Social :



@โฮมสเตย์เกาะพิทักษ์ ล่องแพพะโต๊ะ ชุมพร

10 พ.ค. 61 15:05
@โฮมสเตย์เกาะพิทักษ์ ล่องแพพะโต๊ะ ชุมพร

@โฮมสเตย์เกาะพิทักษ์ ล่องแพพะโต๊ะ ชุมพร

โฮมสเตย์เกาะพิทักษ์ ล่องแพพะโต๊ะ  ชุมพร

     พะโต๊ะ ชุมพร  สถานที่ในความทรงจำเมื่อครั้งเรียนมหาวิทยาลัยที่เคยไปมาแล้วเมื่อเนิ่นนาน  การเดินทางไปพะโต๊ะครั้งนั้นไม่ได้เป็นการไปเที่ยวแต่เป็นการไปออกค่ายกับชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติทำกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ป่า อยู่กินสัมผัสชีวิตชาวบ้าน  ภาพบรรยากาศดีๆของบ้านไม้หลังน้อยของหน่วยอนุรักษ์ต้นน้ำพะโต๊ะ ความเขียวขจีของป่าไม้และขุนเขาและความสมบูรณ์ของต้นน้ำลำธาร  ยังคงเป็นความประทับใจอยู่ในความทรงจำที่ไม่เคยจางหายไป และบอกตัวเองเสมอว่าซักวันจะต้องหาโอกาสไปอีกให้ได้  และวันนี้ก็มาถึง ได้เวลาประจวบเหมาะที่จะกลับไปย้อนความทรงจำนั้นอีกครั้ง กับทริปเที่ยวชุมพร นอนโฮมสเตย์เกาะพิทักษ์ และไฮไลต์ของทริปเรา คือ ล่องแพพะโต๊ะ  ซึ่งเข้ากับบรรยากาศแห่งสายฝนโปรยปรายเหมาะที่จะเที่ยวป่า ล่องแพ สัมผัสความเขียวขจีของต้นไม้และภูเขาเป็นที่สุด

พะโต๊ะ

 

สำหรับการเดินทาง ใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน ก่อนจะเข้าสู่ไฮไลต์ของเราในการล่องแพพะโต๊ะ ขอเข้าไปสัมผัสบรรยากาศแบบพื้นบ้านที่  เกาะพิทักษ์ หมู่บ้านโฮมสเตย์ที่มีชื่อเสียง  ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร  วันนี้อากาศเป็นใจ แดดออก ฟ้าใส เช้าตรู่พวกเรามาถึงท่าเรือเล็กๆ ที่จะข้ามไปยังเกาะพิทักษ์ ที่ทางโฮมสเตย์ได้นัดหมายให้มารับ ยืนอยู่บนฝั่งก็เห็นเกาะพิทักษ์อยู่ใกล้ๆ นี่เอง

เกาะพิทักษ์

เกาะพิทักษ์

 

พวกเรามาถึงในช่วงเช้า ซึ่งเป็นช่วงน้ำลง  น้ำก็ทะเลก็จะแห้งหายไปจนเห็นเป็นพื้นทรายเป็นริ้วคลื่น เรือมารับถึงท่าไม่ได้ ต้องเดินแบกสัมภาระทั้งหมดไปยังจุดที่เรือพอจะมีน้ำ ซึ่งเรือสามารถเข้ามาจอดได้  ค่อยๆ เดินลุยน้ำกันไป เป็นครั้งแรกที่ได้มาเดินสัมผัสพื้นทะเลที่น้ำแห้งจนเดินได้ขนาดนี้ แห้งเกือบจะถึง  เกาะพิทักษ์  เลยทีเดียว เห็นชาวบ้านหลายคนก็ไม่นั่งเรืออาศัยเดินไปเดินกลับข้ามเกาะ

เกาะพิทักษ์

 

น้ำลดแบบนี้ คล้ายๆ กับทะเลแหวก ที่กระบี่  แต่แจ๋วกว่าที่ว่าสามารถเดินไปถึงเกาะที่ห้อมล้อมด้วยทะเลทั้งหมดได้โดยไม่ต้องอาศัยเรือ เดินแบกของกว่าจะถึงเรือก็ทุลักทุเลกันพอสมควร พอมาถึงฝั่งปุ๊บก็ต้องเดินแบกขึ้นฝั่งอีกเพราะน้ำแห้งเรือเข้าไปไม่ได้เหมือนกัน  งานนี้ได้ออกกำลังกายไปเต็ม ๆ แต่ก็เป็นอะไรที่ลุ้นและสนุกดีค่ะ

