Social :



@วัดสระเกศ (ภูเขาทอง) กรุงเทพฯ

12 ต.ค. 60 10:10
@วัดสระเกศ (ภูเขาทอง) กรุงเทพฯ

@วัดสระเกศ (ภูเขาทอง) กรุงเทพฯ

วัดสระเกศ (ภูเขาทอง)


 สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ริมคลองมหานาค ตรงที่บรรจบกับคลองบางลำพู เดิมเป็นวัดเก่าชื่อว่า "วัดสะแก" ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอารามในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระราชทานนามว่า "วัดสระเกศ" ส่วนเจดีย์ภูเขาทองนั้นเริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วเสร็จในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับพระราชทานนามว่า "สุวรรณบรรพต" มีความสูง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดมซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราชเพราะมีคำจารึกอยู่ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ขณะนั้นกำลังทรงผนวชอยู่ที่ประเทศอินเดีย ได้ส่งพระบรมสารีริกธาตุเข้ามาถวายในฐานะที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เป็นพุทธมามกะอยู่ในขณะนั้น เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.30 – 17.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2621 0576

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:   ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ http://www.tourismthailand.org/bangkok 

จุดเริ่มต้นการเดินขึ้นภูเขาทอง

     จุดเริ่มต้นการเดินขึ้นภูเขาทอง ภาพนี้เป็นภาพจากป้อมพระกาฬ (กลางสะพานข้ามคลองมหานาค) หากเดินทางด้วยรถเมล์จะต้องลงตรงป้ายแล้วเดินเข้าไปจากจุดนี้ประมาณ 200 เมตร บรมบรรพต (ภูเขาทอง) ในพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๓ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ได้เรียบเรียงไว้ในจดหมายเหตุ ความว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่กัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา เป็นแม่กองงานสร้างพระปรางค์ใหญ่ ด้านหนึ่งยาว ๕๐ วา และเมื่อพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินได้โปรดเกล้าฯ ขอแรงพระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางข้าราชการที่ตามเสด็จให้ช่วยฝังเสาหลักแพให้เป็นหลักมั่น สิ้นไม้หลักแพไปหลายพันต้นจึงได้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างภูเขาทอง และรัชกาลที่ ๔, รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงสร้างต่อมาจึงได้เสร็จสมบูรณ์ ดังที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบัน ภูเขาทองจึงได้เป็นสมบัติทางพระศาสนา ที่มีค่าสูงยิ่งของวัดสระเกศ และของประเทศชาติ

บริเวณลานจอดรถขึ้นภูเขาทอง

     ภายในบริเวณลานจอดรถขึ้นภูเขาทอง รอบๆ ภูเขาทองมีพื้นที่ไม่กว้างขวางมากนัก บางช่วงจัดให้จอดรถได้บางช่วงเป็นช่วงห้ามจอด จุดนี้เป็นทางขึ้นบันไดด้านหน้าประตูวัด

สิงห์คู่เชิงบันไดภูเขาทอง

สิงห์คู่เชิงบันไดภูเขาทอง

ภูเขาทองวัดสระเกศ (จำลอง)

     ภูเขาทองวัดสระเกศ (จำลอง) ตั้งอยู่บริเวณช่วงกลางของบันไดขึ้นภูเขาทองช่วงแรก มีน้ำตกเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวแวะถ่ายรูปให้หายเหนื่อยจากการขึ้นบันได

บันไดช่วงที่สองของภูเขาทอง

     บันไดช่วงที่สองของภูเขาทอง จากบันไดช่วงแรกจะมีทางเดินเรียบๆ ช่วงสั้นๆ มีศาลานั่งพักผ่อนหากเหนื่อยมากโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ก่อนที่จะเดินขึ้นช่วงที่สองคือตรงนี้

ทางเรียบก่อนขึ้นบันไดช่วงที่ 3

      ทางเรียบก่อนขึ้นบันไดช่วงที่ 3 จากช่วงที่สองที่เดินขึ้นมาพ้นแล้วมีทางเดินเรียบ ลาดเล็กน้อยมีระฆังแขวนอยู่เป็นราวเรียงกันสำหรับตีตอนกลับลงจากภูเขาทอง

บันไดช่วงสุดท้าย

     บันไดช่วงสุดท้าย ช่วงนี้เป็นช่วงที่ค่อนข้างชันกว่าช่วงอื่นแต่ไม่ยาวนัก สามารถมองเห็นทิวทัศน์กรุงเทพฯ รอบๆ บริเวณวัดได้กว้างไกล สุดบันไดช่วงนี้มีชั้นวางรองเท้าให้ถอดวางเป็นระเบียบก่อนเดินเข้าไปภายใน

วัดราชนัดดาราม

Lif
     วัดราชนัดดาราม เมื่อขึ้นถึงองค์พระเจดีย์เข้าไปภายในของภูเขาทอง จะมีช่องหน้าต่างที่มองเห็นวัดราชนัดดารามได้พอดี

พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลี ศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ

     พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลี ศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ พระพุทธรูปประธานประดิษฐานตรงทางเข้าองค์พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระนามว่า "พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลี ศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ (ปางทรงเครื่องจักรพรรดิ์)"

