พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงถึงการดำเนินการตามหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร จากเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่า พนักงานสอบสวนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เป็นขั้นเป็นตอน แต่เมื่อประสบอุปสรรค จึงต้องวางแนวทาง ซึ่งกำหนดขั้นตอนต่อไป คือ 1. ให้พนักงานสอบสวนทำแผนเข้าจับกุมตามหมายจับ ตามกระบวนการต้องเข้าไปขอหมายค้นต่อศาล เพื่อเข้าจ้บและค้นไปพร้อมกัน ซึ่งจะไปจับหรือขอหมายค้นวันใด ขึ้นกับเวลาที่เหมาะสม และต้องทำความเข้าใจกับมวลชนที่สนับสนุน 2. ให้นำหมายจับกระจายไปยังฝ่ายปกครองและตำรวจ ถ้าตำรวจหรือผู้ใดพบเห็นก็จับได้เลย 3. ให้ดีเอสไอทำหนังสือถึงฝ่ายปกครองทางสงฆ์ทุกระดับ ตั้งแต่มหาเถรสมาคมลงมา โดยตนเป็นทหาร จึงมองว่าควรแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการ ซึ่งดีเอสไอจะมีหนังสือไปถึง มส. วันนี้ 4. ใช้กฎหมายวิอาญา ม.189 ดำเนินการกับผู้ช่วยเหลือให้ที่พักพิง กรณีมีแพทย์ ทนายวัดฯ จะต้องไปดูว่าเข้าข่ายกฎหมายนี้หรือไม่ 
“การจับผู้ร้ายเป็นเรื่องปกติที่ผู้ต้องหาต้องหลบหนี ผู้ต้องหาก็มีมือมีเท้า จึงต้องหลบหนี สังคมต้องตัดสิน ถ้าไม่อยากให้ประเทศอยู่ในภาวะเช่นนี้ ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมมาดำเนินการ ซึ่งต้องดำเนินเป็นขั้นๆ” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติรอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง หรือถูกกลายเป็นเงื่อนไข ถึงวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะจับกุมได้หรือไม่ จึงยังตอบไม่ได้ ส่วนหากกระทรวงยุติธรรมไม่สามารถจับกุมพระธัมมชโยได้ จะพิจารณาตนเองอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า สื่อบางฉบับลงข่าวผิด ยังไม่เห็นพิจารณาตนเอง
