Social :



@เขาหน่อ-เขาแก้ว จ.นครสวรรค์

18 ส.ค. 60 10:08
@เขาหน่อ-เขาแก้ว จ.นครสวรรค์

@เขาหน่อ-เขาแก้ว จ.นครสวรรค์

เขาหน่อ-เขาแก้ว

 เขาหน่อ-เขาแก้ว อยู่ริมทางหลวงสายพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ระยะทางจากตัวจังหวัดประมาณ 45 กิโลเมตร และจากตัวที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กิโลเมตร เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดเขาหน่ออยู่เชิงเขา มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว ระหว่างทางมีถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง เคยทรงประทับพักแรมที่นี่ ต่อมาจังหวัดได้สร้างพระบรมรูปไว้เป็นอนุสรณ์ บริเวณเชิงเขามีฝูงลิงจำนวนมาก คอยรับอาหารจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน นอกจากนี้เวลาเย็นจะมองเห็นฝูงค้างคาวที่อาศัยอยู่ตามถ้ำน้อยใหญ่ในภูเขาบินออกไปหากิน ดูเป็นสายยาวสีดำอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเขาแก้ว อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากิน      "พระพุทธเจ้าหลวง" ได้เคยเสด็จประพาสบริเวณเขาหน่อเมื่อปี 2449 และต่อมาในปี 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน ภายในวัดเขาหน่อมีจุดสำคัญต่างๆ ในการตามรอยเสด็จประพาสต้น ได้แก่ "สระเสด็จ" ที่เคยทรงน้ำ สิ่งพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ถวายแด่ หลวงพ่อเเหยม และพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 สำหรับสักการะ

ติดต่อสอบถาม: อบต.บ้านแดน 056-279-320



เขาหน่อ-เขาแก้ว

เขาหน่อ-เขาแก้ว  นักเดินทางทั้งหลาย ผมขอถามสักคำถามได้ไหมว่า เวลาที่เราขับรถผ่านนครสวรรค์ขึ้นไปทางเหนือ อาจจะไปเที่ยวหรือไปธุระ อะไรก็ตามแต่ ตอนที่จะเข้าเขตจังหวัดกำแพงเพชร เราเห็นเทือกเขาหินปูนเด่นตระหง่านอยู่ข้างทาง เคยสงสัยกันมั้ยครับว่า ภูเขาลูกนี้มีอะไรน่าสนใจ หรือว่ามีอะไรให้เที่ยวได้บ้าง บางคนรู้ว่าเขาเทือกนี้ชื่อเขาหน่อ บางคนไม่รู้ คนที่รู้จักชื่อก็อาจจะไม่รู้ว่าที่เขาหน่อมีอะไรดี ผมเองเป็นคนหนึ่งที่เก็บความสงสัยมาตลอด ทั้งๆ ที่มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวสายเหนือ อย่างตาก และเชียงใหม่ อยู่บ่อยครั้ง แต่กลับไม่เคยได้มีโอกาสแวะเข้าไปชมเขาหน่อเลยสักครั้งเดียว  หลังจากที่ใช้เวลา 1 วันเต็มๆ ในการเก็บภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองกำแพงเพชร เสร็จสิ้นลงตามแผนงาน ผมขับกลับมาหาที่พักที่ชัยนาทซึ่งเป็นจังหวัดเป้าหมายในการเก็บภาพเป็นอันดับต่อไปของการเดินทาง ระหว่างมุ่งหน้าลงชัยนาท ผ่านมาที่เขาหน่อ วันนี้ผมไม่ยอมเก็บความสงสัยไว้อีกต่อไป ตัดสินใจแน่วแน่เลี้ยวซ้ายตรงป้ายซุ้มประตูวัดเขาหน่อเพื่อหาคำตอบ

ซุ้มประตูวัดเขาหน่อ

ซุ้มประตูวัดเขาหน่อ  น่าจะเป็นไปได้ว่าวัดแห่งนี้มีทางขึ้นไปบนยอดเขา (ผมคิดในใจเพราะตอนนั้นยังไม่ได้อ่านข้อมูลของเขาหน่อ) เอาละมุ่งหน้าไปเลยก็แล้วกัน

