Social :



วิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง

03 มี.ค. 61 16:03
วิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง

วิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง

วิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง


วิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
Posted on 1 September 2017   |   Viwe 92
1. การเตรียมน้ำ ต้องเตรียมน้ำ 
ยกตัวอย่างเลี้ยงในตู้ 24 นิ้ว 
ใส่น้ำประมาณ 50 ลิตร 
เติมเกลือแกงไปประมาณ 2-4 ช้อนโต๊ะ 
เปิดออกซิเจนทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง 
ไม่ต้องใส่น้ำยาลดคลอรีน 
ก่อนนำกุ้งลงตู้ให้เอาถุงใส่กุ้งลอยน้ำทิ้งไว้ 15 นาที 
เพื่อปรับอุณหภูมิให้กับกุ้ง

** กรณีเลี้ยงบ่อดิน บ่อผ้าใบพลาสติก ใส่น้ำความสูง 30-40 เซนติเมตร เติมเกลือ อัตราน้ำ 1000 ลิตร ต่อ 1 กิโลกรัม ปั๊มออกซิเจน หรือใบพัดปั่นน้ำ ในบ่อทิ้งไว้ 5-6 ชั่วโมง ค่อยนำกุ้งลง แล้วแต่ ขนาดของบ่อ

** น้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามแดง น้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามแดงอาจจะเป็นน้ําดื่ม น้ำบาดาล น้ำประปา ก็ได้ ถ้าเป้นน้ำประปาควรมีการพักน้ำเสียก่อน คือการเปิดน้ําทิ้งไว้ สัก 5-7 วันเพื่อที่จะให้ คลอรีนเจอจางไปเสียก่อน เพราะกุ้งก้ามแดงเป็นกุ้งที่ไวต่อสารเคมี ถ้ามีสารเคมีเพียงนิดเดียวก็สามารถทําให้ตายได้การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงนั้น สามารถเลี้ยงได้ ทั้งในบ่อดิน บ่อปูน กะละมัง ถัง ตู้กระจก บ่อผ้าใบ บ่อพลาสติก ในขวด ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละท่าน ซึ่งจะสามารถเตรียมได้เป็น 3 กรณี

1. บ่อดิน บ่อดินเป็นบ่อเลี้ยงที่ใช้พื้นที่มาก จึงต้องเตรียม บ่อให้ดี เริ่มได้จาก

- ขั้นตอนแรกควรจัดการกับศัตรูของลูกกุ้งให้ดีเช่น ปลา ปู หอย เป็นต้น ห้ามมีเป็นอันขาดไม่งั้นอาจจะเกิดการสูญเสียได้

- ขั้นตอนต่อไปอาจจะปูขอบบ่อด้วยพลาสติกกันน้ํากัดเซาะ

- ล้อมขอบบ่อด้วยตาข่ายเพื่อกันกุ้งหลบหนี

- ปล่อยน้ําเข้าไปพร้อมใส่พวกสถานที่หลบให้กุ้งเช่นก้านมะพร้าว ท่อ PVC ขวดน้ําพลาสติกตัดหัวท้าย ใส่ลงไปเยอะๆเลย ยิ่งรก ยิ่งรอดพร้อมปล่อยกุ้งลงเลี้ยงได้เลย

*** บ่อดินไม่ต้องเปลี่ยนน้ํา สามารถเลี้ยงไปตลอดจนจับขาย แต่จะได้เติมน้ําเข้าอยู่ตลอดเพราะน้ํามีการระเหย การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงโดยไม่ใช้อ๊อกซิเจน มีหลายคำถามที่เจอบ่อย หนึ่งในคำถามนั้นคือ "ไม่มีอ๊อกเลี้ยงได้มั้ย?" ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามที่ท่านไม่หาอ๊อกมาใส่ แต่คำตอบก็คือ...."เลี้ยงได้และมีหลายวิธีครับ" โชคดีที่กุ้งก้ามแดงนั้นอาศัยอยู่ได้แม้ในน้ำจะอ๊อกซิเจนต่ำนอกจากนั้น เชี่ยวชาญทางด้านปีนป่ายอะไรก็ตามที่อยู่ในบ่อขึ้นมารับอ๊อกซิเจนบริสุทธิ์จากอากาศได้โดยตรง หลักการเลี้ยงลักษณะนี้มีหลายรูปแบบ เอาไปปรับใช้กับพื้นที่ที่เรามี เลี้้ยงให้ง่ายที่สุดและสะดวกที่สุดเข้าไว้ จะอธิบายไว้เป็นข้อๆ ดั้งนี้

