความที่เราไม่เคยศึกษาเรื่องแบบนี้ไง ไม่เคยมีความรู้เลย เคยเห็นแต่ในหนัง ที่เค้าไปนั่งเล่าเรื่องตัวเองให้หมอฟัง เราก็อยากมีคนระบายบ้างเลยตัดสินใจไปพบจิตแพทย์เลย 



        ตอนอยู่ในห้องจำได้ว่าร้องไห้เยอะมาก ร้องไห้จนตาบวม ไม่รู้พูดอะไรจับต้นชนปลายไม่ถูก ต้องพบจิตแพทย์อยู่หลายครั้งเหมือนกันนะจึงจะสามารถวินิจฉัยว่ากุ๊กมีอาการของ โรคซึมเศร้า และโรคย้ำคิดย้ำทำ   และก็ จ่ายยามาให้ทาน 3 ตัว หนึ่งในนั้นมียานอนหลับ ( ยาคลายเครียด ทานก่อนนอน ) กุ๊กทานยาเยอะนะ   บางทีเกินโด๊สที่หมอสั่ง เพราะบางทีทานยาไปแล้วนอนไม่หลับบ้าง หลับไม่ทันใจบ้าง จนหลังๆมากุ๊กเบลอเพราะทานยาเยอะเกินไป จำได้เลยว่าตอนนั้นทำโปรเจค ผอมด้วย รวยด้วย ซีซั่น 2 ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดับเบิ้ลเอส  

 

     พอจบงานพี่สาวกุ๊กมาเล่าให้ฟังว่า ทีมงานถามว่าคุณกุ๊กเป็นอะไร ทำไมดูเบลอๆ เพราะเราเองไม่รู้ตัวว่าเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ลิ้นมันพันกัน เหมือนอยู่ในสภาวะยาควบคุมตลอด พูดได้คำเดียวว่าตอนนั้น หดหู่กับชีวิตตัวเองมาก แต่เราต้องทำเหมือนทุกอย่างมันปกตินะ   ยิ่งช่วงที่เราเริ่มมีปัญหากับแฟน คือ รู้ว่าเค้ามีคนอื่น เรานี้จิตตกไปใหญ่เลยคะ บวกกับตอนนั้นครอบครัวเรา คุณยายก็ป่วยหนัก เราเดินทางกลับบ้านที่ ตจว . เพื่อดูแลตลอด  

 

   หลายต่อหลายครั้งที่แบบ โอ้ยย ไม่ไหวแล้ว ไม่อยู่แล้ว เพราะปัญหามันเยอะ และเราเริ่มบันทอนกำลังใจของตัวเองไปเรื่อยๆ มีบางครั้งเคยอยากบินนะ อยากบินหนีไปไกลๆ กุ๊กว่ามันคงเหมือนที่คนที่คิดสั้นหลายๆคนคิดแหละ  ณ ตอนนั้นไม่มีหรอกคำว่าผิดหรือถูก ไม่มีคำว่าคนข้างหลังจะเป็นยังไง คิดอย่างเดียว คือ ไม่ไหวแล้ว ทุกข์ใจมากแล้ว ตอนนั้นเราไม่ได้บอกที่บ้านว่าเรามีปัญหาอะไร เพราะกลัวเค้าไม่สบายใจ แต่กุ๊กว่าลึกๆเค้ารู้ เพราะทุกอย่างมันออกทางสีหน้าและแววตาตลอด

 

จนมันถึงจุดที่ทำให้เรารู้สึกไม่ไหว แล้วกับการอยู่แบบนี้แล้วเลยเลือกเดินออกมาคะ เดินออกมาแค่ตัวเอง

Lif
มีของติดตัวมาแค่นาฬิกาและกระเป๋า เสื้อผ้าอีกนิดหน่อย ไม่มีเงินเก็บเพราะช่วงที่ยายป่วยเราดึงเงินที่ได้จากการทำธุรกิจอาหารเสริมของเราไปรักษายายและดูแลที่บ้านหมดคะ ตอนนั้นไม่รู้หรอกคะว่าคิดอะไร รู้แค่ ณ ตอนนั้นมันไม่ไหวแล้ว ทุกสถานการณ์มันแย่มาก แย่มากเท่าที่ลูกผู้หญิงคนนึงไม่ควรจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ ความคิดติดลบ ไม่รู้จะเดินไปทางไหน มันมืดแปดด้าน  เงินก็ไม่มี  ไม่มีอะไรสักอย่าง   มีแต่ภาระและค่าใช้จ่าย เรายังคงต้องดูแลเหมือนเดิม

วันแรกที่มีปัญหาไม่ได้บอกพ่อแม่ เพราะเรื่องมันแรงมาก เราไม่อยากให้เค้าเครียด กุ๊กบอกเพื่อนไม่กี่คนเพราะต้องขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นเราเหมือนคนจนตรอก จนสุดท้ายพ่อแม่เรารู้เรื่อง กุ๊กกลัวมาก ทุกสิ่งอย่างความคิดมันประดังเข้ามาในหัว กลัวเค้าเสียใจ กลัวเค้าผิดหวัง เราคือเสาหลักของบ้านแล้วต่อไปจะดูแลครอบครัวยังไง !!! ทุกอย่างมันจุกจนร้องไห้ไม่ออก ความคิดเดิมๆวนเวียนเข้ามาในหัว บิน บิน บินหนีไปเลย ” …

