Social :



นายกฯ วอนยุติ อย่าขยายประเด็น “บินฮาวาย” ขณะที่ “บิ๊กป้อม” แจงใช้งบ 20 ล้านบินฮาวายไม่ได้ไปเที่ยว

03 ต.ค. 59 14:29
นายกฯ วอนยุติ อย่าขยายประเด็น “บินฮาวาย” ขณะที่ “บิ๊กป้อม” แจงใช้งบ 20 ล้านบินฮาวายไม่ได้ไปเที่ยว

นายกฯ วอนยุติ อย่าขยายประเด็น “บินฮาวาย” ขณะที่ “บิ๊กป้อม” แจงใช้งบ 20 ล้านบินฮาวายไม่ได้ไปเที่ยว

นายกฯ วอนยุติ อย่าขยายประเด็น บินฮาวาย ” 

ขณะที่ บิ๊กป้อม แจงใช้งบ 20 ล้านบินฮาวายไม่ได้ไปเที่ยว

 


กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เช่าเหมาลำเครื่อบินการบินไทย ไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ที่ฮาวาย

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีการเดินทางไปปฏิบัติงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมคณะจำนวน 38 คน โดยใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้งบประมาณสูงเกินความจำเป็น

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเดินทางไปมลรัฐฮาวาย มันไม่มีสายการบินเดินทางโดยตรง และต้องต่อเครื่องทำให้เสียเวลา ซึ่งตนเดินทางไปเพียง 3 วัน จึงติดต่อไปยังการบินไทย ซึ่งได้เสนอวิธีการเดินทางและราคาเข้ามา การเดินทางครั้งนี้ก็ไม่ได้เก็บราคาเต็มตามวงเงินที่มีเอกสารเผยแพร่อยู่ การใช้บริการการบินไทยก็เหมือนการช่วยการบินไทย เหมือนเงินจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา เงินหน่วยงานราชการไปช่วยหน่วยงานของรัฐ ดีกว่าไปช่วยคนอื่น  

    

การเดินทางครั้งนี้ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาอยากให้เราไปเป็นหมู่คณะ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ไอซิส ความมั่นคงทางทะเล และปัญหาทะเลจีนใต้ เขาขอร้องให้ไปทุกหน่วยงานจะได้พูดเสริมกัน ไปครั้งนี้ไม่ได้ไปเที่ยว เพราะไปช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี ( 29 ก.ย.) และถึงช่วงเช้าวันศุกร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) และเริ่มทำงานพบเอกอัครราชทูตช่วงเย็น ต่อด้วยเข้าประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งสหรัฐชื่นชมไทยในการปรับปรุงมาตรฐานการบิน การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งอยากจะเอาไปเป็นแบบอย่างให้ประเทศอื่น และจะให้การสนับสนุนไทยในด้านต่างๆ ด้วย จากนั้นมีงานเลี้ยงค็อกเทลเล็กน้อย ส่วนวันรุ่งขึ้นก็ประชุมตลอด และมีงานเลี้ยงตอนเย็น พอเช้าวันอาทิตย์ ผมก็เดินทางกลับมา ส่วนอาหารที่รับประทานบนเครื่องก็เป็นอาหารไทยธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในเว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็เพื่อความโปร่งใส เมื่อเป็นเงินของประชาชนก็ต้องเปิดเผยให้ชัดเจน

    

 

วันนี้ ( 3 ต.ค. 2559) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงถึงกรณีมีการเผยแพร่การคำนวณราคากลางค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ของรองนายกฯ ประวิตร และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ 29 ก.ย.- 2 ต.ค. 59 ณ มลรัฐฮาวาย   ที่ผ่านมาว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการเช่าเหมาลำเครื่องบินการบินไทย แบบไป-กลับ เป็นการบินทางไกล 19 ชั่วโมง หากใช้บริการเครื่องบินพาณิชย์ก็ต้องต่อเครื่องบินหลายครั้งและไม่มีการทำการบินทุกวัน ส่วนเครื่องบินของกองทัพอากาศเองก็ยังไม่พร้อมและไม่มีขีดความสามารถพอในเส้นทางดังกล่าว   จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเช่าเครื่องบินเหมาลำจากการบินไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐด้วยกัน มีความชำนาญและมีบริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำอยู่แล้ว  
     

ทั้งนี้ เดิมทีคณะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่บินไปร่วมประชุมที่ฮาวาย มี 40 คน แต่ติดภารกิจ 2 คน จึงมีผู้เดินทางทั้งสิ้น 38 คน   เฉพาะการเดินทางใช้เวลา 1 วัน เข้าร่วมประชุม 2 วัน และเดินทางกลับอีก 1 วัน

Lif
ค่าใช้จ่ายคิดเป็นรายหัว ตกรายละ 5 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 19 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายการเดินทางโดยรถ ค่าที่พัก และค่าอาหาร ยืนยันว่าไม่มีการแวะเที่ยวแน่นอน
           

