เกิดเหตุพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 พ.ค ที่ผ่านมาโดยเฉพาะที่บ้านบุข่า ม.13 ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้มีบ้านเรือนของประชาชน ถูกพายุพัดพังเสียหายกว่า 30 หลังคาเรือน ในจำนวนนี้มีบ้านที่พังเสียหายทั้งหลัง 4 หลัง แต่ที่สร้างความเศร้าสลดคือ บ้านสองชั้นแบบยกพื้นสูง ของนางคง อายุ 45 ปี ที่สร้างมานานกว่า 20 ปีได้พังถล่มทั้งหลัง ขณะที่นางคง เจ้าของบ้านพร้อมลูกสาว และเด็กๆ รวม 7 คนที่วิ่งเข้ามาหลบพายุฝนอยู่ใต้ถุนบ้านเป็นเหตุให้ ด.ญ.บี วัย 4 ขวบ 2 เดือน ถูกตู้เสื้อผ้าล้มทับบริเวณศรีษะอาการสาหัสและเสียชีวิตขณะถูกนำส่งโรงพยาบาล
ทั้งนี้ยังมีเด็กถูกบ้านพังทับได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย ซึ่งเพื่อนบ้านได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ทำการรักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วน
ขณะที่ น.ส.สุวรรณ แม่ของ ด.ญ.บี ที่ถูกบ้านพังทับเสียชีวิตได้โผเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของลูกสาวและร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากขายลูกตาลที่ตลาดใน อ.กระสัง กลับมาถึงบ้านตอนเย็น ลูกสาวบอกวิ่งจะไปเรียกยายมากินข้าวที่บ้านระหว่างที่ลูกสาวไปตามยายก็เกิดพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักและลมกระโชกแรงสักพักก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นรุนแรงและได้ยินเสียงเพื่อนบ้านตะโกนว่าบ้านของนางคง พี่สาวพังถล่มทั้งหลังและทับเด็กที่วิ่งเข้าไปหลบใต้ถุนบ้านหลายคน จึงรีบวิ่งไปดูก็พบร่างของ น้องบี ลูกสาวอยู่ใต้เศษซากของบ้านที่พังถล่มจากนั้นเพื่อนบ้านก็ช่วยกันงัดซากปะหลักหักพังออกเพื่อนำลูกสาวส่งโรงพยาบาล แต่ลูกสาวทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
น.ส.สุวรรณ ยังบอกอีกว่า น้องบี ป็นลูกสาวคนเล็ก จากลูกทั้งหมด 4 คน พรุ่งนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนและเป็นวันแรกที่ลูกสาวจะได้ไปโรงเรียนซึ่งตนก็ซื้อชุดนักเรียน รองเท้า กระเป๋าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วน้องบี ก็ตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้ไปโรงเรียนเป็นวันแรกแต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นจนทำให้สูญเสียลูกไปทั้งยังบอกด้วยว่าหากย้อนเวลาได้จะไม่ให้ลูกห่างสายตาและหากแลกได้ก็อยากเป็นคนที่อยู่ตรงนั้นและตายแทนลูก จึงอยากฝากพ่อแม่ผู้ปกครองอย่าได้ปล่อยให้ลูกหลานไปอยู่ในที่ที่เสี่ยงอันตรายขณะที่เกิดพายุพัดกระหน่ำ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นได้