1. เลี้ยงใน ตู้ปลา อ่าง กาละมัง กระบะพลาสติก การเลี้ยงแบบนี้จำเป็นต้องมีกิ่งไม้หรือก้อนหินให้กุ้งปีนได้ แต่ก็ต้องระวังเรื่องกุ้งปีนหนีออกให้ดี ภาชนะต้องปากกว้างให้มีลมพัดผ่านผิวน้ำได้จะดีมาก ไม่ควรใช้โหลปากแคบ

ข้อดี

- เหมาะสำหรับคนมีพื้นที่น้อย

- สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย

- หาวัสดุเหลือใช้ในบ้านเลี้ยงได้ ต้นทุนต่ำ

ข้อเสีย

- สำคัญที่สุดคือดูแลเรื่องน้ำให้ดี อย่าให้น้ำเน่า

- ไม่เหมาะกับช่วงอากาศหนาว อุณหภูมิ เปลี่ยนแปลงบ่อยในรอบวัน

- โตช้า ไม่มีสารอาหารในน้ำโดยธรรมชาติ

- หากเปลี่ยนน้ำบ่อยเกินไปกุ้งจะตายเพราะลอกคราบไม่ผ่าน เนื่องจากสะสมแร่ธาตุไม่ทัน ทางที่ดีควรมีภาชนะรองน้ำเลี้ยงเก่าเอาไปตากแดด 1สัปดาห์สามารถรีไซเคิลมาเลี้ยงใหม่ได้ จะมีแพลงตอนเล็กๆเกิดด้วย

- เลี้ยงได้จำนวนน้อย

Lif
2. เลี้ยงในบ่อปูน บ่อผ้ายาง ควรเลี้ยงแบบโดนแสงแดด จำลองธรรมชาติ ควรใส่ดินปลูกบัวลงไป หรือหากมีดินเหนียวมั่นใจว่าปลอดสารพิษแถวบ้านก็ใช้ได้ ระวังยาฆ่าปูในนาข้าว ในบ่อใส่สาหร่ายไว้ สแลน หรือตาข่าย ไว้ให้กุ้งปีน

ข้อดี

- ง่ายต่อการสังเกตการเจริญเติบโต การลอกคราบ

- หากต้องการให้น้ำใสโดยไม่ใส่ดิน สามารถใช้มูลไส้เดือนกับเศษฟาง หรือหญ้าแห้งแทนได้ ช่วยให้เกิดแพลงตอนในน้ำ

- ง่ายต่อการจับขึ้น

- จำลองรูปแบบนาข้าว หรือใส่ต้นกก ผักบุ้ง ไม้น้ำต่างๆ จอกแหนมีได้นิดหน่อยแต่อย่าปิดผิวน้ำหมด กุ้งจะอยู่รอดปลอดภัยไม่ต่างอะไรกับใส่อ๊อก

- หากไม่ต้องการเปลี่ยนน้ำบ่อย สามารถใส่จุลินทรีย์ไปช่วยกินแอมโมเนีย ของเสียตามพื้นบ่อได้

ข้อเสีย

- บ่อผ้ายางถ้าบางไปหรือมีรอยย่นอาจขาดได้ง่าย จากุ้งแทะ

- ควรหาวิธีแก้เมื่อฝนตกน้ำล้น ไม่ควรให้ระดับน้ำเกิน20cm ใช้ตาข่ายไนล่อนกั้นไว้ก็ได้