สำหรับเอกสารที่เผยแพร่กันอยู่นั้น โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า   เป็นการปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการที่ต้องเผยแพร่สู่สาธารณะตามนโยบายของรัฐบาลที่เน้นเปิดเผย โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้   เนื่องจากเป็นงบประมาณแผ่นดิน โดยทางการบินไทยได้ประเมินราคากลาง คิดตามราคาต้นทุน และจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริงเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ



สำหรับการประชุมนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และแสวงหาแนวทางความร่วมมือด้านความมั่นคงร่วมกัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน ได้หารือและเห็นร่วมกันว่า ภัยคุกคามของภูมิภาคปัจจุบัน มีความหลากหลาย ซับซ้อนและเชื่อมโยงมากขึ้น โดยเฉพาะภัยจากการก่อการร้าย โจรสลัด การโยกย้ายถิ่นฐาน อาชญกรรมข้ามชาติ สงครามไซเบอร์ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศสมาชิกทั้งในและนอกภูมิภาค ในการประสานงาน พัฒนากลไกและสร้างเครือข่ายความร่วมมือกัน เพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ

 

ที่ผ่านมา อาเซียน ได้นำศักยภาพทางทหารของทุกประเทศสมาชิก มาพัฒนากลไกความร่วมมือ เพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ผ่านการประสานงาน การฝึกร่วม รวมทั้งการแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ร่วมกัน โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมด้านต่างๆ เพื่อเตรียมการรับมือกับปัญหาและภัยคุกคามต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งประเทศสมาชิกนอกภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจมีส่วนสำคัญในการพัฒนาและเสริมขีดความสามารถให้อาเซียนมีความพร้อมมากขึ้น นโยบายปรับสมดุลของสหรัฐต่อภูมิภาค เป็นประโยชน์ต่ออาเซียนในความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โดยต้องการการมีส่วนร่วมอย่างรับผิดชอบของสหรัฐ ต่อเสรีภาพ สันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคที่สร้างสรรค์ พร้อมทั้งขอขอบคุณกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือมาโดยตลอด

 

 

Dr.Ashton Baldwin Carter รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวสนับสนุนอาเซียนในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และการกระชับความร่วมมือระหว่างกันในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งทุกประเทศต้องร่วมกันเสริมความมั่นคงของภูมิภาค ด้วยการเพิ่มพูนเครือข่าย ร่วมแก้ไขข้อขัดแย้ง เพื่อการคงไว้ซึ่งเสรีภาพและอิสรภาพในการเดินเรือ โดยสหรัฐพร้อมให้การสนับสนุนทุกเรื่อง ทั้งทวิภาคี ไตรภาคีและพหุภาคี เพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกัน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย จำเป็นต้องร่วมส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถด้านข่าวกรอง การรักษาฎหมาย การตอบโต้การโฆษณาชวนเชื่อ การสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมทั้งการเคารพในบูรณภาพแห่งดินแดน ความเสมอภาคและความแตกต่าง ส่วนปัญหาทะเลจีนใต้ สหรัฐให้ความสำคัญกับหลักเกณฑ์และกฎหมายสากล การจัดทำข้อตกลงร่วม การแก้ปัญหาผ่านช่องทางการทูตและจัดตั้งเครือข่ายร่วมรักษาความมั่นคง พร้อมทั้งต้องการให้จีนเข้ามามีส่วนร่วม

 

ทั้งนี้ รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้กล่าวขอบคุณไทยในฐานะพันธมิตรที่ยาวนานที่สุดของภูมิภาค ที่ให้การสนับสนุนสหรัฐฯ ในการฝึกทุกระดับ รวมทั้งกล่าวชื่นชมความสำเร็จของไทย ถึงความตั้งใจจริงในความคืบหน้าแก้ปัญหาทั้งการค้ามนุษย์ การทำประมงผิดกฎหมายและการแก้ปัญหาการบินพลเรือน พร้อมทั้งยินดีจะคงความร่วมมือ และสานต่อความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อไทย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ใช้โอกาสนี้ เชิญ ผบ.กองกำลังภาคพื้นแปซิฟิก มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป

 

 

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. อยู่ระหว่างลงนามความร่วมมือโครงการ "ประชาสังคมเข้มแข็ง สู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์" ที่เป็นการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่าง 5 หน่วยงานรัฐ โดยมีเป้าหมายให้ 37 หน่วยงานภาคประชาสังคมมีความเข้มแข็ง   โดยระหว่างการปาฐกถาพิเศษเรื่อง "นโยบายและทิศทาง ​​​ ของรัฐบาลต่อการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อความเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาประเทศ" นายกฯ ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งถึงการใช้งบประมาณของกระทรวงกลาโหม 20 ล้านบาท เหมาเครื่องบินการบินไทย นำคณะ พล.อ.ประวิตร จำนวน 38 คน ไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ที่ประเทศฮาวาย ว่า ได้รับรายงานจากสื่อแล้ว เบื้องต้นเป็นงบประมาณของคณะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ และมีการประชุมหลายคณะ จึงไม่อยากให้นำไปขยายเป็นประเด็น




topicza.com

โพสต์โดย : ครองแครง

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด