นายกฯ ลั่น ยึด กม.ไม่ได้กลั่นแกล้ง เพราะมี ' ม. 157' ค้ำคอ
ปูย้ำ ! ใช้หลักความเป็นธรรมเสมือนกับน้องชายและพวกท่านด้วย
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 06.30 น. วันที่ 25 ก.ย. 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังกลับจากการประชุมสหประชาชาติ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงกรณีคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งสรุปตัวเลขความเสียหายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องจ่ายในโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 35,717 ล้านบาทว่า ขั้นตอนต่อไป รัฐบาลมีหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการอย่างเดียว ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ที่ใช้มากว่า 5,000 คดีแล้ว ซึ่งไม่ได้แกล้งใคร ไม่ได้เลือกปฏิบัติอะไรใคร มันมีหน้าที่อยู่
ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการ จะถูกมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และต้องทำให้ทันอายุความที่จะสิ้นสุดภายในเดือน ก.พ. 60 ผมไม่ได้ไปเร่งรัดอะไร กฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้น รู้จักกฎหมายกันไหม เมื่อที่มาจากการร้องทุกข์กล่าวโทษ ใครมีหน้าที่ก็ทำไป ส่วนการตัดสินเป็นเรื่องของศาล ไม่ใช่เรื่องของตน ส่วนกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์และพวกนั้น เป็นหน้าที่รัฐบาล ซึ่งได้มีการตรวจสอบ 2 ฤดูกาลผลิต ในปี 55/56 และปี 56/57 ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และหน่วยงานที่ตรวจสอบให้สอบ และทำตามคำสั่งศาล ส่วนการจะไปดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอย่างไร มันมีสิทธิ สามารถทำได้ ผู้ถูกกล่าวหาก็ร้องอุทธรณ์ได้
แล้วมันผิดตรงไหน หรือไม่ต้องเข้ากระบวนการเลย แล้วเอารัฐบาลผมไปรับโทษแทน คิดให้มันถูกต้อง อย่าไปฟังสิ่งที่มันอ้างไปอ้างมา เอาหลักฐาน เอากฎหมายมาว่ากัน เวลานี้ประชาชนสับสนไปหมด กฎหมายไม่เป็นกฎหมายไปหมด เขาจะแกล้งเรื่องอะไร
สำหรับรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังจากพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2558 พบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินจำนวน 579,308,428 บาท ขณะที่รายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2557 พบว่านายบุญทรงมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้จำนวน 16,626,357 บาท
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก " Yingluck Shinawatra" ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินคดีว่า " 
วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรื่อง ขอให้ทบทวนกระบวนการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และยกเลิกการใช้มาตรา 44 โดยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ได้มีความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลและหัวหน้า คสช.ที่จะมุ่งเอาผิดกับอดีตนายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องให้ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายกรณีโครงการรับจำนำข้าวให้ได้ โดยไม่สนใจกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายเป็นการลุแก่อำนาจสร้างความไม่ชอบธรรมแก่ผู้ที่ถูกกล่าวหา และเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ด้วยเหตุผลดังนี้
1. โครงการรับจำนำข้าว มีการฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล หากตัดสินว่ามีความผิด จึงควรจะมาพิจารณาถึงความรับผิดทางแพ่งต่อไป ไม่ควรที่ผู้นำจะออกมาชี้นำสังคมและชี้นำการพิจารณาคดีของศาลรายวันก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา
2. โครงการรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้การอุดหนุนด้านการเกษตรแก่เกษตรกร ซึ่งเป็นภาคที่อ่อนแอ และเป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ถือเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของชาวนาส่วนรวม การเรียกค่าเสียหายจากนโยบายของรัฐบาล ถือเป็นครั้งแรกของประเทศที่นำเรื่องกำไรขาดทุนมาพิจารณาและเรียกค่าเสียหายจากผู้นำรัฐบาลก่อน ทั้งที่ทุกรัฐบาลก็มีการดำเนินการในทำนองเดียวกันมากมายหลายโครงการ
3. การเรียกค่าเสียหาย เป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่การทำละเมิดทั่วไป เช่น การทำให้ทรัพย์สินของราชการเสียหาย หรือการยักยอกเงินของทางราชการที่จะสามารถกำหนดค่าเสียหาย และความรับผิดได้ชัดเจน นโยบายรับจำนำข้าวจะถือเป็นการละเมิดหรือไม่ ก็ยังไม่มีความชัดเจน การยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของบุคคล ถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของบุคคล จึงไม่ควรที่จะต้องเร่งรีบ รวบรัด จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีอาญาเสียก่อน
4. การอ้างว่าหากไม่เร่งดำเนินการ คดีอาจขาดอายุความนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อเรื่องดังกล่าวยังไม่ชัดเจนว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิดหรือไม่ จึงเท่ากับยังไม่รู้ตัวผู้ต้องรับผิด อายุความจึงยังไม่เริ่มต้น
5. การออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งให้ไม่ต้องรับผิด และให้อำนาจกรมบังคับคดีใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องเป็นธรรม เท่ากับเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมขัดต่อหลักความเสมอภาค อันถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
6. มาตรา 44 เป็นสิ่งที่มีมาโดยมิชอบด้วยหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม การใช้อำนาจดังกล่าวจึงควรเป็นไปอย่างจำกัดเฉพาะตามองค์ประกอบและเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เท่านั้น กรณีการออกคำสั่งข้างต้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ได้ และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
คสช.และรัฐบาลปัจจุบัน ล้วนเป็นผู้ไม่เห็นด้วยกับนโยบายจำนำข้าว ดังนั้น จึงถือเป็น "ผู้มีส่วนได้เสีย" “ เป็นคู่ขัดแย้ง ” และมิใช่ "ผู้เป็นกลาง" การที่พยายามจะดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์และผู้เกี่ยวข้อง ด้วยวิธีการใช้ "คำสั่งทางปกครอง" โดยไม่เลือกใช้กระบวนการฟ้องร้องเป็นคดีแพ่ง จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบและขัดหลักนิติธรรม อาจทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นความพยายาม และ/หรือมีความจงใจที่จะใช้กระบวนการต่างๆ เพื่อมุ่งทำลายพรรคการเมืองและผู้นำทางการเมืองที่มีความคิดเห็นต่าง ซึ่งเท่ากับจงใจทำลายระบอบประชาธิปไตยในสังคมไทยนั่นเอง
จึงขอเรียกร้องให้หัวหน้า คสช.และรัฐบาลได้ดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายปกติ ไม่ควรใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 มุ่งใช้บังคับเพื่อเร่งเอาผิดกับบุคคลเป็นการเฉพาะ และการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐต้องเป็นไปตามหลักความเป็นธรรม และความรับผิดชอบตามกฎหมาย ไม่ควรยกเว้นหรือคุ้มครองความรับผิด
topicza.com
