Social :



3นร.โร่ขอขมา ตื้บเด็กพิเศษ เผยกอดกันกลม แม่วอนอย่าทำอีก

23 พ.ค. 59 11:04
3นร.โร่ขอขมา ตื้บเด็กพิเศษ เผยกอดกันกลม แม่วอนอย่าทำอีก

3นร.โร่ขอขมา ตื้บเด็กพิเศษ เผยกอดกันกลม แม่วอนอย่าทำอีก

3นร.โร่ขอขมา ตื้บเด็กพิเศษ เผยกอดกันกลม แม่วอนอย่าทำอีก


ผอ.โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ จักรพงษ์พิทยาลัย ในค่ายจักรพงษ์ มทบ.12 นำ 3 นักเรียนที่รุมทำร้ายเด็กพิเศษในคลิป เข้าขอขมาแล้ว หลังพ่อ-แม่เด็กเข้าแจ้งตำรวจ ยืนยันจะไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นอีก ด้าน 3 น.ร.สำนึกผิด สวมกอดเพื่อนคืนดีกัน แม่เผยไม่ได้ต้องการเอาผิด หรือเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ต้องการคำยืนยันจากคู่กรณี ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ชี้ลูกป่วยมีอาการทางสมองสมาธิสั้น และยังป่วยเป็นโรคหัวใจ หลังเกิดเหตุมีอาการหวาดกลัว หลังจากนี้ก็จะให้ลูกไปเรียนตามปกติ แต่ถ้ามีอีกจะให้โรงเรียนดำเนินการขั้นเด็ดขาด


จากกรณี มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเด็กต่อยกัน ซึ่งมีการระบุว่า เด็กชายคนหนึ่งในคลิปเป็นเด็กพิเศษสมาธิสั้น โดยเหตุเกิดที่โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ จักรพงษ์พิทยาลัย ในค่ายจักรพงษ์มณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) โดยครูระบุว่า เป็นเพียงการล้อเล่นกัน ซึ่งคลิป ดังกล่าวมีอยู่ด้วยกัน 2 คลิป คลิปแรก เด็กพิเศษกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วถูกเพื่อนใช้เท้าถีบเก้าอี้อีกตัวใส่ แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังเด็กพิเศษใช้เท้ายันที่ท้ายทอย จนหน้าคะมำ แล้วเพื่อนอีกคนเข้ามาทำร้ายจนเด็กพิเศษเกิดเป็นการรุมทำร้าย ก่อนที่จะท้าทายให้ออกไปสู้กันตัวต่อตัวนอกห้องเรียน ส่วนอีกคลิปเป็นบริเวณนอกห้อง ขณะที่เด็กคนเดิมกำลังเดินอยู่ ก็ถูกเพื่อนวิ่งกระโดดถีบใส่ จนเด็กหันมาสู้ปกป้องตัวเอง จากนั้นก็ถูกเพื่อนเข้ามารุม โดยมีการสาดทรายใส่หน้าให้เข้าตาเพื่อจะได้ทำร้ายอย่างสะดวก


หลัง คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ถึงความร้ายกาจของเด็กนักเรียนชายกลุ่มดังกล่าว ที่กระทำรุนแรงกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เพียงเพื่อให้ได้รับความสนุกสนานสะใจ


ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.20 น. เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ่อ-แม่ของเด็กสมาธิสั้นคนดังกล่าว ซึ่งเป็นนักเรียน ระดับชั้นม.3 โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ จักรพงษ์พิทยาลัย ได้เข้าแจ้งความกับร.ต.ท. ดำรงค์ ทองลบ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ในกรณีที่ลูกชายถูกรุมทำร้ายร่างกายในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ พร้อมมีการเผยแพร่คลิปผ่านโลกออนไลน์


โดยเบื้องต้นนี้ทาง พ่อ-แม่ของเด็กต้องการลงบันทึกเป็นหลักฐาน ป้องกันไม่ให้ลูกชายตนที่มีอาการบกพร่องทางสมองและป่วยเป็นโรคหัวใจ ถูกกลุ่มเพื่อนรุมรังแกอีก เพราะที่ผ่านมาคู่กรณียังไม่ได้เข้ามาพูดคุยด้วย โดยไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ เพียงต้องการคำยืน ยันในความปลอดภัยที่ลูกชายจะได้รับต่อไป

