5 ปีข้างหน้า ไทยประสบปัญหาขาดแรงงานภาคเกษตร
หลังหนุ่มสาวเมินงานหนัก
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2559 นายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวหลังเปิดสัมมนาเหลียวหลังแลหน้าสู่ " Full Employment for All Ages 2021" เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมการจัดหางานครบ 23 ปี
นายอารักษ์ กล่าวว่า ในปี 2559 กกจ. ให้บริการจัดหางานทั่วประเทศ มีคนสมัครกว่า 9 แสนคน ได้รับการบรรจุงานกว่า 3 แสนคน สร้างรายได้ 4.7 หมื่นล้านบาท แต่ในอนาคตรูปแบบการจ้างงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมใน 5-10 ปี รูปแบบการจ้างงาน ภาคการผลิต 3 ภาคหลัก คือ ภาคการเกษตร ภาคการอุตสาหกรรม และภาคการบริการ จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงต้องเตรียมความพร้อมรองรับ
โดยปัจจัยด้านอายุของแรงงาน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้างงานค่อนข้างมาก มีผลโดยตรงจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุ เห็นได้ชัดในกลุ่มแรงงานภาคการเกษตรที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง การจ้างงานจะน้อยลงใน 5 ปี ปัจจุบันคนทำงานนี้เป็นกลุ่มคนสูงอายุ ขณะที่แรงงานรุ่นใหม่จะไม่เข้ามาแทนที่ เพราะมีทางเลือกอื่นที่ดึงดูดใจมากกว่า
ส่วนภาคอุตสาหกรรม ทำงานโรงงาน ควบคุมเครื่องจักร จะเป็นกลุ่มที่มีการจ้างงานลดน้อยลงมากที่สุด จะมีการใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร เข้ามาทำงานแทนคน มีการเลิกจ้าง
ทั้งนี้ การแก้ไขการขาดแคลนแรงงาน ทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน กกจ.ทำตามลำพังโดดเดี่ยวไม่ได้ ต้องนำโครงสร้างการจ้างงานเข้าไปประกอบกับการกำหนดแผนให้กระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับความเป็นจริง แม้ว่าแรงงานภาคเกษตรจะลดลง แต่ไปเพิ่มในภาคบริการ
การส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศยังมีอนาคต และไทยยังมีจุดขายที่เป็นครัวโลก ส่งออกข้าวเลี้ยงดูคนทั่วโลก ส่งออกพ่อครัวแม่ครัว สอดรับกับนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก จึงต้องยกระดับคนกลุ่มนี้ ต้องนำวิทยาการและเทคโนโลยี สร้างมูลค้าสินค้าทางการเกษตรให้มากขึ้น ต้องพัฒนาให้ผู้สูงอายุทำงานต่อเนื่อง มีรายได้ และต้องวางแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งระบบ ตั้งแต่ก่อนเกิดจนเข้าสู่วัยแรงงาน เพื่อให้เป้าหมายการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
โดยผลการวิจัยทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอาชีพ ปี 2558-2562 ที่กองวิจัยตลาดแรงงาน กรมการจัดหางาน ทำการสำรวจและวิเคราะห์จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุความต้องการแรงงานมีเพิ่มทุกปี แต่มีอัตราการขยายตัวต่ำ เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.53 โดยปี 2558 ต้องการแรงงาน 37.99 ล้านคน และปี 2562 ต้องการ 38.80 ล้านคน โดยภาคบริการจะมีแรงงานมากที่สุด อัตราขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 1.75 ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวมากที่สุด ในปี 2558 มีจำนวน 16.87 ล้านคน และในปี 2562 จะเพิ่มเป็น 18.08 ล้านคน