Social :



ถั่วแดงหลวง (Red kidney bean)

17 ต.ค. 60 11:10
ถั่วแดงหลวง (Red kidney bean)

ถั่วแดงหลวง (Red kidney bean)

 ถั่วแดงหลวง (Red kidney bean)

ถั่วแดงหลวง (Red kidney bean)


          ที่มา 

          ถั่วแดงหลวง (Red kidney bean) ถั่วพระราชทาน ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานให้ชาวดอยไว้ปลูกทดแทนฝิ่น เนื่องจากเห็นว่าการปลูกฝิ่นนั้นจะส่งผลเสียในอนาคต อีกทั้งยังกลายเป็นแหล่งโปรตีนสำหรับรับประทานในครัวเรือนได้ พร้อมกันนี้ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวดอย กระทั่งกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญบนพื้นที่ราบสูงอีกหนึ่งชนิดจนถึงปัจจุบัน  


          ลักษณะและสายพันธุ์ 

          ถั่วแดงหลวง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Phaseolus vulgaris L. จัดอยู่ในกลุ่มของพืชล้มลุก ลักษณะลำต้นคล้ายกับต้นถั่วเหลือง ตั้งตรง แตกกิ่งออกเป็นพุ่มทรงเตี้ย ความสูงประมาณ 40-65 เซนติเมตร ออกใบเรียงกันเป็นใบเดี่ยวตามข้อ มีใบย่อย 3 ใบ โดยออกเป็นคู่ตรงข้ามและอีกใบอยู่ตรงกลาง มีดอกออกเป็นช่อ กลีบเลี้ยงสีเขียว ส่วนกลีบดอกมีทั้งสีขาวและสีชมพูขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ขอบกลีบย่น ปลายกลีบโค้งมน 

          ส่วนเมล็ดจะอยู่ในฝักทรงกระบอกสีเขียว เมื่อฝักเริ่มแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนและดำ ความยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ด 3-6 เมล็ด สีของเมล็ดจะเปลี่ยนไปตามอายุ เมล็ดอ่อนจะมีสีขาว ก่อนเปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่อแก่เต็มที่จะกลายเป็นสีแดงเข้ม ความกว้าง 0.4-0.5 เซนติเมตร ความยาวประมาณ
MulticollaC
0.8-1.5 เซนติเมตร ซึ่งพันธุ์ของถั่วแดงหลวงที่มูลนิธิโครงการหลวงได้ผลิตให้เกษตรกรปลูกคือ ถั่วแดงหลวงพันธุ์หมอกจ๋าม ส่วนสายพันธุ์ใหม่ที่อยู่ระกว่างการทดสอบ 2 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์หมอกจ๋ามสายพันธุ์ปรับปรุง และถั่วแดงหลวงสายพันธุ์ เอ็ม เค เอส 8 (MKS#8)

 -วิธีปลูกถั่วแดงหลวง

          พื้นที่ที่เหมาะสำหรับการปลูกถั่วแดงหลวง ควรเป็นพื้นที่ราบหรือพื้นที่ที่มีความชันน้อย เช่น พื้นที่ชายฝั่งแม่น้ำหลังน้ำลด สำหรับที่สูงควรเป็นบริเวณที่ไม่อับลมและแดดส่องไม่ถึง เนื่องจากจะทำให้ต้นโตช้าและมีโรคระบาดมาก จึงไม่เหมาะกับการปลูกในหน้าร้อน แต่จะให้ผลดีหากปลูกในช่วงต้นฤดูฝน (ประมาณเดือนพฤษภาคม) หรือปลายฤดูฝน (ประมาณเดือนกันยายน) และฤดูหนาว (ประมาณเดือนพฤศจิกายน) ดินที่ใช้ควรเป็นดินร่วนเหนียว เพราะเก็บความชื้นได้ดีและเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีค่า pH ระหว่าง 5.5-6.5 

          การปลูกในแปลงควรกำจัดวัชพืชออกออก จากนั้นขุดดินให้ร่วนซุยและเกลี่ยดินให้ราบเรียบ (แต่หากเป็นพื้นที่ลาดชันไม่จำเป็นต้องพรวนดิน เพราะหากมีฝนตกหนัก จะทำให้หน้าดินถูกชะล้างไป) จากนั้นเจาะร่องน้ำภายในแปลงปลูกและรอบ ๆ แปลงปลูกให้เป็นทางน้ำไหลผ่าน ป้องกันการชะล้างหน้าดินของแปลงปลูก ในแต่ละหลุมหยอดไม่เกิน 2-3 เมล็ด ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 20-25 เซนติเมตร และระยะปลูกระหว่างแถวประมาณ 50-60 เซนติเมตร 

          -การดูแลและเก็บเกี่ยว 

          สำหรับการปลูกในดินร่วนเหนียวควรให้น้ำประมาณ 10 วันต่อครั้ง แต่หากเป็นดินทรายมาก ควรให้น้ำถี่ขึ้นประมาณ 7-10 วันต่อครั้ง นอกจากนี้ในช่วงแรกให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เมื่อถั่วแดงมีอายุได้ประมาณ 12-15 วัน และเปลี่ยนเป็นปุ๋ยไนโตรเจน สูตร 21-0-0 เมื่อมีอายุได้ 35-40 วัน ระหว่างนี้ให้ระวังเรื่องโรคและแมลงเป็นพิเศษ การเก็บเกี่ยวจะทำได้เมื่อฝักถั่วของทั้งต้นแห้งสนิท ใบถั่วแห้งและร่วงจากลำต้นเกือบหมด โดยใช้วิธีตัดต้นแล้วนำมาตากแดดประมาณ 2-3 วัน จึงจะเก็บเมล็ดพันธุ์ได้ 


โพสต์โดย : Ao