"ศุกร์ 13" วันโชคร้ายตามความเชื่อของชาวคริสต์ ที่กลายเป็นความเชื่อของคนทั่วโลก โดยมีเรื่องราวตำนานว่า มีคน 13 คนร่วมทานอาหารมื้อสุดท้ายกับ พระเยซู (The Last Supper) ก่อนที่พระองค์จะถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนในวัน ศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) และความเชื่อนี้เองได้ถูกสืบเนื่องตกทอดมาว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คน 13 คน มานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันแล้ว คนที่ลุกจากโต๊ะไปเป็นคนแรก จะเป็นคนแรกที่ต้องตาย
แต่ก็ได้มีการแก้เคล็ดสำหรับเลขอาถรรพ์นี้เช่นกัน ด้วยการเรียกเลข 13 ว่า "ลัคกี้นัมเบอร์" แต่ถึงจะมีคนคิดวิธีแก้เคล็ดแล้วก็ตาม เมื่อถึงวันศุกร์ 13 เมื่อไหร่ผู้คนที่มีความเชื่อเรื่องโชคลาง ต่างก็ต้องหวาดผวากับวันนี้อยู่ดี ทำให้เกิดเป็นความเศร้าสลดใจทุกครั้งเมื่อศุกร์ 13 มาเยือน บ้างก็คิดไปว่าเป็นวันปล่อยผี ผีจะออกมาอาละวาด จนมีคนนำเรื่องราวตำนานเรื่องเล่าดังกล่าวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ชื่อเรื่องว่า "ศุกร์ 13 ฝันหวาน" 
และสำหรับบางประเทศเลข 13 ไม่ได้เป็น เลขอาถรรพ์ หรือโชคร้ายเสมอไป เช่น ชาวอียิปต์จะมองว่าเลข 13 เป็นเลขมงคลตามเรื่องเล่าโบราณในสมัยฟาโรห์ว่า ชีวิตและวิญญาณของมนุษย์แบ่งเป็นขั้นเป็นตอน โดยแบ่งเป็นทั้งหมด 12 ขั้น และขั้นที่ 13 นั้น เป็นชีวิตนิรันดร์หลังความตาย โดยถือเป็นกุศโลบายของชาวอียิปต์ที่ต้องการให้คนมองความตายว่ามันไม่น่ากลัว และทุกชีวิตก็ไม่สามารถหลีกหนีความตายได้พ้น
ส่วนของประเทศไทยนั้นอาจจะไม่ได้มีเรื่องเล่าความเชื่อเหมือนต่างชาติ แต่ก็มองว่า เลข 13 เป็น "เลขมหาอุตม์" จะอุดสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้ ตามตำราเป็นเลขมงคล คือจะไม่รับรู้ถึงทวารทั้ง 9 ปิดทั้งหมดทุกช่องทาง เพื่อไม่ให้ได้ยิน ไม่ให้ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ดี หรืออีกนัยหนึ่งคือจะอุดสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาหาตัวเรานั่นเอง
อย่างไรก็ดี วันศุกร์ที่ 13 ก็เป็นเพียงหนึ่งวันตามความเชื่อ ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทำความดีละเว้นความชั่วชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน
