Social :



การเพาะเมล็ด โดยไม่ใช้ดิน แบบง่าย

23 มี.ค. 61 17:03
การเพาะเมล็ด โดยไม่ใช้ดิน แบบง่าย

การเพาะเมล็ด โดยไม่ใช้ดิน แบบง่าย

การเพาะเมล็ด โดยไม่ใช้ดิน แบบง่าย




ข้อมูลของคุณ Chonpratan โดยระบุไว้ว่า นำเมล็ดที่ได้จากการรับประทานอินทผลัมเชื่อม มาล้างและแกะเมือกและเนื้อให้สะอาดด้วยน้ำยาล้างจานให้ความหวานและเมือกออกหมดจนเหลือแต่เมล็ด หลังจากนั้นนำเมล็ดที่ได้แช่น้ำ (ในส่วนที่ผมทดลองเอง แช่น้ำเปล่าทิ้งไว้ 2 วันเต็มๆ ก็ไม่เป็นไร) และแช่น้ำยาเร่งรากนาน 12 ชั่วโมง และนำออกห่อกระดาษหนังสือพิมพ์รดน้ำจนชุ่มแล้วใส่ถุงดำ รอจนงอกประมาณ 1 สัปดาห์ วิธีนี้ใช้ได้ผลดีครับ แต่อยากจะแนะนำวิธีของอาจารย์ศักดิ์ เพราะเข้าใจง่าย และสามารถนำไปดัดแปลงได้หลายวิธีมากกว่า ซึ่งอุปกรณ์การเพาะก็ไม่มีอะไรมาก อย่างแรกคือ กระดาษชำระ ถ้าหาไม่ได้ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือสำลี แต่แนะนำให้ใช้กระดาษชำระดีกว่า เพราะง่าย ในขั้นตอนของการคัดแยกต้นอ่อน คือสามารถนำไปปลูกลงดินโดยไม่ต้องเอาออก เพราะย่อยสลายได้ง่ายกว่าวัสดุชนิดอื่น

อย่างที่สองคือกล่องพลาสติกที่มีฝาปิด เพื่อกักเก็บน้ำไว้ในที่ปิดมิดชิด ควบคุมอุณหภูมิ กันการระเหยของน้ำ และการปนเปื้อนของเชื้อราจากภายนอกได้ อย่างที่สามคือ ปากคีบ คีมคีบเมล็ด หรือหากไม่มี ก็ใช้นิ้วมือที่สะอาดๆ ป้องกันเชื้อราและเชื้อโรคที่จะเกิดต่อไป และสุดท้าย สเปรน้ำ หรือกระบอกฉีดน้ำที่ใช้เวลาจะรีดผ้า หรือถ้าไม่มีก็ไม่ต้อง ผมทดลองด้วยการนำกระดาษชำระจุ่มน้ำจนชุ่ม ก็ใช้ได้เหมือนกัน ที่ต้องป้องกันเชื้อราต่างๆ ก็เพราะจะเริ่มทำการเพาะเมล็ดในระบบปิด โดยใช้เพียง น้ำ และกระดาษชำระเท่านั้น ไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการทำวิธีนี้หากไม่ศึกษาให้เข้าใจก็จะทำให้เมล็ดพันธุ์เกิดเชื้อราได้ในภายหลัง เพราะมีการปนเปื้อนไม่ว่าจากภายนอกเอง หรือจากเนื้อที่ย่อยสลายของผักหรือผลไม้ที่ทำการเพาะนั้น โดยไม่ได้ถูกกำจัดทิ้งให้หมดเสียก่อน แต่ปัญหาเชื้อรานั้น อาจารย์ศักดิ์ก็มีทางออกให้ คือ การเพาะโดยการแช่น้ำ ซึ่งจะบอกในหัวข้อต่อไป เมื่อเตรียมอุปกรณ์ครบแล้ว มาเริ่มกันเลยครับ ดังที่อาจารย์ท่านว่าไว้ ผมเลยนำมาเขียนเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น (จริงๆ ท่านอาจารย์ศักดิ์อธิบายเข้าใจง่ายแล้วครับ) เริ่มแรกคือการนำกล่องมาทำความสะอาด แล้วก็ใช้กระดาษชำระ หรือวัสดุเพาะอื่นๆ ได้ เช่น สำลี กระดาษหนังสือพิมพ์ กาบใยมะพร้าวหรือจะเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีและไม่มีเชื้อโรคหรือการย่อยสลายในเวลาอันรวดเร็วมากนักหากแช่อยู่ในน้ำ ก็สามารถนำมาใช้ได้ นำวัสดุเพาะที่ได้ใส่ลงในกล่องให้มีความสูงประมาณ ครึ่งข้อนิ้วถึง 1 ข้อนิ้ว (ประมาณ 1-2 เซนติเมตร)


