เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่สะเทือนใจผู้ชายไปทั่วโลก เมื่อ นางเจสสิกา ฟาร์ราร์ ส.ส. มลรัฐเท็กซัส จากพรรคเดโมแครต วัย 50 ปี นำเสนอร่างกฎหมาย "สิทธิในการรับรู้ของผู้ชาย" (Man's Right To Know Act) ซึ่งต้องการแก้ไขกฏหมายสาธารณสุข ที่ส่งผลกระทบต่อการตรวจสุขภาพของผู้หญิง โดยเฉพาะส่วนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง ซึ่งเธอเสนอว่ากฎหมายนี้ควรระบุว่า จะปรับผู้ชายที่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเป็นเงิน 100 ดอลลาร์ หรือราว 3,500 บาท โทษฐานก่ออาชญากรรมต่อเด็กที่ยังไม่เกิด นางฟาร์ราร์กล่าวด้วยว่ากฎหมายนี้ควรจะกำหนดให้ผู้ชายสามารถช่วยตัวเองได้เฉพาะในห้องพยาบาลของคลีนิกและโรงพยาบาลที่จัดไว้ให้เท่านั้น และยังระบุว่าการหลั่งน้ำอสุจิของผู้ชายนอกช่องคลอดของผู้หญิง หรือนอกสถานที่ให้บริการด้านสาธารณสุข เป็นการละเมิดคุณค่าและศักดิ์ศรีของการมีชีวิต
ส.ส.ของมลรัฐเท็กซัสส่วนใหญ่มาจากพรรครีพับลิกัน และเท็กซัสก็เป็นมลรัฐที่มีกฎหมายควบคุมการทำแท้งที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐฯ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ที่เคร่งครัด โดยตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ผู้หญิงที่ต้องการทำแท้งต้องผ่านการตรวจอัลตราซาวด์ผ่านช่องคลอดถึง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่นางฟาร์ราร์ต่อต้าน นางฟาร์ราร์ ให้เหตุผลว่าการที่กฎหมายบังคับให้ผู้หญิงต้องเดินทางไปคลีนิกถึง 2 ครั้ง เพื่อทำอัลตราซาวด์ผ่านช่องคลอด ไม่ใช่เพื่อเหตุผลด้านสุขภาพอะไรเลย แต่เพราะต้องการทำให้ผู้หญิงที่ต้องการทำแท้งรู้สึกผิดและเปลี่ยนใจ
นักการเมืองรีพับลิกันมีจุดยืนที่ต้องการทำให้การทำแท้งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ขึ้นไปกล่าวปราศรัยสนับสนุนการเคลื่อนไหว "มาร์ช ฟอร์ ไลฟ์" ซึ่งเป็นการเดินขบวนของกลุ่มต่อต้านการทำแท้งในสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ทวีตข้อความแสดงการต่อต้านการทำแท้งอย่างเต็มที่