อาถรรพณ์นางตะเคียน วังบางนมโค

เพราะไม้เนื้อจะแข็ง ทำให้บ้านแข็งแรง "ไม้ตะเคียน"  
ก็เป็นไม้ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำมาทำเสาเรือน  

ทั้ง ๆ ที่รูปร่างลักษณะของต้นตะเคียนจะมีปุ่มมีปมที่โคนต้นทำให้มองดูน่ากลัว และชาวบ้านก็มักเชื่อกันว่าต้นตะเคียนทุกต้นจะมีนางไม้สิงสถิตอยู่ 

ถ้าเสาตะเคียนตกมัน เชื่อได้เลยว่าบ้านนั้น "ผีดุ" เพราะมีผีนางตะเคียนอยู่ที่เสาบ้านจึงต้องหาดอกไม้ พวงมาลัย หาผ้า 3 สี

ไปผูกบูชารับขวัญนางตะเคียน ความดุร้ายของนางตะเคียนว่ากันว่า ต้นตะเคียนที่ปลูกคู่กัน ถ้าเอาศพไปฝังระหว่างกลางต้นตะเคียน 

ในสมัยรัชกาลที่ 4

อาถรรพณ์นางตะเคียนที่ร่ำลือมาในอดีต เคยเกิดขึ้นที่วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เรื่องนี้เล่าโดย 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ซึ่งมรณภาพไปนานแล้ว แต่ในสมัยหนึ่ง ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโค 

"ผีนางไม้หรือนางไม้นั้นคือรุกขเทวดา เป็นเทวดาประเภทหนึ่งที่มีบุญญาธิการน้อย วิมานไม่สามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ 

ต้องอาศัยต้นไม้ที่มีแก่นเป็นพระวิมาน"

ความประหลาดของต้นตะเคียนในวัดบางนมโคที่ว่านี้ เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อปานยังมีชีวิตอยู่ เรื่องของเรื่องนั้นมีว่า 

ซึ่งหลวงพ่อปานก็เกรงว่าวันหนึ่งกิ่งจะหัก หรือลำต้นจะโค่นลงมาทับหลังคากุฏิ ท่านจึงติดต่อทางในกับนางไม้เพื่อขอโค่นต้นตะเคียน 

ปรากฏว่านางไม้ไม่ยอมให้โค่น แม้แต่หลวงพ่อจะริดกิ่งก้านออกบ้าง นางไม้ก็ไม่ยอมอีก หลวงพ่อจึงขอสัญญาจากนางไม้ว่า 

หลวงพ่อจะต้องตัดทิ้ง นางไม้ก็ตกลง และก็เป็นเหตุประหลาด ที่ต่อมาได้มีกิ่งก้านสาขาของต้นตะเคียนที่แห้งจวนเจียนจะหักมากวัดแกว่งอยู่บนหลังคาหลายกิ่ง 

แต่ก็ไม่ขาดออกจากกัน เพียงแต่ห้อยแกว่งไปแกว่งมา แล้วไม่นานก็มีลมกรรโชกหอบเอากิ่งตะเคียนปลิวไปตกเลยกุฏิ 

ในสมัยหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านมาเป็นเจ้าอาวาส ครั้งนั้นเป็นที่โจษขานกันว่า นางตะเคียนวัดบางนมโคให้หวยแม่น ถูกกันหลายราย 

จึงมีภรรยาอดีตนายอำเภอท่านหนึ่ง ซึ่งมีความนับถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำมานาน มาภายหลังนายอำเภอเสียชีวิต ครอบครัวก็มีความลำบากมาก 

แต่ต้องมาคนเดียวตอนดึกๆนะ ถ้ามีโชค นางตะเคียนเขาอาจจะให้" หลวงพ่อพูดเช่นนี้ เพราะคิดว่าเธอคงไม่กล้ามาอย่างแน่นอน 

เพราะวัดบางนมโคสมัยนั้นค่อนข้างเปลี่ยว ยิ่งดึกก็ยิ่งวังเวง น่ากลัว ไฟฟ้าก็ไม่มี จึงไม่มีใครกล้าผ่านมาในยามดึก และหลวงพ่อยังย้ำว่า 

แล้วเอากระดาษเปล่ากับดินสอมาด้วย มาถึงต้นตะเคียนต้นใหญ่ที่มีโพรงตรงโคนต้น ก็ให้จุดธูปอธิษฐานขอตัวเลขตามที่ต้องการ 

แล้วเอากระดาษดินสอใส่ไว้ในโพรง จากนั้นก็กลับไปรอที่บ้าน แล้วราวๆตี 4 ให้ย้อนกลับมาดูกระดาษในโพรงใหม่ ถ้านางตะเคียนให้ลาภ 

ก็เพราะหากสว่างเมื่อไหร่ ตัวเลขจะหายไปทันที

เมื่อได้เรื่องแล้ว ภรรยานายอำเภอก็ลากลับ จากนั้นก็ผ่านไป 3 ปี ภรรยานายอำเภอก็กลับมาหาหลวงพ่ออีกครั้ง ในความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม 

เธอกลับมาเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า เมื่อหลวงพ่อแนะนำเธอในคราวนั้น เธอก็มาขอหวยนางตะเคียนจริงๆ โดยเวลา 4 ทุ่ม 

จุดบูชาแล้วอธิษฐาน ขอให้นางตะเคียนเมตตา ช่วยบอกเลขท้าย 3 ตัว รางวัลที่ 1 ด้วย จากนั้นก็เอากระดาษกับดินสอใส่ไว้ในโพรงต้นตะเคียน 

แล้วจึงกลับบ้าน พอได้เวลาเกือบตี 4 เธอก็ย้อนกลับมาที่ต้นตะเคียน และล้วงเอากระดาษที่ใส่ไว้ในโพรงออกมาดู ก็เห็นเลข 3 ตัวเขียนไว้ชัดเจน 

ภรรยานายอำเภอจึงนำเลขที่ได้ไปซื้อ ปรากฏว่าเลขท้ายรางวัลที่ 1 ตรงกับเลขที่ได้จากโพรงต้นตะเคียน เธอจึงถูกรางวัลได้เงินมาก้อนใหญ่ 

และก็ทำเช่นนี้เรื่อยมาทุกงวด เป็นเวลา 3 ปี จนเธอเก็บหอมรอมริบตั้งตัวได้ จึงหันมาลงทุนค้าขาย และเลิกเล่นหวยอย่างเด็ดขาดแต่นั้นมา

มากราบไหว้อยู่เสมอ สังเกตได้จากผ้า 3 สีและพวงมาลัยที่ผูกห้อยระย้ารอบโคนต้นจำนวนมาก 

นี่ก็เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิญญาณที่ชวนท้าพิสูจน์ถึงปาฏิหาริย์อีกรูปแบบหนึ่ง

ที่มา xfile.teenee.com