 

แต่เชื่อไหมครอบครัว .. กุ๊กไม่ว่าอะไรเลย

สิ่งที่แม่พูดมันปลดล็อคความคิดวกวนที่มีอยู่ในหัว

ไม่เป็นไรลูก กุ๊กเริ่มใหม่ได้ แม่เชื่อ

โอ้โห น้ำตาไม่ไหลสักหยด

อย่างเดียวที่คิด คือ คนรอบตัวเราเข้มแข็งมาก

 และ ทุกคนพร้อมอยู่ข้างเราเสมอ ...

 

    จากที่เคยนอนซมคิดวกวนไปมา กุ๊กเริ่มลุกขึ้นมาแต่งตัวแล้วออกไปเจอเพื่อนๆ เจอลูกค้า เจอตัวแทน ออกไปหาความรู้เพิ่ม ไปเจอคนที่มีความคิดด้านบวก คนพวกนี้พลังงานดีๆเค้าเยอะ เค้าจะให้กำลังใจคุณ เค้าจะทำให้เรามองเห็นแนวความคิดใหม่ๆที่เหมือนโลกดีๆอีกใบที่เราไม่เคยมองเห็น โลก ใบ ใหม่ มีจริง

 

อยู่ที่เรามองนะ และเชื่อไหมว่าเมื่อความคิดเราดีจะมีสิ่งดีๆ เรื่องราวดีๆ ตามเรามาอีก เพียบเลยเหมือนกฏของแรงดึงดูด  กุ๊กได้เจอคนดีๆเยอะมาก นั้นทำให้โลกกุ๊กเปลี่ยนนะ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จนในที่สุดกุ๊กไม่ต้องทานยาอีกแล้ว ไม่ต้องไปหาหมออีกเลย เพียงแค่ต้องรู้จักตัวเอง ถ้าช่วงไหนทำงานเยอะ หรือ เครียดมาก จะต้องหาอะไรที่มันสร้างความสุขให้เราได้ เช่น ไปหาเพื่อนสายบวก หาของกินอร่อยๆ โทรหาครอบครัว ( ไลน์กรุ๊ปครอบครัว คือ สิ่งสำคัญที่เราควรมี เพราะอย่างน้อย ตื่นเช้ามาเราจะมีข้อความอวยพรดีๆจากคนที่รักเราเสมอและยังได้อัพเดตเรื่องราวดีๆให้กันได้อีก


 



ตอนนี้กุ๊กสนุกกับชีวิตและเห็นคุณค่าของชีวิตไปพร้อมๆกับให้ความสำคัญกับคนรอบๆตัว   สุดท้ายอยากจะบอกว่า การพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องไม่ดี อาการนี้เป็นเรื่องที่ควรรีบรักษา แต่เราต้องช่วยตัวเองด้วย เพราะลำพังแค่ยาที่ไปปรับเคมีในสมองคงช่วยได้ไม่มากพอ การรักษาทุกอย่างต้องใช้ตัวช่วยจากหลายๆทางประกอบกันจึงจะประสบผลสำเร็จ และ ชีวิต คือ เรื่องที่น่าอัศจรรย์ คุณจะค้นพบว่าตัวเองทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง หลังจากที่ได้เริ่มลงมือทำอย่างใดอย่างนึงแล้ว   เหมือนอย่างที่ตอนนี้กุ๊กรู้ตัวเองแล้วว่า สามารถทำงานเลี้ยงดูครอบครัวได้ด้วยนำพักน้ำแรงที่ได้มาจากการทำแบรนด์อาหารเสริมที่ใส่ใจคุณภาพและสุขภาพของลูกค้าเป็นหลัก


 


เพราะกุ๊กไม่ได้ขายกระแส แต่กุ๊กขายคุณภาพ และขายมา 3 ปี แล้ว รีวิวตัวเอง รีวิวลูกค้าที่ทานจริงเยอะมากๆ ลูกค้าใหม่ๆเลยเลือกไว้ใจ...


 


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลดน้ำหนัก " ดับเบิ้ลเอส "
สูตรที่แตกต่างเพราะช่วยดูแลรูปร่างจากหลักการธรรมชาติ

ทานน้อยลง + เผาพลาญมากขึ้น = รูปร่างดี” เป็นสูตรเด็ดที่แบรนด์ไหนๆก็ไม่สามารถทำเหมือนเราได้ จึงเป็นจุดขายหลักที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอยู่ตลอด “เรามีลูกค้าประจำเยอะมาก” เพราะเราไม่ได้ขายกระแส เราขายคุณภาพ
และคุณภาพเท่านั้นที่จะทำให้เราอยู่ได้นาน ...


http://www.doublesproduct.com/ 

https://www.facebook.com/doublesthailand/ 

FB : Gookgik Tanyarat

IG : Gookgik.xoxo

Line : @doublesthailand



โพสต์โดย : Wizz