จุดเด่นของเขาหน่อ

จุดเด่นของเขาหน่อ  ขับเข้ามาตามถนนคอนกรีตที่สร้างอย่างดี เป็นอันเชื่อได้ว่าถนนสายนี้จะพาเราไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมาแวะเวียนอย่างมากมายในแต่ละสัปดาห์ ประมาณ 2 กิโลเมตรจะเห็นป้ายจุดชมค้างคาว ตอนที่ยังไม่รู้ว่าเขาหน่อมีทางเดินขึ้นไปบนยอด ผมคิดว่าการมาชมค้างคาวเป็นกิจกรรมที่เด่นที่สุดของเขาหน่อ ขับตามทางลึกเข้ามาเรื่อยๆ จะเห็นทุ่งนาเขียวขจีในฤดูฝน เขาหน่อซึ่งเป็นเทือกเขาหินปูนสูงและยาวเหยียดมีสีขาวมีต้นไม้แซมจึงยิ่งโดดเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางท้องนาสีเขียวสด กว่าจะไปถึงจุดชมค้างคาวผมแวะเก็บภาพเขาหน่อจุดแล้วจุดเล่า แต่ละจุดก็จะเก็บภาพมาหลายภาพเผื่อๆ ไว้ก่อน เวลาจะใช้ก็มาเลือกเอารูปสวยๆ ตอนนั้นเวลา บ่าย 3 โมง ยังมีเวลาอีกมากสำหรับการรอชมค้างคาวบินออกมาจากถ้ำ เพราะส่วนมากจะบินออกมาเวลา 6 โมงเย็น

เขาหน่อ-เขาแก้ว

เขาหน่อ-เขาแก้ว  เทือกเขาหินปูน 2 เทือกมีช่องว่างอยู่ตรงกลาง ผมเดาว่าเทือกหนึ่งคงชื่อเขาหน่อ และคงเป็นเทือกที่ยาวกว่า ส่วนอีกเทือกหนึ่งที่สั้นกว่าก็คงจะชื่อเขาแก้ว ทั้ง 2 เป็นหินปูนสูงเด่นขึ้นไป ถ้าไม่ได้ศึกษาเรื่องธรณีวิทยาคงยากจะจินตนาการว่าเทือกเขาแห่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ตอนนี้เราก็เข้าใกล้จุดชมค้างคาวเข้าไปทุกขณะแล้ว (จอดแวะไปเรื่อย ซ้ายทีขวาที)

จุดชมค้างคาวเขาหน่อ-เขาแก้ว

จุดชมค้างคาวเขาหน่อ-เขาแก้ว  ในที่สุดผมก็มาถึงจุดชมค้างคาวที่นี่มีลานจอดรถเตรียมไว้ให้เลือกจอดได้ตามสบาย มีทั้งด้านเขาหน่อและด้านเขาแก้ว แต่ในฤดูฝนฝั่งเขาแก้วโชคไม่ดีมีน้ำนองลานจอดรถ ก็ต้องเลือกมาจอดฝั่งเขาหน่อแทน ตอนนี้เวลา 3 โมงครึ่ง ผมไม่ต้องรีบร้อนในการที่จะชมค้างคาว ก็เลยเดินเก็บภาพไปรอบๆ บริเวณดูรูปตามไปจะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ


หอชมค้างคาวเขาหน่อ

หอชมค้างคาวเขาหน่อ  เป็นหอที่สร้างมานานมากแล้ว ในตอนนั้นคาดว่านักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมเขาหน่อกันเป็นจำนวนมาก เป็นที่พักผ่อนของคนในละแวกนี้ ตอนนี้หอชมค้างคาวดูชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก จำนวนนักท่องเที่ยวเป็นกุญแจสำคัญที่ชี้ชะตาหอชมค้างคาวสูง 3 ชั้นแห่งนี้ ว่าจะได้รับการบูรณะให้ดีดังเดิมหรือไม่

พื้นที่ชมค้างคาว

พื้นที่ชมค้างคาว  สำหรับคนที่ไม่ชอบขึ้นไปบนหอชมค้างคาว จะเลือกศาลาหลังเล็กๆ ที่อยู่ในสวนอันร่มรื่นนี้เป็นที่นั่งพักผ่อนรอคอยเวลาค้างคาวออกแสดง เนื่องจากที่บริเวณชมค้างคาวนี้มีร้านอาหารเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวฆ่าเวลา ก็ซื้อหามานั่งกินกันได้ตามอัธยาศัย แต่คงต้องระวังเป็นพิเศษเพราะที่เชิงเขาแห่งนี้มีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย มันพร้อมที่จะเข้ามาแย่งอาหารจากเราได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นคงต้องซื้อมาเผื่อพวกลิงเหล่านี้ด้วย

บริเวณโดยรอบเชิงเขาแก้ว

บริเวณโดยรอบเชิงเขาแก้ว  หลังจากที่เดินสำรวจฝั่งเขาหน่อแล้วผมเดินข้ามถนนมาฝั่งเขาแก้วเพื่อเก็บภาพมาให้ชมกันนี่ละครับ ฝั่งนี้มีลักษณะเหมือนๆ เขาหน่อ ถนนที่ตัดเข้ามาที่นี่ผ่านช่องตรงกลางระหว่างเทือกเขาทั้งสอง มีพื้นที่ให้มากพอที่จะตั้งร้านอาหารบริการนักท่องเที่ยว และเป็นลานจอดรถ ฝั่งเขาแก้วจะมีป้ายห้ามให้อาหารลิง ซึ่งก็คงเข้าใจได้ว่า ไม่ให้พวกลิงมารบกวนร้านค้า จึงต้องไปให้อาหารกันที่ฝั่งเขาหน่อ

รูปปั้นลิง

รูปปั้นลิง  

สถานที่จำหน่ายสินค้า OTOP

สถานที่จำหน่ายสินค้า OTOP  หรือจะเรียกว่าของฝากและของที่ระลึกในการมาแวะเวียนเขาหน่อ-เขาแก้วก็ว่าได้ ด้านหน้าเป็นลานจอดรถ ส่วนร้านค้าเรียงกันไปตามแนวของลานจอดรถ

Lif
ร้านอาหารเชิงเขา

ร้านอาหารเชิงเขา  จำได้ว่าผมมาที่นี่ในวันพฤหัสบดี วันธรรมดาที่จำนวนนักท่องเที่ยวมักจะมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นที่นี่หรือที่ไหนๆ แต่ร้านอาหารเหล่านี้กลับมาเปิดร้านตามปกติแทบทุกร้าน อาหารจานเด็ดที่หาได้ง่ายสุดต้องเป็นไก่ย่าง ส้มตำ และอาหารตามสั่งอื่นๆ ทั้งๆ ที่นักท่องเที่ยวมากันไม่มาก แต่กลับมีร้านค้ามาเปิดให้เลือกซื้อกันหลายร้านแบบนี้ก็เพราะว่า ชาวบ้านละแวกนี้รวมทั้งคนงานสร้างถนนก็คงจะมาอาศัยที่นี่เป็นแหล่งเสบียง ถึงยังไงก็อยากจะชวนให้ไปเที่ยวไปแวะกันเยอะๆ นะครับเพื่อกระจายรายได้ให้ชุมชน

ขึ้นสู่หอชมค้างคาว

ขึ้นสู่หอชมค้างคาว  4 โมงเย็นเป็นเวลาที่ผมคิดว่าน่าจะเริ่มขึ้นมาบนหอชมค้างคาวได้แล้ว หลังจากที่อุดหนุนเสบียงจากร้านค้าบางส่วน แล้วก็มีของในท้ายรถบางส่วนอันได้แก่เตาแก๊สสนามขนาดเล็กแบบใช้แก๊สกระป๋องสำหรับเติม หม้อสนาม น้ำ 1 ขวด กาแฟอีกหลายซอง แล้วก็แก้วสำหรับชงกาแฟ เวลาที่เราต้องรออะไรนานๆ เราควรจะมีของที่เรากินประจำติดตัวไปด้วย แล้วก็ยังต้องมีอุปกรณ์ประจำตัว ได้แก่กระเป๋ากล้อง ขาตั้ง และกระเป๋าแทบเล็ต รวมๆ แล้วพะรุงพะรังน่าดู มองดูตัวเองก็เหมือนคนบ้าเหมือนกันนะที่มารอค้างคาวตั้งแต่บ่าย 3 กว่าๆ แต่ทำไงได้ เมื่อมาแล้วก็ต้องรอละครับ เพราะคืนนี้ผมต้องไปหาที่ค้างคืนที่ชัยนาท ก็ขับไม่ไกลเท่าไหร่ ผมหอบของทั้งหมดขึ้นมาบนชั้นที่ 3 ของหอชมค้างคาว การออกแบบของหอแห่งนี้นับว่ามีไอเดียดีมาก เป็นหอรูปวงกลม แต่ละชั้นมีขนาดเล็กลงตามลำดับ และมีระเบียงรอบ รอบๆ หอชมค้างคาวเต็มไปด้วยต้นไม้เพื่อให้ความร่มรื่นเป็นสถานที่พักผ่อนทั้งของคนและของลิง การที่หอชั้น 3 มีขนาดเล็กกว่าชั้น 2 มาก ทำให้ลิงไม่สามารถกระโดดจากต้นไม้มายังระเบียงชั้น 3 ได้ นอกจากมันจะใช้บันไดวนขึ้นมาเหมือนคน ซึ่งเราก็จะระวังของกินของเราได้ง่าย  หลังจากที่เอาของทั้งหมดขึ้นมาบนหอชมค้างคาวได้แล้วก็จัดแจงต้มน้ำสำหรับกาแฟแก้วแรก ขนมอะไรซื้อมาก็เอาออกมากิน ระหว่างที่รอให้ค้างคาวบินออกจากถ้ำซึ่งเหลือเวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมง (ค้างคาวมักจะบินออกมาเวลาประมาณ 6 โมงเย็น แต่บางวันก็ออกมาเกือบ 1 ทุ่ม) เราก็ชมฝูงลิงจำนวนมากที่เชิงเขาหน่อออกมาหาของกิน คนที่มาเที่ยวที่นี่มักจะมีอะไรมาแบ่งให้มันอยู่เสมอ ทำให้มันเฝ้าอยู่ตรงศาลาข้างล่าง มีลิงอีกหลายตัวที่พยายามจะปีนต้นไม้แล้วก็หาทางกระโดดมาบนหอชมค้างคาว แต่มันจะกระโดดมาได้แค่ขอบระเบียงชั้น 2 แล้วก็ไต่วนไปรอบๆ มันขึ้นมาชั้น 3 ไม่ได้ ไม่งั้นผมก็คงต้องวุ่นวายเหมือนกันในการที่จะต้องระวังของที่เอามามากมาย เสียงฝูงลิงทะเลาะกันดังอยู่เป็นระยะๆ ผมก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการฆ่าเวลา ดูๆ พวกมันก็เพลินดีเหมือนกัน

ลิงดูคนหรือคนดูลิง

ลิงดูคนหรือคนดูลิง  เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ วันนี้มีเมฆฝนก่อตัวมาทางตะวันตก เคลื่อนผ่านตรงที่ผมอยู่ดูเหมือนลมจะพัดไปเรื่อยๆ โชคยังดีที่ไม่ตกลงมาตอนนี้ ผมกลัวว่าค้างคาวจะไม่ออกมาถ้าฝนตก นั่นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนที่มารอดูอย่างผม ลิงบางตัวก็เก็บเอาหญ้ามาเคี้ยวกิน มันมองผมที่อยู่บนหอชมค้างคาวแค่คนเดียว ผมหันไปเห็นก็เลยเก็บภาพนี้มา ตอนนี้ผมชักสงสัยแล้วว่า ผมยืนดูลิงฆ่าเวลา หรือว่าพวกลิงมันมานั่งล้อมวงเพื่อดูคนที่อยู่บนหอกันแน่

ตั้งกล้องเล็งภาพ

ตั้งกล้องเล็งภาพ  เวลา 5 โมงเย็น ผมเริ่มเอาขาตั้งออกมากาง เอากล้องมาติดขาตั้ง ผมไม่รู้ว่าค้างคาวจะบินออกมาทางไหนของภูเขา ผมก็เล็งเอาภูเขาอยู่ตรงกลางไว้ก่อนส่วนเรื่องจะปรับกล้องยังไง ตอนนี้คงไม่รู้ต้องดูสภาพแสงเมื่อถึงเวลาที่ค้างคาวบินออกมาจากถ้ำ แม้ว่าผมจะเดินทางไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ทั่วประเทศ ตั้งแต่เชียงรายไปจนถึงยะลา เที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมายนับพันแห่ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะเฝ้าดูค้างคาวบินออกมาจากถ้ำ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของการถ่ายรูปของผม เลนส์ 3 ตัวเอามาเปลี่ยนเข้าเปลี่ยนออกเพื่อลองมุมภาพ เวลาที่ต้องรออีก 1 ชั่วโมง มันช่างยาวนานสำหรับคนที่อยู่คนเดียว แต่ช่างเถอะ กินกาแฟอีกดีกว่า เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมงบนหอชมค้างคาว ผมกินกาแฟ 2 แก้ว โดยเริ่มจากการติดเตาแก๊สต้มน้ำร้อน ไม่กี่นาทีก็พร้อมดื่ม กับกาแฟสำเร็จ 3 in 1  เวลายิ่งเข้าใกล้ 6 โมงเย็นเข้าไปเท่าไหร่ ฝนก็ดูเหมือนจะตกลงมามากเท่านั้น ถ้าหากฝนตกลงมาการลงทุนรอคอยของผมในวันนี้อาจจะล่มไม่เป็นท่า ผมได้แต่ภาวนาในใจแล้วก็มองบนฟ้า หอชมค้างคาวอยู่ระหว่างกลางของเขาหน่อและเขาแก้ว หันไปทางเขาหน่อเป็นทิศใต้ ส่วนทิศตะวันตกเยื้องไปทางขวามือ น่าเสียดายที่มุมนี้คงจะไม่ได้แสงสวยๆ ยามเย็นของพระอาทิตย์ตกมาประกอบฉากค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำเป็นแน่ แต่ช่างเถอะขอแค่ฝนไม่ตกก็พอแล้ว

