พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานกรรมการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การพัฒนาสลากระยะ 3 ต้องการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ด้วยการพัฒนาระบบซื้อ-จองล่วงหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คัดกรองผู้ขายจริงให้อยู่ในระบบ และตัดสิทธิ์ผู้ขายที่ผิดสัญญา ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาอย่างเป็นระบบ พร้อมกระจายโอกาสการเข้าถึงอย่างเป็นธรรม หลังจากมีการจัดสรรปริมาณการจำหน่ายสลากใหม่ จากเดิม 37 ล้านฉบับคู่ เพิ่มเป็น 50 ล้านฉบับคู่ ในเดือนตุลาคม 2558 ด้วยการจัดสรรให้องค์กรต่าง ๆ ร้อยละ 35 บุคคลรายย่อย ร้อยละ 39 และบุคคลรายย่อยโครงการฯ ร้อยละ 26 จากนั้นเดือนมกราคม 2559 ได้จัดพิมพ์เพิ่มเป็น 60 ล้านฉบับคู่ จัดสรรให้องค์กรต่าง ๆ ร้อยละ 16 บุคคลรายย่อย ร้อยละ 31 และบุคคลรายย่อยโครงการฯ ร้อยละ 53 ซึ่งจะเห็นว่ากลุ่มผู้ค้าสลากรายย่อยสามารถเข้าถึงสลากมากกว่าในอดีตอย่างมาก คาดว่าปี 2559 จะนำส่งรายได้เข้าคลังประมาณ 20,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 2558 ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อสลากกระจายไปยังผู้ค้ารายย่อยสัดส่วนร้อยละ 60 มากกว่าสลากในโควตา ซึ่งจัดสรรให้กับองค์กรต่าง ๆ ในสัดส่วนร้อยละ 40 ราคาสลากในตลาดจึงสะท้อนความต้องการของผู้ซื้ออย่างแท้จริง และอนาคตยังต้องการปรับสัดส่วนองค์กรให้ลดลงเหลือร้อยละ 35 และบอร์ดสลากวันนี้จึงเห็นชอบให้คนพิการ ซึ่งเป็นสมาชิกหลายสมาคม หลายองค์กรได้ แต่ต้องรับโควตาสลากได้เพียงองค์กรเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังกำหนดให้มูลนิธิ องค์กร ต้องจัดส่งงบการเงิน การดูแลสมาชิก สำหรับการแก้ปัญหาสลากเกินราคาในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์
พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า เตรียมเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 เช่น การกำหนดสัดส่วนเงินรายได้จากการจำหน่ายสลาก โดยจัดสรรให้ร้อยละ 60 เป็นเงินรางวัล ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นรายได้แผ่นดิน ไม่เกินกว่าร้อยละ 17 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และร้อยละ 3 เป็นเงินกองทุนเพื่อพัฒนาสังคม ส่วนเงินกองทุนยังต้องหารือร่วมกันเพิ่มระหว่างกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะอาจตัดเงินดังกล่าวออกไป เนื่องจากความจำเป็นการใช้จริงไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และการแก้ไขพระราชบัญญัติสำนักงานสลากฯ ครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจำหน่ายสลากในปัจจุบัน ป้องกันปัญหาหลายด้าน และต้องการบริหารจัดการจำหน่ายสลากให้เป็นไปตามที่กำหนด อีกทั้งยังสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ประกอบอาชีพจำหน่ายสลากปลีกได้อย่างแท้จริง โดยขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังจัดให้มี “ใบอนุญาตขายสลาก” ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลประกาศ หากจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาตจะถือเป็นความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท เพื่อต้องการดูแลการจำหน่ายสลากให้มีประสิทธิภาพ