เกาะพิทักษ์

 

บ้านเรือนของชาวบ้าน ที่เรียกกันว่า  ชุมชนเกาะพิทักษ์  สำหรับเราจินตนาการจากที่เห็นตามสื่อต่างๆ ในตอนแรกคือ เป็นเกาะเล็กๆ มีหมู่บ้านชาวเลของชาวบ้าน บางหลังก็อาจจะนำบ้านมาทำโฮมสเตย์  มีร้านค้าชุมชน มีวิถีชีวิตชาวประมงให้เราได้เรียนรู้  แต่ปรากฎว่าไม่ใช่เลยน่าจะเป็นชุมชนดอมเสตย์มากกว่า เพราะบ้านที่เห็นเรียงอยู่ถูกนำมาปรับปรุงเพื่อทำโฮมสเตย์มีนักท่องเที่ยวพักทุกหลัง

เกาะพิทักษ์

เกาะพิทักษ์


เช้านี้ที่เกาะพิทักษ์อากาศปลอดโปร่ง มีลมเย็นพัดมาที่เกาะตลอดเวลา บรรยากาศก็ชิวดีค่ะ

เกาะพิทักษ์

เกาะพิทักษ์

 

บ้านโฮมสเตย์ที่พวกเราจะพักกันในคืนนี้ โฮมสเตย์บนเกาะทุกหลัง จะคิดราคาคล้ายๆ กัน คือ หัวละ 600 -700 บ้าน ราคานี้รวมที่พัก 1 คืน และข้าว 3 มื้อ เที่ยง เช้า เย็น หากต้องการทำกิจกรรมอื่นเพิ่มเติม เช่น ดำน้ำคิดราคาเรือละ  700 บาท ไดร์หมึก ลำละ 500 บาท นั่งได้  10 คน

เกาะพิทักษ์

เกาะพิทักษ์

 

เก็บข้าวของสัมภาระแล้วก็ไปดำน้ำกันต่อ ความคาดหวังของเราก็คือ คิดว่าจะเป็นการดำน้ำมี่เห็นน้ำใสอยู่บ้าง มีปะการังให้เราดู แต่แล้วก็ผิดถนัด น้ำไม่ใสแทบไม่มีปะการังให้ดู มีแต่หอยมือเสืออยู่ประมาณ 2 ตัว เอาเป็นว่าดำน้ำของที่นี่อารมณ์เหมือนพาไปนั่งเรือเล่นน้ำซึ่งก็ไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไหร่ แล้วกลับมากกว่า เลยนั่งเรือกลับที่พักไปนอนพักผ่อนเอาแรงแล้วขึ้นไปเที่ยวบนฝั่งดีกว่า ที่นี่น่าจะเหมาะสำหรับมาพักผ่อน นั่งเล่น นอนเล่น หาหนังสือเล่มโปรด พกโน้ตบุค กีตาร์มาร้องเพลง  หรือถ้าเบื่อก็ไปเดินชมวิวรอบเกาะ  เอาเป็นว่าถ้าคาดหวังจะมาเรียนรู้วิถีชุมชน ณ เวลานี้ สำหรับพวกเรามันยังไม่ใช่ค่ะ

เกาะพิทักษ์

เกาะพิทักษ์

 

หลังจากพักผ่อนเอาแรงตอนบ่าย ก็นั่งเรือข้ามจากเกาะพิทักษ์ มาบนฝั่งเพื่อหาที่เที่ยวคั่นเวลา ช่วงบ่ายน้ำจะขึ้นแล้วเรือสามารถจอดเทียบท่าได้  ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวสวนนายดำ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอหลังสวน เช่นกัน  เพื่อไปชมส้วม อ่านไม่ผิดค่ะ ไปชมส้วม เพราะที่นี่มีขึ้นชื่อและเด่นเรื่องส้วม จนได้รับรางวัลสุดยอดส้วมดีเด่นแห่งปี

สวนนายดำ

 

สวนนายดำ  เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจ.ชุมพร  เป็นสวนผลไม้ และของ ฝากที่มีชื่อเสียงของภาคใต้อีกหลายชนิด มีร้านอาหาร อร่อยและผลิตภัณฑ์ โอท็อป