ค้างคาวบินออกจากถ้ำ

ค้างคาวบินออกจากถ้ำ  18.03 น. เกือบจะตรง 18.00 เลยมาแค่ 3 นาที ค้างคาวกลุ่มแรกบินออกมาจากถ้ำของเขาหน่อ-เขาแก้ว ถ้ำหลักๆ ที่มีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนนับล้านได้แก่ ถ้ำขมิ้นและถ้ำไทร จากในบรรดาหลายถ้ำ ไม่รู้ว่าถ้ำขมิ้น กับ ถ้ำไทร ถ้ำไหนอยู่สูงกว่ากัน แต่ค้างคาวบินออกมาจากถ้ำด้านบนยอดเขาก่อน แต่จำนวนเบาบางมากจนแทบมองไม่เห็นถ่ายรูปก็ลำบาก จากนั้นอีกเพียงไม่ถึงนาที ค้างคาวฝูงใหญ่บินออกมาจากถ้ำด้านล่างเป็นสายสีดำยาวเหยียด เป็นภาพที่ตื่นตามากสำหรับคนที่มาเฝ้ารอตั้งหลายชั่วโมงและเป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็น ผมใช้เลนส์เทเลที่ยาวที่สุดที่มีเล็งไปช่วงปากถ้ำเพื่อให้เห็นค้างคาวมากที่สุด แล้วก็ลองเปลี่ยนเป็นมุมกว้าง เพื่อให้เห็นสายค้างคาวบินยาวออกมาจากถ้ำจนสุดความกว้างของภาพที่เก็บได้ ค้างคาวจำนวนมหาศาลประมาณจำนวนไม่ได้เหล่านี้บินออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย บางช่วงมันจะบินเป็นเกือบเส้นตรง บางช่วงก็จะเป็นรูปคลื่นต่อกันไปเรื่อยๆ

ค้างคาวออกหากิน

ค้างคาวออกหากิน  ภาพนี้ลองขยับให้เห็นค้างคาว 2 แถว บินออกมาจาก 2 ถ้ำ สายบนจะมีจำนวนน้อยกว่าสายล่างอย่างเห็นได้ชัด เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำจริงๆ เวลาผ่านไปประมาณ 25 นาที จำนวนค้างคาวที่บินเรียงแถวออกมาก็จะเป็นเส้นบางลงเรื่อยๆ เป็นสัญญาณบอกว่ามันบินออกมาใกล้จะหมดถ้ำแล้ว ตอนนี้ผมก็เตรียมเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด ขนไปใส่รถเพื่อที่จะเดินทางต่อ

อาทิตย์ลับขอบฟ้าที่เขาหน่อ-เขาแก้ว

อาทิตย์ลับขอบฟ้าที่เขาหน่อ-เขาแก้ว  ปิดท้ายด้วยท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกตอนประมาณ 6 โมงครึ่ง พระอาทิตย์หายไปจากขอบฟ้า ค้างคาวก็หมดถ้ำ ค้างคาวจำนวนมหาศาลเหล่านี้กินแมลงเป็นอาหาร จะกลับเข้าถ้ำเวลา 4 ทุ่มไปจนถึง 7 โมงเช้า ออกลูกปีละ 2 ครั้ง ขี้ค้างคาวเป็นปุ๋ยชั้นดี มีการลักลอบมาเก็บขี้ค้างคาวบ่อยๆ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแดนได้ประกาศให้ขี้ค้างคาวเป็นทรัพยากรของชาติ ห้ามลักลอบเก็บโดยเด็ดขาด ชาวบ้านในพื้นที่ก็มาออกกำลังกายด้วยการเตะบอลในลานจอดรถ เป็นเวลาที่ผมควรจะเดินทางต่อไปได้แล้วละ แล้วพบกันใหม่ครับ...  บริเวณเขาหน่อ-เขาแก้ว มีวัดตั้งอยู่เชิงเขา มีบันไดเดินขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมวิวได้ แต่สำหรับทริปนี้ผมขอผ่านก่อน ไว้โอกาสหน้าไม่พลาดอย่างแน่นอน...


ขอบคุณข้อมูลจาก

touronthai.com

โพสต์โดย : ต้นน้ำ