ถามว่าทำไมถึงต้องขนาดนี้ ตอบว่า ไม่จำเป็นครับ จะน้อยจะมากก็ได้ อาจารย์ศักดิ์ไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่ แต่ที่ผมเจาะจงไว้เผื่อลืม ในกรณีเกิดรากต้นไม้เจาะเข้าไปในวัสดุปลูก จะได้ไม่งอเพราะมีเนื้อที่ให้ลงได้ลึก และก็สะดวกด้วยเค้าจะแทงรากและโตมีใบอ่อนในกล่องปลูกเลย เพื่อเวลานำไปลงกระถางหรืออื่นๆ จะได้ตัดแบ่งออกไปลงหลุมปลูกได้เลย แต่ส่วนใหญ่หลายท่านคงจะเฝ้ารอไม่ทันรากจะแทงลงแน่นอน แค่รากงอกเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าอัตราการงอกสมบูรณ์แล้วครับ


เมื่อใส่กระดาษชำระจนได้ที่ หรือวัสดุปลูกอื่นๆ พร้อมแล้วก็ใส่น้ำให้ท่วม กรณีมีสเปรฉีดน้ำก็ฉีดให้ชุ่มๆ เลยนะครับ หรือหากกะไม่ได้ว่าต้องฉีดประมาณไหน ผมแนะนำฉีดให้ชุ่มโชกครับ สำหรับผม เทน้ำลงให้ท่วม ทิ้งไว้ซักพัก แล้วค่อยรินน้ำออก ให้เหลือติดก้นกล่องนิดหน่อย รวมกับที่อยู่ในกระดาษชำระก็มากพอจนชุ่ม นำเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ลงเรียงสำหรับเพาะแบบไม่ใช้ดินได้เลย เสร็จแล้วตรวจดูสิ่งแปลกปลอม หากไม่มีอะไร ก็ปิดฝาให้สนิด กันการระเหยของน้ำในกล่องครับ หากน้ำระเหย ต้องคอยวุ่นวายเติมน้ำกันอีกไม่จบสิ้น แต่หากปิดสนิท น้ำไม่ระเหย ยิ่งเป็นขวด หรือกล่องใสๆ จะสามารถดูการเปลี่ยนแปลงได้จากภายนอกเลย ทิ้งไว้ไม่ต้องเปิดฝา หรือจะเปิดดูบ่อยๆ ก็ได้ (ผมเปิดดูทุกวัน) จนกว่าเมล็ดพันธุ์ที่ได้จะมีการแทงรากออกมาครับ ซึ่งก็กะไม่ได้ว่า เมล็ดพันธุ์อะไรใช้เวลาและอัตราการงอกกี่ชั่วโมง กี่วัน ครับ ง่ายๆ แค่นั้นเอง สำหรับผู้ที่ทดลองแล้วประสบปัญหาขึ้นรา หรือเน่า หรือคำถามที่ว่า เมล็ดผลไม้กินเสร็จแล้วเอามาเพาะเลยได้หรือไม่ ตอบว่าได้ครับ
Lif
แต่ควรแกะเนื้อที่หุ้มเมล็ดออกให้หมดก่อน เช่น อินทผลัม กะท้อน ทะเรียน พวกนี้ต้องเอาเนื้อหุ้มเมล็ดออกก่อนให้หมด ไม่อย่างนั้นหากทำการเพาะเมล็ดแบบไม่ใช้ดินในกล่องปิดแบบนี้ จะขึ้นราได้เพราะเนื้อจะย่อยสลายกลายเป็นราดำได้


