เรียกร้อง! ม็อบหน้ากาก ขอสังคมลงโทษเจ้าสัว
หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ โพสต์โต้อีกรอบ ย้ำการตรวจดีเอ็นเอจากหลักฐานคดีฆ่าเสือดำทั้งมีดและชิ้นส่วนเขียง ผ่านการตรวจจากตำรวจพิสูจน์หลักฐานแล้ว โดยมีดอยู่ในสภาพที่ถูกล้างทำความสะอาดมาก่อนและไม่ได้แตะต้องในส่วนนั้น แถมไม่ได้ใช้น้ำยาเคมีในการตรวจตามที่กล่าวหา ส่วนผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันได้ว่าเป็นดีเอ็นเอของเสือดำตัวเดียวกัน ขณะที่ “ ศรีวราห์ ” ยันให้ พฐ . ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับกรมอุทยานฯแล้ว ย้ำไม่เคยสัมภาษณ์พาดพิงถึงการทำงานของกรมอุทยานฯ ส่วน ผบ . ตร . เผยยังไม่เปลี่ยนคนทำคดีแต่ให้ปรับการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
จากคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ . อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กับพวกที่เข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ . ทองผาภูมิ จ . กาญจนบุรี ถูกดำเนินคดี 9 ข้อหา ภายหลังถูกตั้งข้อหาครอบครองงาช้าง 2 คู่และ พ . ร . บ . อาวุธปืนซึ่งคดีดังกล่าว พล . ต . อ . ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ . ตร . เป็นหัวหน้าผู้ควบคุมคดีแต่กลับถูกกระแสโซเชียลโจมอย่างรุนแรงตั้งแต่เรื่องพนักงานสอบสวน สภ . ทองผาภูมิ จ . กาญจนบุรี ตั้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์แล้วถูกลงโทษ การถามถึงเสือดำถูกทารุณ ล่าสุดมีปัญหาขัดแย้งในเรื่องการตรวจพิสูจน์มีดชำแหละเสือดำกับนางกณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ สัตว์ป่า กรมอุทยานฯนั้น
ต่อมาวันที่ 11 มี . ค . พล . ต . อ . จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ . ตร . กล่าวถึงกระแสข่าวเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯขัดแย้งกับพล . ต . อ . ศรีวราห์ว่า เป็นเรื่องปกติของการทำงานแต่ต้องปรับการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนชุดคณะทำงานยังคงให้ พล . ต . อ . ศรีวราห์เป็นหัวหน้าคณะทำงานต่อไป ส่วนการทำสำนวนคดีเชื่อว่า พล . ต . อ . ศรีวราห์ สามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนเป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีความกังวลอะไร ส่วนผู้ที่แสดงความเห็น หรือ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจทางสื่อสังคมออนไลน์ยืนยันว่า ตำรวจทำคดีอย่างเต็มที่แล้ว การวิจารณ์การทำงานของตำรวจถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หาก พล . ต . อ . ศรีวราห์จะฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงสามารถทำได้เช่นกันเพราะเป็นการปกป้องสิทธิ์ส่วนบุคคล
ส่วน พล . ต . อ . ศรีวราห์กล่าวถึงกรณีที่นาง กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯโพสต์ข้อความชี้แจงถึงรายละเอียดการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากวัตถุพยานคดีล่าสัตว์ป่าของนายเปรมชัยที่ขัดแย้งจากการให้สัมภาษณ์ของตนว่า สั่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปชี้แจงทำความเข้าใจแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์พาดพิงการทำงานของกรมอุทยานฯและขณะนี้ยังคงทำงานร่วมกันด้วยดี ขณะนี้ยังรอผลการตรวจมีดและเขียงที่กรมอุทยานฯจะออกเป็นรายงานอย่างเป็นทางการเพื่อนำมาใช้มาประกอบสำนวนคดี ซึ่งจากเดิมกรมอุทยานฯแจ้งว่าจะส่งให้ในวันที่ 9 มี . ค . แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับจะประสานขอกลับไปอีกครั้ง คาดจะสรุปสำนวน ในวันที่ 24 มี . ค . นี้
พล . ต . อ . ศรีวราห์กล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้คณะทำงานยังคงทำงานเรียบร้อยดี และยังไม่มีการร้องเรียนจากผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหา มีแต่สื่อมวลชน และโซเชียลที่คอยกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงอยากขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานตามขั้นตอน เพื่อ ความรอบคอบของสำนวนคดี เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด ผู้ที่จะถูกฟ้องคือคณะทำงาน ไม่ใช่สื่อมวลชนหรือสังคมโซเชียล
ขณะที่นางกณิตาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้งว่า หลักฐานวัตถุพยานได้แก่ มีดจำนวน 6 เล่ม และ ชิ้นส่วนเขียง 1 ชิ้น
ต่อมานางกณิตาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในส่วนของการตรวจพิสูจน์ซากสัตว์ป่าและอุปกรณ์คือมีดที่ใช้ในการชำแหละเสือดำและจากวัตถุพยานทั้งหมดที่มีตามที่ได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบ ในส่วนนี้เราสามารถพูดได้ว่า ทั้ง 4 คน มีส่วนร่วมในการล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ส่วน ใครเป็นคนลงมือในการล่านั้นเป็นเรื่องของการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรามีหน้าที่ตรวจวัตถุพยานเกี่ยวข้องที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและยืนยันได้แล้วดีเอ็นเอที่พบในมีดและอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเสือดำตัวเดียวกันจริง
หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เราได้รับวัตถุพยานคือมีดในที่เกิดเหตุทั้ง 6 เล่มและชิ้นส่วนเขียงขนาดเท่ากล่องไม้ขีดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในส่วนของมีดอยู่ในสภาพที่ถูกล้างทำความสะอาดมาแล้ว ซึ่ง อาจเป็นการล้างหลังการชำแหละซากสัตว์ป่าเสร็จตั้งแต่อยู่ในป่าหรือไม่ หรือใครล้างตนก็ไม่ทราบเหลือ เพียงคราบเลือดติดอยู่ตามสันคมมีดเล็กน้อย ซึ่งเราไม่ได้ไปแตะต้องในส่วนนั้น เพราะตรวจดีเอ็นเอจากก้านสำลี ด้วยวิธีการ Swab ซึ่งตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้เตรียมมาให้ตัวอย่างละ 2 ก้านซึ่งตรวจเพียงก้านเดียวก็ได้ผลออกมาแล้วว่าเป็นเสือดำตัวเดียวกันจริง ในส่วนชิ้นส่วนเขียงตรวจพบดีเอ็นเอของเสือดำเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นได้ถ่ายภาพวัตถุพยานทั้งหมดโดยสวมถุงมือในทุกขั้นตอนของการดำเนินการ
“ งงนิดหน่อยที่บอกว่าเราใช้น้ำยาเคมีในการตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องหรือจำเป็นต้องใช้น้ำยาเคมีอะไรทั้งนั้น เราตรวจหาดีเอ็นเอ จากวัตถุพยานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมามอบให้ที่สำคัญ เรากลับเป็นผู้รักษาวัตถุพยานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียอีก โดยเก็บรักษาในตู้นิรภัยอย่างดีก่อนจะส่งมอบคืนให้แล้วทั้งหมด ” หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฯ กล่าว
นางกณิตากล่าวต่อว่า ในส่วนการตรวจหาดีเอ็นเอของมนุษย์นั้นเป็นการดำเนินการของกองพิสูจน์ หลักฐาน ซึ่งจะต้องตรวจหาลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ ของมนุษย์ ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่ากองพิสูจน์หลักฐานตรวจในส่วนนี้แล้วก่อนส่งมีดและอุปกรณ์ต่างๆ มาที่กรมอุทยานฯ ส่วนจะพบอะไรหรือไม่นั้นต้องถามรายละเอียดกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เท่าที่ทราบคือพบดีเอ็นเอของนายเปรมชัยในอุจจาระที่เก็บจากที่เกิดเหตุด้วย ทั้งนี้ตนได้รายงานผลการตรวจดีเอ็นเอของเสือดำและสัตว์ป่าที่พบในวัตถุพยานที่ทางตำรวจ ส่งมาตรวจที่แล็บกรมอุทยานฯ ให้คณะกรรมการติดตามคดีกรณีการล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ที่มีนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ เป็นประธาน ทราบแล้ว พร้อมทั้งส่งสำเนาผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอไปที่ บก . ปทส . ด้วยเมื่อวันที่ 9 มี . ค . ที่ผ่านมา คาดว่ากระบวนการหนังสือราชการน่าจะถึงมือ บก . ปทส . ในวันที่ 12 มี . ค . นี้
ด้าน พล . ต . อ . จรัมพร สุระมณี กรรมการสำนัก งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ป . ป . ท .) ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการติดตามคดีกรณีการล่าสัตว์ป่าฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าพยานหลักฐานในกรณีนายเปรมชัยและพวกเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ มีความเชื่อมโยงและสามารถเอาผิดผู้กระทำผิดฐานร่วมกันกระทำผิดได้แล้ว ยืนยันว่าวันนี้ไม่มีใครไปเปลี่ยนพยานหลักฐานใดๆได้ตามที่สังคมเป็นห่วง ในวันที่ 12 มี . ค . นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการติดตามคดีกรณีการล่าสัตว์ป่าฯ ที่กระทรวงทรัพยากรฯ ที่ประชุม คงจะหารือในประเด็นต่างๆที่สังคมมีข้อห่วงใยด้วย
ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร กลุ่มทีชัลล่าและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนำโดยนายธัชพงษ์ แกดำ รวมตัวจัดกิจกรรมทวงคืนความยุติธรรมให้เสือดำซึ่งมีการดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด ( มหาชน ) กับพวก ในงานมีการแสดงละครสั้นเสียดสีกระบวนการยุติธรรม วาดภาพแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยนายธัชพงษ์เปิดเผยว่า จากการติดตามคดีพบว่ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ไม่เที่ยงตรงในการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ให้เกียรติเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า
“ ดังนั้น ต้องใช้มาตรการลงโทษทางสังคมโดยการเชิญชวนให้ประชาชนไม่ร่วมทำสังฆกรรมกับบริษัทที่มีบุคคลเป็นผู้เข่นฆ่าเสือดำ โดยเฉพาะรัฐบาลที่อยู่ระหว่างพิจารณาการลงนามบันทึกความร่วมมือในโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆกับบริษัทดังกล่าว ขอให้ทบทวนหรือยกเลิกเพราะถือว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีธรรมาภิบาลในการบริหาร สำหรับนายตำรวจใหญ่ที่เป็นปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในขณะนี้ขอเรียกร้องให้พิจารณาทบทวนการทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนกรณีที่นายเปรมชัยเดินทางออกนอกประเทศนั้นถือเป็นสิทธิของนายเปรมชัย หากจะหนีกระบวนการยุติธรรมก็หนีไปแต่ไม่สามารถหนีกระบวนการทางสังคมได้ ” นายธัชพงษ์กล่าว
ที่มา//ไทยรัฐ