Social :



เล่มนี้น่าอ่านมาก!!! จะเป็นอย่างไรหากหมอผ่าตัดสมองที่ช่วยชีวิตคนมานับไม่ถ้วน เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายในวัยที่ชีวิตเตรียมพุ่งรุ่งโรจน์...36 ปี!

06 มี.ค. 60 13:43
เล่มนี้น่าอ่านมาก!!! จะเป็นอย่างไรหากหมอผ่าตัดสมองที่ช่วยชีวิตคนมานับไม่ถ้วน เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายในวัยที่ชีวิตเตรียมพุ่งรุ่งโรจน์...36 ปี!

เล่มนี้น่าอ่านมาก!!! จะเป็นอย่างไรหากหมอผ่าตัดสมองที่ช่วยชีวิตคนมานับไม่ถ้วน เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายในวัยที่ชีวิตเตรียมพุ่งรุ่งโรจน์...36 ปี!

เล่มนี้น่าอ่านมาก!!! จะเป็นอย่างไรหากหมอผ่าตัดสมองที่ช่วยชีวิตคนมานับไม่ถ้วน เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายในวัยที่ชีวิตเตรียมพุ่งรุ่งโรจน์... 36 ปี!  

 


Paul Kalanithi เป็นศัลยแพทย์ทางด้านระบบประสาท ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2558

 


# ก็แล้วทำไมหมอจะเป็นมะเร็งไม่ได้ล่ะ หมอพอลพูดเอง

 

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่พูดคุยเกี่ยวกับชีวิตและความตายที่เข้มข้นและลึกซึ้งที่สุดเล่มหนึ่งในความเห็นของแอดมิน

 

ที่เข้มข้นและลึกซึ้งเพราะก่อนตัดสินใจเรียนหมอ พอล กาลนิธิ เป็นนักค้นหาความหมายเกี่ยวกับชีวิตและความตายที่จริงจัง แม้จะเติบโตในครอบครัวแพทย์ เขากลับตัดสินใจเรียนวรรณคดีทั้งปริญญาตรีและโท แล้ววรรณกรรมและปรัชญาซึ่งเป็นเรื่องเชิงนามธรรมก็เชื้อเชิญให้เขากระโดดเข้าสัมผัสกับรูปธรรม ด้วยการเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยประสาท ด้วยเหตุผลที่ว่าระบบประสาทคือส่วนที่ควบคุมความเป็นชีวิต...ชีวิตเราจะมีชีวาหรือไม่ก็อยู่ที่การทำงานที่สมบูรณ์ของระบบประสาทนั่นเอง

 

พลันเมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ผ่านวิกฤตการรักษาจนแทบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อถามตัวเองว่าคุณค่าของชีวิตคืออะไร เขามุ่งมั่นเข้าเวรและผ่าตัดจนจบแพทย์ประจำบ้าน...วันสุดท้ายของการผ่าตัดเขาเกือบยืนไม่ไหว

ในฐานะคนรักวรรณกรรมเขามุ่งมั่นเขียนหนังสือเพื่อบอกกล่าวถึงเรื่องราวและตัวตนของเขา....ความน่าสนใจอยู่ที่การหยิบยกวรรณกรรม ศาสนา และปรัชญาเกี่ยวกับความตายที่เขาเคยร่ำเรียนมา มาเปรียบเทียบกับประสบการณ์การรักษาและการผ่าตัดสมองแบบมาราธอน เห็นความตายอยู่ตรงหน้าไม่เว้นแต่ละวัน

Lif

 

จากแพทย์ฝึกหัดที่มองเห็นความตายเป็นเรื่องปกติชนิดที่เมื่อผ่าสมองคนไข้เสียชีวิตยังมีอารมณ์มากินไอศกรีมที่วางไว้ก่อนผ่าตัดได้หน้าตาเฉย มาสู่การเป็นแพทย์ที่เน้นเข้าใจความเป็นมาและคุณค่าที่คนไข้ยึดถืออย่างถึงที่สุด

เมื่อชีวิตพลิกผันจากแพทย์เป็นคนไข้ เขาบอกเล่าและเปรียบเทียบมุมมองของทั้งสองฝ่ายได้อย่างถึงแก่น บางเรื่องคุยกับคนไข้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่เพิ่งเข้าใจ เช่น ความรู้สึกยามรับคีโม บางเรื่องพบว่าความเข้าใจของแพทย์กับคนไข้ไปคนละทาง

 

หนังสือเล่มนี้ยังบอกเล่าแนวคิดเรื่องการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง และแม้หมอที่เคยยื้ดยุดชีวิตคนไข้สุดกำลัง แต่เมื่อวันสุดท้ายของตัวเองมาถึง เขาปฏิเสธการสอดท่อช่วยหายใจและจากไปอย่างสงบ

จึงอยากให้ทั้งคนป่วยและไม่ป่วยได้อ่านค่ะ


 

ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือ
ชื่อภาษาอังกฤษ When Breath Becomes Air
ชื่อภาษาไทย เมื่อลมหายใจกลายเป็นอากาศ
ผู้เขียน Paul Kalanithi
ผู้แปล โตมร ศุขปรีชา
สำนักพิมพ์ Openworlds

 

ที่มา : Peaceful Death

โพสต์โดย : ครองแครง