MulticollaC

ขณะที่ผู้สื่อข่าว รายงานต่อว่า ทางด้านมณฑลทหารบกที่ 12 ค่ายจักรพงษ์ อ.เมืองปราจีนบุรี ได้รายงานให้ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 รับทราบแล้ว โดยทางฝ่ายทหารอยู่ระหว่างการประสานคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายให้มาพูดคุยตกลงกันในวันที่ 23 พ.ค.


ส่วนทางด้านนางสาว (นามสมมติ) อายุ 39 ปี แม่ของเด็กพิเศษ กล่าวว่า ที่มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากลูกชายที่มีความบกพร่องทางสมอง (สมาธิสั้น) ถูกรังแกจากกลุ่มเพื่อน ไม่ได้มาเรียกร้องเงินค่าเสียหาย หรือชดเชยใดๆ เพียงต้องการให้เด็กสามารถเรียนอยู่ร่วมกันได้ทั้งเด็กปกติ หรือสมาธิสั้นก็ตาม ต้องการคำยืนยันจากทางโรงเรียน ทางผู้ปกครองและเพื่อนที่รุมรังแก ว่าจะไม่รุมทำร้ายลูกชายลักษณะดังกล่าวอีก เพราะหลังเกิดเหตุลูกชายมีอาการหวาดกลัว โดยทางโรงเรียนแจ้งว่าจะนัดให้ไปพูดคุยกันที่โรงเรียนในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ซึ่งทางครอบครัวไม่สามารถไปได้ แต่ทางโรงเรียนก็ไม่ได้แก้ไข จึงมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน


ต่อมาเวลา 18.30 น. นายมณฑล วัฒนศฤง คาร, นางรัตนาภรณ์ ศรีสรวย รอง ผอ.เขตการศึกษาพื้นที่เขต 1 ปราจีนบุรี, นางลำพู เพ็ชรวงษา ผอ.โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ จักรพงษ์พิทยาลัย และผู้แทนมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) ค่ายจักรพงษ์ อ.เมืองปราจีน บุรี พร้อมนักเรียนชายในคลิปจำนวน 3 คนและผู้ปกครอง ได้เดินทางมาที่บ้านของนางสาว ที่ซอยสุขเจริญบ้านเนินสูง เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกับครอบครัวของเด็กพิเศษสมาธิสั้นที่ถูก รุมทำร้าย พร้อมได้มีการกราบขอขมาต่อพ่อ-แม่เหยื่อ ที่ถูกรุมรังแกและสวมกอดขอโทษการกระทำที่ได้ทำรุนแรงจากกลุ่มเพื่อนๆ ทั้ง 3 คน ต่อเด็กพิเศษสมาธิสั้น โดยทางผอ.โรงเรียนยืนยันว่า ต่อไปจะกวดขันด้านวินัยของเด็กนักเรียน การดูแลเข้มงวดของประจำชั้นช่วงชั่วโมงว่าง โดยใช้กลไกภายในสถานศึกษาต่อไป


ด้าน นางสาว มารดาของเด็กพิเศษกล่าวว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนกับทางโรงเรียน กลุ่มเพื่อน โดยเฉพาะการให้ความเมตตาคนที่อ่อนแอกว่า โดยเฉพาะบุตรชายตนเองที่บกพร่องทางสติปัญญา ควรได้รับการเห็นใจและอยู่ร่วมกันได้ไม่รังแกคนอ่อนแอกว่า แต่สิ่งที่ต้องการคือความมั่นใจในความปลอดภัยที่จะไม่ให้ลูกถูกรังแกอีก หากเกิดเรื่องขึ้นมาให้ทางโรงเรียนดำเนินการให้เด็ดขาด ขอให้เรื่องไปจบที่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และในวันพรุ่งนี้ ก็จะให้ลูกชายไปเรียนตามปกติ
 


ที่มา:khaosod

โพสต์โดย : Ao

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด