Social :



หนุ่มสงขลา เดินเท้ากว่าพันกิโล มุ่งหน้าสู่ กทม. ตั้งใจร่วมแสดงความอาลัย ‘พ่อหลวง’ ที่พระบรมมหาราชวัง

23 ต.ค. 59 15:12
หนุ่มสงขลา เดินเท้ากว่าพันกิโล มุ่งหน้าสู่ กทม. ตั้งใจร่วมแสดงความอาลัย ‘พ่อหลวง’ ที่พระบรมมหาราชวัง

หนุ่มสงขลา เดินเท้ากว่าพันกิโล มุ่งหน้าสู่ กทม. ตั้งใจร่วมแสดงความอาลัย ‘พ่อหลวง’ ที่พระบรมมหาราชวัง

หนุ่มสงขลา เดินเท้ากว่าพันกิโล มุ่งหน้าสู่ กทม. 

ตั้งใจร่วมแสดงความอาลัย พ่อหลวง ที่พระบรมมหาราชวัง

 

วันนี้ ( 23 ต.ค. 59) เป็นเช้าวันที่ 2 ของการเดินเท้าจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังท้องสนามหลวงของ นายอธิตา ศรีทวีป อายุ 30 ปี หรือบ่าวตา ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 18 ม. 11 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล   ด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว พร้อมเงินติดตัวเพียง 80 บาท   และรองเท้ากีฬาที่แม่ของเพื่อนซื้อให้ เพื่อร่วมสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และร่วมลงนามถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

โดยถือฤกษ์ออกเดินในเวลา 09.09 น.จากบริเวณหน้าสนามกีฬาจิระนคร เทศบาลนครหาดใหญ่ พร้อมถือพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไว้ด้านหน้า และแขวงธงชาติไทยไว้ด้านหลัง ซึ่งตลอดเส้นทางได้รับกำลังใจจากชาวบ้านที่นำน้ำดื่ม และเงินมาช่วยเหลือ เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจ ไว้ โดยเดินแบบค่ำไหนนอนนั่นไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่วันก็ตาม

Lif

ล่าสุดเดินทางถึง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง และตลอดเส้นทางยังคงมีประชาชนที่ทราบข่าวและเป้าหมายที่ต้องการทำความดีเพื่อในหลวงได้นำน้ำอาหารและเงินมาช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้ตลอดเส้นทางและนายอธิตายังคงมุ่งมั่นที่จะเดินต่อไปจนถึงท้องสนามหลวงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1,000 กิโลเมตร

นายอธิตา บอกว่า ชีวิตปกติทำงานขายหมวกตามหน้างานของหนังตะลุงน้องเดี่ยว รวมทั้งเคยเป็นศิลปินอิสระวงไต้ฝุ่น และเคยเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน แรงบันดาลใจในการเดินครั้งนี้คือ พ่อหลวงของคนไทย แม้จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็ไม่เท่ากับที่พระองค์ทรงทำให้คนไทยอยู่เย็นเป็นสุข

 

เมื่อคืนนี้ได้นอนพักค้างคืนที่บ้านของชาวบ้านบริเวณสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ ซึ่งได้รับการดูแลและช่วยเหลือเป็นอย่างดี หลังจากที่เริ่มออกเดินจาก อ.หาดใหญ่ ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร วันแรกของการเดินแม้จะปวดเมื่อยไปทั้งตัวและคิดว่าไม่น่าจะเดินรอด แต่พอตื่นขึ้นมาตอนเช้ากลับหายเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งความเหนื่อยไม่ได้ทำให้ตนท้อและยิ่งทำให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะกำลังใจจากผู้คนตลอดเส้นทางที่ล้วนรักในหลวงและทำให้สำเร็จ

สิ่งของที่ผู้คนนำมามอบให้มีทั้งน้ำ อาหาร และเงิน และมีนายพลฐานทัพเรือสงขลาท่านหนึ่งนำหมวกของฐานทัพเรือสงขลามามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ นอกจากนี้บางคนหวังดีจะนำจักรยานยนต์เสือหมอบมามอบให้เพื่อปั่นให้ถึงสนามหลวงเร็วขึ้นแต่ก็ปฏิเสธไปเพราะต้องการเดินเท้าตามที่ตั้งใจ แต่ขณะนี้คิดถึงลูกชาย น้องเมษา อายุ 7 ขวบ ซึ่งอยู่ที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ทำให้เป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ให้มีแรงสู้เดินทางต่อไป



topicza.com

โพสต์โดย : ครองแครง

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด