Social :



วิธีป้องกันอันตรายจาก ‘แมลงก้นกระดก’ อย่า ‘ตบ บี้ ขยี้’ บนผิวหนัง! (มีคลิป)

27 พ.ค. 59 13:56
วิธีป้องกันอันตรายจาก ‘แมลงก้นกระดก’ อย่า ‘ตบ บี้ ขยี้’ บนผิวหนัง! (มีคลิป)

วิธีป้องกันอันตรายจาก ‘แมลงก้นกระดก’ อย่า ‘ตบ บี้ ขยี้’ บนผิวหนัง! (มีคลิป)

วิธีป้องกันอันตรายจาก ‘แมลงก้นกระดก’ อย่า ‘ตบ บี้ ขยี้’ บนผิวหนัง!



ถ้าเจ้าตัวนี้มาเกาะบนตัวคุณ ห้ามตบมันเด็ดขาด เพราะในตัวมันมีสารพิษชนิดเหลว

เมื่อสัมผัสผิวเราจะทำให้ผิวหนังบริเวณที่สัมผัสไหม้มักเเป็นรอยแปลกๆ

จากข้อความทางโซเชียลมีเดีย ที่ส่งต่อๆ กันมาเป็นทอดๆ เกี่ยวกับพิษภัยของ “ด้วงก้นกระดก”

ที่เมื่อโดนกัดหรือต่อยแล้ว จะเกิดเป็นโรคผิวหนังอักเสบ จนอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตนั้น

ทาง ‘สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย’ ยืนยันว่าโรคผิวหนังอักเสบจากแมลงก้นกระดกชนิดนี้

ไม่ได้เป็นโรคใหม่ ซึ่งมีการค้นพบในประเทศไทยหลายสิบปีแล้ว แต่ก่อนนี้มักพบบ่อยตามชานเมืองที่มีหนองน้ำ

แต่ปัจจุบันพบบ่อยขึ้น ทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯและในทุกฤดูกาล ส่วนต่างประเทศมีรายงานการระบาด

เช่น ไต้หวัน อินเดีย อาฟริกา แต่ยังไม่เคยมีการรายงานว่าถึงแก่ชีวิต

         “เตือนกันทั่วโลกไปแล้วว่า แมลงชนิดนี้ (ไม่ทราบว่าจะแปลชื่อเป็นภาษาไทยว่าอย่างไรดี)

แต่ถ้ามาเกาะบนตัวคุณ ห้ามตบมันเด็ดขาด เพราะในตัวมันมีสารพิษชนิดเหลว เมื่อสัมผัสผิวเรา ตายลูกเดียวเลย

บอกเด็ก ๆ เพื่อนๆ ด้วยว่าหากมีแมลงแบบนี้มาเกาะ ให้ใช้ปากเป่าไล่ก็ได้แล้ว ห้ามใช้มือตีมันเด็ดขาด

หมอเน้นว่าถ้าแชร์เรื่องนี้ออกไปสักสิบคน อย่างน้อยช่วยชีวิตคนได้ถึงหนึ่งชีวิตเชียว”  ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย

    ข้อความนี้มีส่วนถูกต้อง คือ เมื่อโดนแมลงนี้ห้ามตบ เพราะในตัวมีสารพิษ

แต่ที่ไม่ถูกต้อง คือ ถึงแก่ชีวิต

และแมลงตัวนี้บินไม่ได้ จึงไม่สามารถมาเกาะได้ ส่วนใหญ่ผู้ที่โดนจะไม่รู้สึกตัวจะทราบก็มีผื่นแล้ว

ไม่เคยมีรายงานว่าถึงตาย และรูปที่ส่งมาเป็นตุ่มน้ำ พอง ไม่น่าจะเกิดจากแมลงชนิดนี้

""
ทำความรู้จักแมลงชนิดนี้

""
   แมลงก้นกระดก หรือ ด้วงก้นกระดก หรือ แมลงเฟรชชี่ (มักจะเจอช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ)

มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Paederus Fucipes เป็นแมลงขนาดเล็ก ประมาณ 7-8 มม. ส่วนหัวมีสีดำ ปีกน้ำเงินเข้ม

ขนาดเล็ก และส่วนท้องมีสีส้ม ชอบงอส่วนท้ายกระดกขึ้นลง ทำให้ได้ชื่อว่าแมลงก้นกระดก
Lif

เป็นแมลงที่พบเฉพาะในเขตร้อนชื้น โดยมากอาศัยบริเวณพงหญ้าที่มีความชื้น ใกล้หนองน้ำ ชอบออกมาเล่นไฟ

และแสงสว่างตามบ้านเรือน ทำให้พบว่ามันจะลอดมุ้งลวดเข้ามาได้

  ผื่นที่เกิดจากแมลงชนิดนี้ไม่ได้เกิดจากการที่มันกัดหรือต่อย

แต่เกิดจากการที่ไปโดนแล้วบี้ทำให้สารเคมีในตัวที่ชื่อว่า paederin สัมผัสผิวหนัง

บริเวณที่สัมผัสไหม้มักเเป็นรอยแปลกๆตามที่มือไปสัมผัส อาจเป็นเส้นเป็นทางทำให้คิดว่าเป็นงูสวัดหรือเริม

บางครั้งพบลักษณะเฉพาะของโรคนี้ คือ kissing lesion คือถ้าเป็นที่ข้อพับจะเกิดผื่นที่เหมือนกันในด้านตรงข้าม

ส่วนใหญ่มักโดนเวลากลางคืน แต่จะไม่เกิดอาการ จน 6-12 ชั่วโมง จึงเกิดอาการ

ทำให้มือที่สัมผัสไปโดนบริเวณอื่นแล้วทำให้เกิดอาการหลายตำแหน่งได้

""
การป้องกัน

""
เมื่อโดนแมลงหรือเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ให้ล้างด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดหลายๆครั้ง

หรือใช้แอมโมเนียทาบริเวณที่โดนแมลงจะลดอาการแสบร้อนได้

ถ้าผื่นเป็นน้อยๆ จะหายไปเองได้แต่ถ้ามีการติดเชื้อแทรกซ้อนต้องให้ยาปฏิชีวนะทาหรือรับประทานด้วย

ถ้ามีแมลงมาเกาะพยายามอย่าตบ บดขยี้บนลงผิวหนังให้ปัดออกหรือกำจัดโดยวิธีอื่น

แมลงชนิดนี้ชอบไฟในเวลากลางคืน ดังนั้นไม่ควรเปิดไฟแรงสูงทิ้งไว้เพราะแสงไฟจะล่อแมลงเข้ามา

จากการทดลองพบว่าแมลงจะชอบเข้ามาถ้าใช้แสงไฟนีออนหรือหลอดไฟที่มีแรงเทียนสูงกว่า 40 วัตต์

ดังนั้นประตู หน้าต่างควรบุด้วยมุ้งลวดที่มีความถี่มากๆเพื่อไม่ให้แมลงเข้ามาได้

ถ้าไม่แน่ใจว่าโดนแมลงหรือไม่ แต่แสบๆร้อนๆ ให้ทำความสะอาดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน

ทำความสะอาดบ้านมองหาตามผนังและเพดานใกล้หลอดไฟ อย่าเปิดไฟนอน

และควรปิดประตูหรือหน้าต่างให้ดีก่อนที่จะเข้านอน

จะเห็นว่าแมลงชนิดนี้ไม่ได้อันตราย กัดต่อยแล้วถึงกับชีวิต แต่สามารถทำให้ผิวหนังไหม้พองได้

ดังนั้น ควรป้องกันไว้ก่อนจะดีที่สุด





ขอบคุณข้อมูลจาก : สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย และ thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : SpokeDark.TV คลิปจากยูทูป/VOICE TV

โพสต์โดย : Ao

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด