Social :



"ยูเอ็น" จัดสดุดีถวายพระเกียรติ "ในหลวง ร.9" และประกาศให้วันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปี เป็น “วันดินโลก”

30 ต.ค. 59 13:03
"ยูเอ็น" จัดสดุดีถวายพระเกียรติ "ในหลวง ร.9" และประกาศให้วันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปี เป็น “วันดินโลก”

"ยูเอ็น" จัดสดุดีถวายพระเกียรติ "ในหลวง ร.9" และประกาศให้วันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปี เป็น “วันดินโลก”


" ยูเอ็น" จัดสดุดีถวายพระเกียรติ "ในหลวง ร. 9" 

และประกาศให้วันที่  5  ธ.ค.ของทุกปี เป็น   วันดินโลก

 

 


ภาพประทับใจ ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก จัดการประชุมพิเศษเพื่อสดุดีและถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และมีการยืนถวายอาลัยแด่พระองค์  

#KingBhumibolAdulyadej  

นายปีเตอร์ ธอมป์สัน ประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA)  นำกล่าวไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่  9  ยกย่องพระราชกรณียกิจของพระองค์ และนำยืนสงบนิ่ง  1  นาที ตัวแทนผู้นำจากหลายประเทศทั่วโลก กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อคนไทย และกล่าวสดุดีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

 

วันที่  28  ต.ค. 2559 เวลา  10.00  น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือประมาณเวลา  21.00  น. ตามเวลาประเทศไทย ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีการประชุมเพื่อสดุดี ถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   โดยเปิดให้ผู้แทนประเทศต่างๆ ขึ้นกล่าวสดุดี การจัดประชุมเช่นนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่มีขึ้นไม่บ่อยนัก

 

การประชุมพิเศษเพื่อถวายสดุดีดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ  15  นาที โดยประธานสมัชชาสหประชาชาติจะเริ่มกล่าวสดุดีเป็นคนแรก ตามด้วยประธานของภูมิภาคต่างๆ  5  ภูมิภาค และ น.ส.ซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำสหประชาชาติ โดยนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก   จะเป็นผู้กล่าวถวายสดุดีเป็นคนสุดท้าย ทั้งนี้ มีการถ่ายทอดสดการประชุมดังกล่าวให้รับชมผ่านเว็บแคสต์ขององค์การสหประชาชาติ   http://webtv.un.org/   ในวันและเวลาดังกล่าว

 

นอกจากนี้ องค์การสหประชาชาติหรือ  UN  ได้กำหนดให้วันที่  5  ธันวาคมของทุกปี เป็น   วันดินโลก เพื่อสดุดีพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่  9  ที่ทรงตระหนักในการพัฒนาดินอย่างต่อเนื่องและยาวนาน และมีประโยคหนึ่งที่ในหลวงทรงเคยตรัสว่า   อย่าจำตัวฉัน แต่ให้จำประโยชน์ที่ฉันทำ   ซึ่งเราชาวไทยรู้ดีว่า พระองค์ทรงเป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์

 


นายปีเตอร์ ธอมป์สัน ประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ( UNGA)  ตัวแทนจากประเทศฟิจิ   ได้เริ่มกล่าวสดุดีเป็นคนแรก ระบุว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระบรมวงศานุวงศ์ และประชาชนชาวไทย ต่อการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   รัชกาลที่  9  ซึ่งถือเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกถึง  70  ปี ซึ่งเป็นที่รักของประชาชนชาวไทย และคนทั่วโลก

 

จากนั้น ประธานการประชุม ได้ให้สมาชิกยืนขึ้นเพื่อแสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   เป็นเวลา  1  นาที

 

ต่อมา ผู้กล่าวสดุดีเป็นคนที่  2  คือ   นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ   โดยนายบันได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น นายบันกล่าวว่า เขาได้มีโอกาสเข้าเฝ้า ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทยในปี  2550  ได้เข้าร่วมและพบเห็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น องค์การสหประชาชาติขอน้อมรำลึกและแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระองค์