สวนนายดำ

 

เมื่อเดินเข้าถึงสวนนายดำก็จะได้สัมผัสถึงความร่มรื่นของต้นไม้ ชมการตกแต่งแบบต่างๆ ทั้งสวน การจัดสวน สไตล์ธรรมชาติ สวนสไตล์บาหลี

สวนนายดำ

 

ตอนแรกก็งงว่าทำไมสวนในโซนนี้มีปุ่มเหมือนที่นวดเท้า หันไปดูภาพโซนนี้เป็นสวนตีนเปล่า ซึ่งสามารถเดินนวดเท้าผ่อนคลายได้

สวนนายดำ

 

เดินเข้ามาข้างในก็จะเจอสวนลอย เป็นสวนที่ยกระดับจากพื้น  สวยร่มรื่นดี มีลำธารเล็กๆด้วย

สวนนายดำ

MulticollaC

 

เดินเข้ามีอีกนิดก็มาจ๊ะเอ๊ กับเจ้าสิ่งนี้ค่ะ ส้วมตูดหมูน่ารักมั้ยค่ะ เห็นแบบนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อโชว์อย่างเดียวค่ะ ใช้งานได้จริงด้วย บอกแล้วว่าที่นี่เค้าเด่น เรื่องนี้ค่ะ

สวนนายดำ

 

สวนนายดำ  มีส้วมรูปแบบต่างๆหลากหลายจินตนาการไว้คอยให้บริการ นักท่องเที่ยว เป็นสุดยอดส้วมที่ได้รับรางวัลส้วมแห่งปี โดยมีส้วมหลายประเภท ได้แก่ จะเป็นส้วมตูดหมู  ส้วมรู ส้วมทาซาน ส้วมเสมอภาค  ส้วมอวตาล ส้วมใต้พิภพ ซึ่งส้วมแต่ละแบบก็จะมีป้ายอธิบายถึงที่มาที่ไปไว้พร้อม  นี่เป็นส้วมรู

สวนนายดำ

 

ส้วมทาซาน  มีบันไดเถาวัลย์ให้ปีนขึ้นได้ด้วย ถ้าปวดมากส้วมนี้อาจไม่เหมาะ เพราะกว่าจะขึ้นไปอาจไม่ทันน่ะค่ะ แต่ถ้าเบาๆ พอได้อยู่

สวนนายดำ

 

ส้วมทองก้อน  มีหนอนตัวบะเร้อ และส้วมอวตาลดูลึกลับซับซ้อนสมชื่อ

สวนนายดำ

สวนนายดำ

สวนนายดำ

 

ส่วนนี่ ส้วมลอยฟ้าและส้วมใต้พิภพ  อะไรจะมหัศจรรย์ขนาดนี้ จะกล้าเข้ามั้ยเนี่ย

สวนนายดำ   สวนนายดำ

 

หลังจากเดินเที่ยวซื้อของฝากสำรวจส้มกันแล้ ก็นั่งเรือกลับไปยังเกาะพิทักษ์เพื่อไปค้างคืนที่นั้น ก็เป็นทริปที่แปลกดี มาเที่ยวเกาะพิทักษ์แต่กลับช้ามฝั่งมาหาที่เที่ยวบนเกาะซะงั้น ตื่นเช้ามาก็มาถึงทริปไฮไลต์ของพวกแล้วค่ะ  เก็บข้าวของสัมภาระย้ายขึ้นฝั่งโดยหาที่พักในอำเภอหลังสวนสำหรับคืนที่ 2 เพื่อเตรียม  ล่องแพพะโต๊ะ

พะโต๊ะ

การล่องแพที่พะโต๊ะ  จะมีบริษัททัวร์ที่ให้บริการ ที่ใช้กันบ่อยคงจะเป็น มารีนล่องแพ ซึ่งเป็นทัวร์เก่าแก่ที่ให้บริการการล่องแพ การล่องเรือยาง ของที่นี่มานาน คิดค่าบริการหัวละ 500 บาท พร้อมอาหารกลางวัน 1 มื้อ จุดนัดพบก็ไปเจอกันที่ทำการของมารีน ซึ่งหากจากที่ส่าการอำเภอพะโต๊ะมาไม่ไกลนัก เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยก็นั่งรถไปยังจุดต้นน้ำที่แพจะเริ่มล่องมาเพื่อมาบรรจบ ณ ที่ทำการของมารีน เช่นเดิม

