3นร.โร่ขอขมา ตื้บเด็กพิเศษ เผยกอดกันกลม แม่วอนอย่าทำอีก
ผอ.โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ จักรพงษ์พิทยาลัย ในค่ายจักรพงษ์ มทบ.12 นำ 3 นักเรียนที่รุมทำร้ายเด็กพิเศษในคลิป เข้าขอขมาแล้ว หลังพ่อ-แม่เด็กเข้าแจ้งตำรวจ ยืนยันจะไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นอีก ด้าน 3 น.ร.สำนึกผิด สวมกอดเพื่อนคืนดีกัน แม่เผยไม่ได้ต้องการเอาผิด หรือเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ต้องการคำยืนยันจากคู่กรณี ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ชี้ลูกป่วยมีอาการทางสมองสมาธิสั้น และยังป่วยเป็นโรคหัวใจ หลังเกิดเหตุมีอาการหวาดกลัว หลังจากนี้ก็จะให้ลูกไปเรียนตามปกติ แต่ถ้ามีอีกจะให้โรงเรียนดำเนินการขั้นเด็ดขาด
จากกรณี มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเด็กต่อยกัน ซึ่งมีการระบุว่า เด็กชายคนหนึ่งในคลิปเป็นเด็กพิเศษสมาธิสั้น โดยเหตุเกิดที่โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ จักรพงษ์พิทยาลัย ในค่ายจักรพงษ์มณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) โดยครูระบุว่า เป็นเพียงการล้อเล่นกัน ซึ่งคลิป ดังกล่าวมีอยู่ด้วยกัน 2 คลิป คลิปแรก เด็กพิเศษกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วถูกเพื่อนใช้เท้าถีบเก้าอี้อีกตัวใส่ แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังเด็กพิเศษใช้เท้ายันที่ท้ายทอย จนหน้าคะมำ แล้วเพื่อนอีกคนเข้ามาทำร้ายจนเด็กพิเศษเกิดเป็นการรุมทำร้าย ก่อนที่จะท้าทายให้ออกไปสู้กันตัวต่อตัวนอกห้องเรียน ส่วนอีกคลิปเป็นบริเวณนอกห้อง ขณะที่เด็กคนเดิมกำลังเดินอยู่ ก็ถูกเพื่อนวิ่งกระโดดถีบใส่ จนเด็กหันมาสู้ปกป้องตัวเอง จากนั้นก็ถูกเพื่อนเข้ามารุม โดยมีการสาดทรายใส่หน้าให้เข้าตาเพื่อจะได้ทำร้ายอย่างสะดวก
หลัง คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ถึงความร้ายกาจของเด็กนักเรียนชายกลุ่มดังกล่าว ที่กระทำรุนแรงกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เพียงเพื่อให้ได้รับความสนุกสนานสะใจ
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.20 น. เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ่อ-แม่ของเด็กสมาธิสั้นคนดังกล่าว ซึ่งเป็นนักเรียน ระดับชั้นม.3 โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ จักรพงษ์พิทยาลัย ได้เข้าแจ้งความกับร.ต.ท. ดำรงค์ ทองลบ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ในกรณีที่ลูกชายถูกรุมทำร้ายร่างกายในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ พร้อมมีการเผยแพร่คลิปผ่านโลกออนไลน์
โดยเบื้องต้นนี้ทาง พ่อ-แม่ของเด็กต้องการลงบันทึกเป็นหลักฐาน ป้องกันไม่ให้ลูกชายตนที่มีอาการบกพร่องทางสมองและป่วยเป็นโรคหัวใจ ถูกกลุ่มเพื่อนรุมรังแกอีก เพราะที่ผ่านมาคู่กรณียังไม่ได้เข้ามาพูดคุยด้วย โดยไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ เพียงต้องการคำยืน ยันในความปลอดภัยที่ลูกชายจะได้รับต่อไป