นายบันยังได้กล่าวยกย่องว่าทรงดำเนินโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนหลายโครงการ และสหประชาชาติได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลแห่งความสำเร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์ ในปี  2549  และเป็นรางวัลที่สหประชาชาติมอบให้เป็นครั้งแรกของโลก

 


ตามด้วยประธานของภูมิภาคต่าง ๆ  5  ภูมิภาคทั่วโลก ขึ้นกล่าวสดุดี อาทิ   นางซามานธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำสหประชาชาติ ซึ่งผู้ที่ได้ฟังคำกล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติของเธอ ต่างพูดว่าเป็นคำสดุดีที่กินใจมาก   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   เคยตรัสไว้   "อย่าจำตัวฉัน แต่ให้จำประโยชน์ที่ฉันทำ"   พร้อมยกย่องพระปรีชาสามารถในโครงการแก้มลิง แก้ปัญหาอุทกภัย เป็นการแปลเป็นภาษาไทยที่สำนักข่าวอิศรานำมาเผยแพร่ ผมขอนุญาตนำมาให้พวกเราได้ร่วมกันรำลึกในพระเกียรติของพระองค์ท่าน ซึ่งถ่ายทอดจากมุมมองของคนต่างชาติได้อย่างงดงามยิ่ง...ดังนี้

 

นี่เป็นหนึ่งในหลายวันที่ฉันรู้สึกว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศเจ้าภาพซึ่งเป็นที่ตั้งของสหประชาชาติ ขึ้นมากล่าวในวาระสำคัญนี้

MulticollaC

 

ในนามของสหรัฐอเมริกา ฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากหัวใจต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ และประชาชนชาวไทย ต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นมิตรและหุ้นส่วนตลอดชีพของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังทรงมีความสัมพันธ์ส่วนพระองค์ที่ลึกซึ้งกับชาติของเราด้วย

 

พระราชบิดาและมารดาของพระองค์ทรงพบกันในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ในขณะที่กำลังศึกษาด้านการแพทย์ พระราชบิดาของพระองค์ทรงศึกษาที่ฮาร์วาร์ด พระมารดาทรงศึกษาที่วิทยาลัยซิมมอนส์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   ทรงประทับอยู่ที่นี่ขณะยังทรงพระเยาว์เท่านั้น แต่ทุกวันนี้การดำรงอยู่ของพระองค์ยังคงรู้สึกได้อย่างมากทีเดียวในเมืองเคมบริดจ์

 

ฉันสามารถกล่าวเรื่องนี้ได้อย่างเต็มปาก เพราะก่อนที่ฉันจะมารับตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามา ฉันเป็นศาสตราจารย์สอนอยู่ที่  Kennedy School of Government  สังกัดมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในเมืองเคมบริดจ์ เวลาเดินไปทำงานและตอนขากลับ ฉันผ่านจัตุรัสภูมิพลที่อยู่ติดกับเคนเนดี้สคูลเป็นประจำ มันเป็นจัตุรัสที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงที่ประสูติของพระองค์

 

เวลาเดินผ่านจัตุรัสภูมิพล จะเห็นอยู่เสมอว่ามีคนไทยนำดอกไม้เข้าถวายสักการะพระองค์ และถ่ายรูปกับแท่นศิลาที่มีแผ่นจารึกพระนามของพระองค์ ในเคมบริดจ์ยังมีอีกหลายแห่งที่มีลักษณะคล้ายกับที่จตุรัสภูมิพล อย่างใกล้ๆ กันที่โรงพยาบาลบริแกมแอนด์วีเมนส์ เป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งพระมารดาของพระองค์เคยทรงงาน แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่ไม่มีคนไทยแวะเวียนไปมา พวกเขานำของขวัญ ดอกไม้ หรือข้อความสั้นๆ เขียนด้วยลายมือไปมอบให้กับทางโรงพยาบาล นี่เป็นการแสดงความจงรักภักดีที่คนไทยมีต่อพระองค์

 

เมื่อเกือบ  20  ปีที่แล้ว ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า ทรงปรารถนาให้คนระลึกถึงพระองค์อย่างไร พระองค์ทรงตอบว่าไม่เป็นห่วงว่าประวัติศาสตร์จะจารึกพระองค์ว่าอย่างไร พระองค์ตรัสดังนี้

 

หากพวกเขาต้องการเขียนเกี่ยวกับข้าพเจ้าในเรื่องที่ดี พวกเขาควรเขียนว่าข้าพเจ้าได้ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ไว้อย่างไรบ้าง

 

ในสายพระเนตรของพระองค์ การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์หมายถึงการหาทางคลี่คลายปัญหาที่พสกนิกรเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพสกนิกรที่ยากไร้และอยู่ชายขอบ และวิธีเดียวที่จะรู้ว่าสิ่งไหนเป็นประโยชน์ และเข้าใจถึงปัญหาที่พสกนิกรกำลังประสบอยู่ คือการเสด็จพระราชดำเนินออกไปยังถิ่นที่พสกนิกรของพระองค์อาศัยอยู่ ดังนั้น พระองค์จึงได้เสด็จฯ ไปยังภูมิภาคต่างๆ ในประเทศของพระองค์ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภูมิภาคที่ยากจนและทุรกันดาร โดยในช่วงที่ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงริเริ่มโครงการพระราชดำริเพื่อการพัฒนาหลายพันโครงการ

 

ในการเสด็จฯ ไปเยี่ยมพสกนิกรในภูมิภาคต่างๆ พระองค์ทรงเข้าไปหาพวกเขาโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นชาวประมง เกษตรกรชาวสวนยาง หรือชาวนาผู้ปลูกข้าว หรือนักเรียนประถม ครั้นเมื่อพระองค์ทรงโปรดฯ ให้บรรดาข้าราชการเข้าเฝ้า พระองค์มีพระราชดำริเลือกให้ผู้ที่ทำงานในระดับรากแก้วที่จัดว่าเป็นแก่นของสังคมเข้าเฝ้า เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและการเกษตร ครู ตำรวจ

 

พระองค์ทรงเป็นมากกว่าผู้เฝ้าสังเกตสิ่งต่างๆ อย่างพิถีพิถัน การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์หมายถึงการรู้จักหาทางแก้ปัญหาที่พระองค์เผชิญอยู่ให้ลุล่วงไป และทรงสอนคนไทยให้เรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถหลายด้าน ตลอดรัชสมัย พระองค์ทรงรับการถวายจดทะเบียนสิทธิบัตรเกือบ  40  ฉบับ ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ ทดลองและปรับปรุงแก้ไขด้วยพระองค์เอง ส่วนใหญ่เป็นผลงานที่มีพระราชปณิธานเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาที่พสกนิกรผู้ยากไร้ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน นี่เป็นเรื่องที่พิเศษและโดดเด่นยิ่งนัก

 

ตัวอย่างเช่นโครงการแก้มลิง ที่เป็นแนวคิดในพระราชดำริเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำในประเทศไทย พระองค์ทรงได้แนวคิดมาจากความทรงจำในวัยเยาว์ที่ทรงสังเกตเห็นว่าลิงเอากล้วยส่วนหนึ่งไปเก็บที่กระพุ้งแก้มจนเต็ม แล้วมันถึงค่อยนำมากินต่อในภายหลัง ซึ่งนี่เป็นที่มาของโครงการสร้างฝายเก็บกักน้ำตามจุดต่างๆ หรือการเก็บน้ำส่วนเกินในช่วงที่ฝนตกหนัก เพื่อนำไปใช้สำหรับการชลประทานในภายหลัง ทุกวันนี้ระบบแก้มลิงยังคงมีใช้อยู่ทั่วประเทศไทย โครงการพระราชดำริหลายอย่างของพระองค์ เป็นการผสมผสานการอนุรักษ์กับการพัฒนาบุคคล แนวคิดของพระองค์ล้ำหน้าไปหลายสิบปีก่อนหน้าที่จะมีการตระหนักว่า ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจสำคัญต่อความเป็นอยู่ของชุมชนในระยะยาว

 

เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.  2503  พระองค์ได้เสด็จเยือนสหรัฐฯ ตามคำกราบทูลเชิญของดไวต์ ไอเซนฮาวร์ ประธานาธิบดีในสมัยนั้น พระองค์ได้รับการทูลเกล้าเรียนเชิญให้กล่าวต่อหน้ารัฐสภาสหรัฐฯ ขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุเพียง  32  พรรษา

 

พระองค์มีพระราชดำรัสว่า การที่ทรงตอบรับคำทูลเชิญเสด็จเยือนสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ข้าพเจ้ามีความปรารถนาแบบมนุษย์ธรรมดาที่จะได้เห็นสถานที่เกิด ”  ซึ่งในครั้งนั้นพระองค์ก็ได้เสด็จฯ ไปที่เคมบริดจ์ พระองค์ตรัสด้วยว่า เสด็จฯ เยือนเพื่อยืนยันถึงสัมพันธไมตรีที่พิเศษและคุณค่าร่วมกันระหว่างชาติของเราทั้งสอง พระองค์ตรัสดังนี้

 

มิตรไมตรีของรัฐบาลหนึ่งที่มีต่ออีกรัฐบาลหนึ่งเป็นเรื่องสำคัญ แต่มิตรไมตรีของประชาชนชาติหนึ่งต่อประชาชนอีกชาติหนึ่งต่างหาก ที่เป็นหลักประกันสำหรับสันติภาพและความก้าวหน้า

 

พระองค์มีพระราชดำรัสต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า สำหรับคนไทยมีธรรมเนียมอย่างหนึ่งซึ่งมีคุณค่าอย่างยิ่ง คือเรื่องพันธะความผูกพันในครอบครัว พระองค์ตรัสดังนี้

 

คนในครอบครัวหวังว่า สมาชิกในครอบครัวจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันในยามที่ต้องการความช่วยเหลือ การให้ความช่วยเหลือมีคุณงามความดีในตัวเองอยู่แล้ว ผู้ให้ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะได้ยินคำกล่าวยกย่องทุกวัน หรือไม่มุ่งหวังสิ่งใดตอบแทน ถึงกระนั้นก็ตามผู้รับก็รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ ซึ่งเขาเองก็จะปฏิบัติตามข้อผูกพันในครอบครัวต่อไปเช่นกัน

 

พระองค์ตรัสถึงความผูกพันและความเอื้ออาทรระหว่างสมาชิกในครอบครัวไทย หากมองย้อนกลับไป จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงนำพระราชดำรัสไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของพระองค์อย่างสะดวกพระทัย ชีวิตที่ทรงบำเพ็ญพระองค์ตลอดเวลาเพื่อประโยชน์สุขต่อผู้ที่เดือดร้อน ชีวิตของการเป็นผู้ให้และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อพสกนิกรของพระองค์ทุกวัน พระองค์ไม่มุ่งหวังคำสรรเสริญเยินยอ ไม่มุ่งหวังสิ่งใดตอบแทน เพราะว่ามันเป็นเรื่องของพันธะความผูกพันที่บุคคลหนึ่งมีต่อครอบครัว และพระองค์ทรงเห็นว่าพสกนิกรไทยทุกคนเป็นครอบครัวของพระองค์ คนไทยช่างโชคดียิ่งนักที่มีพระองค์เป็นสมาชิกร่วมครอบครัวของพวกเขา และเราช่างโชคดีเหลือเกินที่จะได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตตามรอยพระบาทของพระองค์ ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่

 


นายวีรชัย พลาศรัย   เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก   กล่าวขอบคุณผู้แทนภูมิภาคต่างๆ ที่ขึ้นกล่าวสดุดี และระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนามนุษย์โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง และเป็นที่มาของโครงการพระราชดำริกว่า  4  พันโครงการ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน นำไทยจากประเทศด้อยพัฒนาขึ้นสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง

 


... topicza.com  ต้องขอบคุณตัวแทนจากสหรัฐอเมริกาในนามประชาชนตัวเล็กๆ คนหนึ่งของในหลวง รัชกาลที่  9  มา ณ ที่นี้ด้วย ที่ทำให้พระเกียรติของพระองค์เป็นที่ประจักษ์ไปทุกมุมโลกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ขอขอบคุณข้อมูล www.youtube.com
โพสต์โดย : ครองแครง