@เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล จ.พิษณุโลก

     ภูเขาหินปูนและทุ่งนาอันอุดมสมบูรณ์ บางคนก็เรียกว่าที่นี่เหมือนเป็นเสมือนวังเวียงเมืองไทย บ้างก็ว่าเหมือนกับกุ้ยหลิน

     วิถีชีวิตที่พอเพียงกับความเป็นอยู่ใกล้ชิดธรรมชาตของชาวบ้าน ต.บ้างมุง อ.เนินมะปราง

     บรรยากาศยามเช้าที่หน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ถ้ำผาท่าพล อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล

     การเดินทางถ้าเริ่มจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงถนนสายเอเชีย ถึง อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี แยกขวาเข้าทางหลวงสาย 11 ไปทาง อ.ตากฟ้า ผ่าน อ.เขาทราย ไปจนถึง อ.สากเหล็ก จากแยกสากเหล็กเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1115 อีก 17 กิโลเมตร ถึงโรงเรียนเนินมะปรางศึกษาวิทยา (ก่อนถึงตัวอำเภอ 2 กิโลเมตร) มีแยกขวาไปถ้ำผาท่าพลอีก 10 กิโลเมตร ถนนลาดยางดีตลอดสาย การเดินทางสะดวก รถยนต์ส่วนบุคคล รถเก๋ง รถปิคอัพ เดินทางได้สะดวก



      เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล ห่างจากกรุงเทพประมาณ 380 กม.อยู่ในท้องที่อำเภอเนินมะปราง จ.พิษณุโลก มีภูมิประเทศเป็นทุ่งนาสลับกับภูเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันเว้าแหว่งอันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนหลายล้านปี เกิดเป็นถ้ำต่าง ๆ มากมาย ทั่วบริเวณมีหินงอกหินย้อยสวยงาม นอกจากนี้ยังพบซากดึกดำบรรพ์ของหอยและปะการัง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อนและยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์รูปมือคนบนเพิงผาหิน และอักษรญี่ปุ่นโบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และร่องรอยสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ  
       

    ป้ายจากด้านหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล ซึ่งมีถนนลาดยางเข้าถึงที่ทำการ เดินทางสะดวก และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลประจำอยู่

     

     เมื่อหันหลังให้ป้าย มองออกไปด้านทางเข้าก็จะเจอวิวสวยงามแบบนี้

     จากด้านหน้าที่ทำการของเขตฯ ซึ่งจะอยู่ติดภูเขาหินปูนด้านหลังที่ทำการ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายมีนักท่องเที่ยวเข้ามาติดต่อขอพักแรมซึ่งที่นี่จะมีบ้านพักรับรอง และให้นักท่องเที่ยวกางเต๊นท์นอนได้ตามสะดวก

สำนักงานที่ทำการของเขตฯ

     ด้านหน้าที่ทำการจะมีด่านของเจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อซื้อบัตรค่าธรรมเนียมการเข้าตามราคามาตรฐานของอุทยานแห่งชาติตามปกติ มีเจ้าหน้าที่ตัวน้อยมาคอยต้อนรับ

     บริเวณด้านหน้าของที่ทำการของเขตฯ จะมีจุดแสดงประวัติความเป็นมา และแสดงพิพิธพันธ์เกี่ยวกับพื้นที่ถ้ำผาท่าพล

     มีบ้านพักรับรองสำหรับนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนกับครอบครัว ซึ่งจัดไว้อย่างสวยงามและใกล้ชิดธรรมชาติ โดยด้านหลังจะติดภูเขา สอบถามเจ้าหน้าที่แจ้งว่า นักท่องเที่ยวสามารถประกอบอาหารและกางเต๊นท์พักแรมค้างคืนได้ โดยมีห้องน้ำสะอาดไว้บริการ 

ลานจอดรถ

    พื้นที่โดยรอบ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชม และติดต่อขอพักแรมที่บ้านพักรับรองหรือกางเต๊นท์ได้ โดยการประกอบอาหารจะต้องนำวัตถุดิบมาเอง และจะมีร้านค้าชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงที่จำหน่ายอาหาร

    มีนักท่องเที่ยวพาครอบครัวมากางเต๊นท์ค้างพักแรม ซึ่งอุณหภูมิที่นี่โดยเฉลี่ยช่วงปลายฝนต้นหนาวจะประมาณ 20-22 องศา

     ป้ายแสดงจุดท่องเที่ยวโดยรอบ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ ขอเช่าจักรยาน ราคาไม่แพง ขี่ชมธรรมชาติรอบๆ พื้นที่ และจะมี "มัคคุเทศน์น้อย" คอยให้การบริการแนะนำการท่องเที่ยวพื้นที่รอบเขตห้ามล่าสัตว์ป่า โดยจะเป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนพื้นที่ใกล้เคียงที่มาช่วยงานในช่วงวันหยุด ตามโครงการของเขตห้ามล่าฯ ซึ่งน่าให้การสนับสนุนการใช้เวลาว่างของเยาวชนให้เป็นประโยชน์เพื่อแนะนำสิ่งดีๆของชุมชน

     ชมภูเขาหินปูน ถ้ำต่างๆ ป่าเขาลำเนาไพร และศึกษาแหล่งท่องเที่ยวระหว่างพักค้างแรมหรือพักผ่อนได้โดยสะดวก และปลอดภัย โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำไว้คอยบริการตลอด 24 ชม.

เส้นทางธรรมชาติ

     สถานที่จุดแรกที่เราจะไปขี่จักรยานชมกันคือ ร่องรอยซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลของสัตว์โบราณที่ถ้ำเรือ ซึ่งเจ้าของกระทู้แจ้งเจ้าหน้าที่และได้เช่าจักรยานเพื่อขี่ไปคนเดียวตามเส้นทางธรรมชาติ รับรองความปลอดภัยตลอดเส้นทางธรรมชาติรอบภูเขาของเขตห้ามล่าฯประมาณ 4-5 กม. ถนนลาดยางตลอดเส้นทางและมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ซึ่งมาเที่ยวที่เดียวใช้เวลาพักผ่อนที่คุ้มค่ากันเลย...

ทางเข้าด้านหน้าและวิวสองข้างทางที่ธรรมชาติสวยงาม

     ถ้ำเรือเป็นถ้ำที่สวยงามเป็นถ้ำที่พบซากดึกดำบรรพ์ของฟอสซิลหอยสองฝา สาหร่ายทะเล ปลิงทะเล ฟอสซิลพวกนี้จะปรากฏอยู่ตามผนังถ้ำและที่ผนังถ้ำยังปรากฏรูปร่องรอยคล้ายลอนคลื่นสวยงามซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำในลำห้วยช่วงฤดูน้ำหลาก

ซากฟอสซิล ที่บ่งบอกว่าพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน

วิวข้างทางเส้นทางชมธรรมชาติ

ทางออกจากจุดชมธรรมชาติจุดแรก เราจะไปชมจุดอื่นๆ ต่อไปกันอีกหลายจุดที่น่าสนใจและเป็น Unseen เมืองไทยที่หลายท่านยังไม่เคยเห็น