2 สามีภรรยาโร่แสดงความบริสุทธิ์ใจต่อตำรวจ หลังมือดีแฮ็กเฟซบุ๊ก โพสต์หมิ่นเบื้องสูง เรียกตัวเกย์หนุ่มที่เคยมีปัญหาด้วยมาสอบสวน ล่าสุดให้การปฏิเสธ

เมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันตัง จ.ตรัง ได้รับแจ้งร้องทุกข์จาก 2 สามีภรรยา นางสาวโบ และ นายโอม โดยระบุว่าก่อนหน้านี้มีเพื่อนคนหนึ่งได้โทรศัพท์มาถามและต่อว่าว่า โพสต์ข้อความหมิ่นในหลวง รัชกาลที่ 9 ในเฟซบุ๊กทำไม ทำให้ทั้ง 2 รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้เป็นคนโพสต์

นางสาวโบ กับ นายโอม ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ได้ออกไปทำประมงจับปลาอยู่กลาง ทะเล  กระทั่งได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนนี้ จึงต้องรีบนำเรือกลับเข้าฝั่งและรีบไปเปิดเฟซบุ๊กตรวจสอบดู ปรากฏว่ามีผู้ใช้ชื่อ "นู่โบวี่......" โพสต์ข้อความเชิงดูหมิ่นให้เกิดความเสียหายต่อพระมหากษัตริย์

นางสาวโบ ให้การว่า เฟซบุ๊กดังกล่าวไม่ใช่ของตน เฟซบุ๊กของตนใช้ชื่ออื่นที่คล้ายๆ กันด้วยการขึ้นอยู่เล่นของตนก่อน และยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นผู้โพสต์หมิ่นพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด จึงได้รีบมาแจ้งความลงบันทึกเอาไว้ก่อน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์

ทั้งนี้ นางสาวโบ ยังบอกว่า ขณะนี้ตนมีคนที่ต้องสงสัยที่อาจจะกลั่นแกล้งตนอยู่ คือคนที่ตนกับสามีมีปัญหาส่วนตัวด้วย เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เคยมาติดพันสามี โดยที่สามีได้ตัดขาดกับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว แต่ก็เคยทะเลาะวิวาทกันจนขึ้นโรงพักกันมาแล้ว

 

ขณะที่ภาพเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นใบหน้าของตน เชื่อว่าน่าจะไปเซฟมาจากเพื่อนคนอื่นๆ ส่วนตัวตนนั้นมีเฟซบุ๊ก 2 ชื่อ ขณะที่เฟซบุ๊กที่ก่อเหตุนั้นพบว่าเพิ่งจะสมัครใหม่สดๆ ร้อนๆ เพื่อใช้ก่อเหตุนี้โดยเฉพาะ เพราะก่อนหน้านี้ตนกับสามีออกเรือไปกลางทะเล ไม่ได้เข้าเฟซบุ๊กแต่อย่างใด เมื่อทราบ ข่าว จึงรีบเข้าฝั่งมาตรวจสอบดู

อย่างไรก็ตาม เมื่อ นางสาวโบ กำลังจะเปิดเฟซบุ๊กที่ก่อเหตุให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดู ปรากฏว่ามีการแจ้งลบเฟซบุ๊กดังกล่าวไปแล้ว ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัว นายสอง (นามสมมติ) ผู้ต้องสงสัยในกรณีนี้ ซึ่งเป็นหนุ่มที่มีรสนิยมรักร่วมเพศ เคยเป็นอดีตแฟนกับสามีของนางสาวโบ

เบื้องต้นนั้น นายสอง ให้การปฏิเสธทุกอย่าง ยืนยันว่าไม่ได้สร้างเฟซบุ๊กปลอมและโพสต์ดูหมิ่นเบื้องสูงตามที่ถูกกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดโทรศัพท์มือถือเอาไว้ตรวจสอบ ก่อนจะปล่อยตัวไป เพื่อหาพยานหลักฐานมาเพิ่มเติม

ขณะเดียวกันได้เตรียมเชิญผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ และพยานอีก 3-4 คน มาเข้าสอบปากคำ เพื่อหาตัวมือโพสต์ข้อความดังกล่าวต่อไป เนื่องจากเข้าข่ายการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

ที่มา clip007