การแก้ปัญหาการเกิดรา ในขั้นตอนการเพาะเมล็ดแบบไม่ใช้ดิน แกะเปลือกออกให้เหลือแต่เม็ดภายใน หากเปลือกที่ว่าแกะยาก ให้แช่น้ำทิ้งไว้จนกว่าจะสามารถแกะเปลือกออกได้ แต่อาจเปลี่ยนน้ำที่แช่ทุกวัน เพื่อป้องกันน้ำเน่า แช่ทั้งเมล็ด จนกว่าเปลือกจะหลุดไปเอง หรืออ่อนนุ่มจนปอกออกได้ หรือแช่จนเกิดตุ่มราก จึงนำออกมาเพาะในภาชนะปิดอีกครั้ง เมล็ดที่เพาะได้แก่ กะท้อน ทุเรียน อินทผลัม มะเฟือง มะไฟ และพืชผักผลไม้ที่มีเนื้อติดเมล็ด ยากที่จะแกะออกได้ ใส่กล่องเพาะด้วยวิธีการเพาะเมล็ดโดยไม่ใช้ดิน ตามที่อธิบายไว้แต่แรก สามารถทำได้หลากหลายชนิดของพืชผักผลไม้ ปัจจัยในการงอกของเมล็ด การมีชีวิตของเมล็ด นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเพาะเมล็ด การที่เมล็ดมีชีวิตอยู่ได้น้อย อาจเนื่องจากการเจริญเติบโตของเมล็ด ไม่เหมาะสมขณะที่ยังอยู่บนต้นแม่ หรือเนื่องจากได้รับอันตราย ขณะทำการเก็บเกี่ยว หรือขบวนการในการผลิตเมล็ดไม่ดีพอ สภาพแวดล้อมในขณะเพาะ เมล็ดต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น น้ำ แสง อุณหภูมิ ออกซิเจน แต่การเพาะเมล็ดแบบไม่ใช้ดิน สามารถควบคุมน้ำ แสง และออกซิเจนได้ ซึ่งในขั้นตอนการเพาะงอกนี้ พืชไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน และแสงในการเติบโตมากนัก


การนำเมล็ดไปแช่น้ำ จะช่วยให้เมล็ดพืชงอกได้เร็วกว่าปกติ ทั้งนี้เพราะน้ำจะทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนตัว จึงเป็นการช่วยให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น น้ำที่ใช้แช่อาจจะเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น และช่วงเวลาการแช่ จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับชนิดพืช พืชบางชนิดใช้เวลานานถึง 1 – 2 วัน บางชนิดใช้เวลาประมาณ 6 – 12 ชั่วโมง ทั้งนี้สังเกตจากขนาดของเมล็ดขยายใหญ่และเต่งขึ้น หรือเปลือกหุ้มเมล็ดนิ่มก็นำไปเพาะได้ พืชที่นิยมใช้วิธีนี้ ได้แก่ น้อยหน่า มะขาม มะละกอ หน่อไม้ฝรั่ง ข้าว ผักชี

 

สำหรับเมล็ดที่มีรากงอกแล้ว ขนาดไหนถึงจะนำออกมาเพาะลงถุงเพาะชำได้ ตอบว่า แล้วแต่ความชอบ แต่หากให้ต้นอ่อนโตในกล่อง จำเป็นต้องมีสารอาหาร และแสงแดด ซึ่งการเติบโตในภาชนะปิดสนิดนั้น ไม่เหมาะต่อการเติบโตของต้นอ่อน จึงจำเป็นต้องมีการย้ายต้นอ่อน ในกรณีที่มีรากยาวเกินขนาดความสูงของกล่อง หรือคิดว่ารากคงไม่แทงทะลุวัสดุปลูกแล้ว หรือต้นอ่อนบิดเบี้ยวและพยายามที่จะชูยอดขึ้นสูงแล้ว จึงนำออกมาปลูกในถุงปลูกได้ ข้อแนะนำกรณีการนำต้นอ่อนลงถุงปลูก หากว่าเป็นต้นอ่อนและมีใบอ่อนแล้ว อาจารย์ศักดิ์แนะนำว่าให้ใช้ไม้หรือตะเกียบ เสียบลงในวัสดุปลูกให้ลึกเท่ากับความยาวของราก แล้วค่อยๆ ใช้ปากคีบ หรือมือจับคีบต้นอ่อน ระวังอย่าให้รากช้ำหรือต้นอ่อนช้ำหรือหัก ค่อยๆ หย่อนลงรูปลูก และถนดินลงรูไม่ต้องกด ใช้น้ำพรมๆ หรือค่อยๆ รดให้ดินไหลลงรูนั้น แล้วนำไปพักไว้ในร่ม เพราะต้นอ่อนไม่ต้องการแดดจัด กรณีที่นำเมล็ดที่ยังไม่เกิดเป็นต้นอ่อน เพียงแต่มีรากงอก หรือรากแทงและคิดว่ายาวเกินกล่องเพาะแล้ว ให้นำไปฝังให้ส่วนรากแทงลงดิน ระวังอย่าให้รากช้ำหรือหัก แล้วใช้ดินกลบบริเวณรอบๆ บางๆ เท่านั้นพอ อย่าพยายามฝังเมล็ดพันธุ์ เพราะจะทำให้อัตราการตายสูง



ขอบคุณมา ณ ที่นี้ ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล อ้างอิง การขยายพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร / การเพาะเมล็ดแบบไม่ใช้ดินของ sak1201 ภาพประกอบ อาจารย์ศักดิ์ (sak1201) และท่านอื่นๆ ที่ไม่ได้เอ่ยนามในเว็บเกษตรพอเพียง http://www.kasetorganic.com

 

โพสต์โดย : Ao