3. เลี้ยงในบ่อดินหรือนาข้าว กุ้งสามารถปีนขอบบ่อหรือต้นข้าวมารับอ๊อกซิเจนได้ง่าย

ข้อดี

- กุ้งได้รับสารอาหารและแร่ธาตุครบถ้วนทำให้โตไว

- เลี้ยงได้จำนวนที่มาก

- เราไม่ให้อาหารมันก็อยู่ได้

- กุ้งรับแสงแดด จะได้วิตามิน D เพิ่มประสิทธิภาพของแคลเซี่ยมที่ได้รับ

ข้อเสีย

- ต้องกำจัดปลาอันเป็นศัตรูกุ้งให้หมดซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากนอกจากนั้นต้องกั้นขอบบ่อด้วยตาข่ายไนล่อนไว้กันกุ้งหนีและกันปลาหมอ ปลาไหล ปลาช่อน จากแหล่งน้ำใกล้เคียงอพยพลงบ่อเรา

- อีกหนึ่งศัตรูคือนก พื้นที่เล็กๆหรือบ่อน้ำลึกไม่ค่อยมีปัญหาหากแถวนั้นไม่มีพวกนกกาน้ำ ส่วนมากจะมีผลกับทุ่งนาเพราะน้ำตื้น เจ้านกกระยางชอบอยู่แล้ว ควรหาตาข่ายกันนกคลุมไปเลย หากคิดจะเลี้ยงเยอะต้องลงทุนส่วนนี้

- ศัตรูกุ้งที่น่ากลัวสุดคือคนนี่แหละครับ โดนขโมยไปหลายเจ้าละ

- ยิ่งบ่อขนาดใหญ่หรือทุ่งนา ต้องสูบน้ำออกหมดเพื่อจับ ใช้แรงงานมาก

- บ่อที่ให้อาหารมากเกินไป พื้นบ่อจะเป็นเลนเน่าเสีย (โดยเฉพาะบ่อที่ผ่านการเลี้ยงจับกุ้งขึ้นมาแล้วหลายรอบ) อาจจะมีปัญหาปรสิตและโปรโตซัว (ทำให้กุ้งหางเป็นแผลติดเชื้อ หางเลยพอง)ตามมา หากชอบแนวนี้ควรศึกษาเรื่องการจัดการบ่อดิน

4. เลี้ยงในกระชัง การเลี้ยงในกระชังก็มีการแพร่หลาย นิยมทำกันในแหล่งน้ำที่ลึก หรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่

ข้อดี

- แยกไซส์เลี้ยงขุนไซส์ได้ง่าย

- น้ำถ่ายเทตลอด มีแร่ธาตุจากน้ำธรรมชาติ

- สะดวกในการจัดการในบ่อใหญ่ๆ เมื่อตอนจับขึ้นแค่ยกกระชังไม่ต้องเปลี่ยนน้ำ

ข้อเสีย

- ปลาคือศัตรูตัวฉกาจ ควรหาวิธีป้องกันปลาช่อนหรือชะโดกัดกระชังหรือกระโดดเข้า

- ควรหาวิธีป้องกันกระชังขาด

- มั่นใจว่าแหล่งน้ำค่าphพอเหมาะไม่มีสารพิษจากโรงงานหรือยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง สุดท้ายแล้วอยากจะบอกว่าในการเลี้ยงพื้นที่เล็กการมีเครื่องให้อ๊อกซิเจน ย่อมดีกว่า สามารถเลี้ยงกุ้งได้ในปริมาณที่หนาแน่นกว่า โตไว ลอกคราบผ่านง่าย นี่เป็นความคิดเห็นของผมเองครับอาจจะมีถูกบ้างผิดบ้างน้อมรับคำติชม การเรียนรู้ไม่มีจบครับ ได้เจออะไรใหม่ๆแทบทุกวัน บางอย่างที่คิดว่าดีสุดตอนนี้ บางทีอาจจะมีดีกว่าในอนาคต

 


ขอบคุณข้อมูลจาก www.farmlandthai.com

โพสต์โดย : Ao