พะโต๊ะ

 

พะโต๊ะ  ในเวลานี้ชุ่มฉ่ำ รับรู้ได้ถึงอากาศอันแสนบริสุทธิ์  มองไปทางไหนก็เขียวขจี สมชื่อ ดินแดนแห่งภูเขาเขียวและน้ำตกพะโต๊ะ ถือได้ว่าเป็นแหล่งต้นน้ำหลายสายที่ไหลคดเคี้ยวมาตามขุนเขาผ่านสวนผลไม้ บางช่วงเป็นแก่งน้ำขนาดใหญ่ จึงมีการจัดกิจกรรมผจญภัยในคลองพะโต๊ะ ตลอดทั้งปี  หากไม่ต้องการพักรีสอร์ทก็สามารถหาที่พักแบบโฮมสเตย์ของชาวบ้านแถวนั้นได้ ที่ดังๆ ก็คงจะเป็น โฮมสเตย์หมู่บ้านคลองเรือ

พะโต๊ะ

พะโต๊ะ

 

แพที่ใช้ล่องส่วนใหญ่ก็จะเป็นแพพีวีซี  ใช้ไม้ไผ่ถ่อล่องไปตามสายน้ำ ซึ่งระดับความแรงของสายน้ำอยู่ในระดับปกติถึงช้ามาก จะไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนล่องแก่ง แต่สำหรับเราชอบแบบนี้ ไปเรื่อยๆ ไม่ชอบความตื่นเต้น นั่งบนแพไปก็จะให้ความรู้สึกได้ชมนกชมไม้แบบเพลินๆ มากกว่า น้ำก็ไม่ค่อยลึกมาก บางจุดสามารถยืนได้ถึงระดับน้ำแค่เข่า

พะโต๊ะ

พะโต๊ะ

พะโต๊ะ

 

มาถึงจุดให้พักเล่นน้ำ ก็นอนเล่นแช่น้ำเย็น สบายอุราไปเลย

พะโต๊ะ

พะโต๊ะ

 

ล่องมาเรื่อยๆ ถึงจุดสิ้นสุดที่ทำการมารีน ก็มารับประทานอาหารกลางวันแบบพื้นบ้าน ถือเป็นไฮไลต์ที่ร่วมอยู่ในกิจกรรมล่องแพ อีกอย่างน่ะค่ะ  เมนูพื้นบ้านทั้งไข่เจียวไม่ได้ทอดบนกระทะใส่น้ำมันน่ะค่ะ แต่นึ่งห่อใบตองมาหอมเชียว

พะโต๊ะ

 

แกงส้มหมูหยวกกล้วยรสชาติเข้มข้นถึงเครื่องแกงแบบใต้ อร่อยสุด

พะโต๊ะ

 

ส่วนข้าวก็ไม่ใช่ข้าวนอกจากจะมีข้าวที่หุงมาจากหม้อคอยเสริฟแล้ว ยังมีข้าวห่อใบตองหุงในกระบอกไม้ไผ่แบบนี้ด้วย

พะโต๊ะ

พะโต๊ะ

 

เมนูอื่นๆ ก็จะเป็นผัดเหรียงใส่ใข่ น้ำพริกพร้อมผักเครื่องเคียง เสริฟ์กันจนอิ่มจะตักกันกี่รอบก็ได้ แม่ครัวทำเป็นหม้อๆ วางไว้ แถมกินไม่หมดมีแอบงอนด้วยค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาหารทุกเมนูอร่อยที่สุด

พะโต๊ะ

พะโต๊ะ

 

จบทริปเี่ที่ยวสัมผัสความงามธรรมชาติในฤดูฝนในเวลา 2 วัน 1 คืน ที่ไกลห่างจากมลพิษในกรุงเทพ ได้นอนโอมสเตย์เย็นๆ ดูสุดยอดส้วมแห่งปี  และจบด้วยการรื้อฟื้นความทรงจำและความชุ่มฉ่ำของพะโต๊ะ ด้วยการล่องแพแบบสบาย ถือเป็นการชาร์ตแบตให้กับชีวิตได้อีกทริปหนึ่งค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก

paiduaykan.com

โพสต์โดย : ต้นน้ำ