พระพุทธรูปปางปรินิพพาน

     พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ผู้ใดได้น้อมจิตสักการะองค์พระพุทธรูปปางปรินิพพานจะบังเกิดความสังเวชสลดใจ ความได้ระลึกถึงพระเมตตาธรรมอันสงบร่วมเย็นความสำนึกในการน้อมนำพระธรรมคำสั่งสอนมาฝึกฝนปฏิบัติอย่างมั่นคงด้วยความพากเพียรตั้งตนไว้ชอบ ประกอบแต่กุศล จนถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ คือมรรค ผล นิพพาน

ไหว้พระภูเขาทอง

     ไหว้พระภูเขาทอง เมื่อเข้ามาถึงภายในจะมีช่องทางเดินแคบๆ ตรงไปยังพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ 4 ทิศ นอกจากนี้ทางเดินยังสร้างเป็นวงกลมรอบองค์พระเจดีย์ได้

พระเจดีย์

พระเจดีย์

หลวงพ่อโต วัดภูเขาทอง

     หลวงพ่อโต วัดภูเขาทอง ระหว่างทางเดินลงจากภูเขาทองตามบันไดที่ขึ้นมาในตอนแรก จะเห็นมีป้ายบอกทางนมัสการหลวงพ่อโต ซึ่งมีบันไดทางแยกลงอีกทางหนึ่ง เมื่อลงมาจะเห็นวิหารประดิษฐานองค์หลวงพ่อโตซึ่งมีประวัติดังนี้ วัดสระเกศ เดิมชื่อวัดสระแก รัชกาลที่ ๑ พระราชทานชื่อวัดใหม่เป็นวัดสระเกศ หลังจากขุดคลองมหานาคเสร็จ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ โปรดให้สร้างพระพุทธรูปโลหะหน้าตักกว้าง ๗ ศอก ๑ คืบ สูง ๑๐ ศอก ประดิษฐานที่พระวิหารด้านคลองมหานาค ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโต เนื่องจากขนาดขององค์พระใหญ่โต หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เลียนแบบศิลปะสุโขทัย แต่ยังไม่งดงามเท่า มีพระพักตร์ค่อนข้างกลมแป้นไม่อวบอิ่ม พระนาสิกโด่ง พระขนงโก่งเล็กน้อย ไม่นูนขึ้นรูป พระเนตรหรี่ยาว พระโอษฐ์บาง อุตราสงค์ยาวเฉียงตรงจากพระถันขวาขึ้นไปที่พระอังสาซ้าย ขอบชายอุตราสงค์ยาวจรดพระนาภีเป็นแบบเขี้ยวตะขาบ นิ้วพระหัตถ์ค่อนข้างสั้นเสมอกันไม่เรียวงอนอ่อนช้อย เป็นพระพุทธรูปสงบงามตามแบบรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงถือว่า เป็นหลวงพ่อที่ให้ความคุ้มครอง ให้ความสุข ความเจริญ

หลวงพ่อดำ

     หลวงพ่อดำ หลังจากนั้นเดินลงจากพระวิหารหลวงพ่อโตไปวิหารหลวงพ่อดำ (หากเดินรอบภูเขาทองวิหารหลวงพ่อดำน่าจะอยู่ด้านตรงข้ามกับหลวงพ่อโตพอดี) ภูเขาทองหรือ บรมบรรพต ที่วัดสระเกศสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ จุดประสงค์เพื่อให้เหมือนกับภูเขาทองที่อยุธยา โปรดให้สมเด็จพระบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) เมื่อครั้งดำรงเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกษาเป็นแม่กองในการก่อสร้าง บริเวณเชิงภูเขาทองมีพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่ตามประวัติบอกว่าสร้างพร้อมกันกับภูเขาทอง สำหรับเจ้านายและชาวบ้านที่ไม่สามารถเดินขึ้นบูชาองค์พระบนยอดเขาคือ หลวงพ่อดำ เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันมาแต่เดิมหลังจากที่สร้างเสร็จลงรักแต่ไม่ได้ปิดทอง ปัจจุบันปิดทองแล้ว พระพุทธรูปหลวงพ่อดำ เป็นปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบพระพักตร์แบบรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระกรรณกาง พระวรกายไม่ได้สัดส่วนเพราะตั้งแต่พระนาภีถึงพระอุระมีช่วงยาวผิดปกติ เส้นความอ่อนไหวที่ใช้ในการปั้นมีน้อยกว่าพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยเดียวกัน แต่ก็เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญของวัดสระเกศที่มีประชาชนไปสักการะบูชาอยู่เป็นประจำ

ภูเขาทองวัดสระเกศยามราตรี

      ภูเขาทองวัดสระเกศยามราตรี ในเวลากลางคืนประมาณ 4 ทุ่มไปแล้วบริเวณวัดและชุมชนรอบๆ จะเงียบสงบแตกต่างกับตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง แต่วัดหลายๆ วัดจะเปิดไฟส่องสว่างปูชนียสถานสำคัญๆ ภาพภูเขาทองภาพนี้เป็นมุมเดียวกันกับภาพแรกที่บริเวณคลองมหานาค

ขอบคุณข้อมูลจาก
touronthai.com

โพสต์โดย : ต้นน้ำ