Social :



@ดูผีเสื้อ ชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน

15 พ.ค. 61 10:05
@ดูผีเสื้อ ชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน

@ดูผีเสื้อ ชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน

ดูผีเสื้อ ชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน

      อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทะเลหมอกพะเนินทุ่ง  ชื่อเหล่านี้คือ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเพชรบุรี หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อเหลานี้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องแจกแจงอธิบายให้ยืดยาวว่าแต่ละที่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง  การไปเที่ยวครั้งนี้ของฉัน จุดประสงค์หลัก  คือ ตั้งใจจะมาถ่ายภาพผีเสื้อซึ่งมีเยอะในเดือน เม.ย. – พ.ค. รวมถึง ชมทะเลหมอพะเนินทุ่ง  อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  ซึ่งมีให้ชมตลอดปี

 

DEW_4620

 

ออกเดินทางจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่ มาถึงเพชรบุรีประมาณ 9 โมง ระหว่างทาง แวะ  เที่ยวเขาวัง หรือพระนครคีรี  สถานที่ท่องเที่ยวที่จะเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของเมืองเพชร  นับเป็นเวลาหลายปีที่ฉันไม่ได้แวะมาที่นี่  แต่ถ้าผ่านไปมาในเ้ส้นทางนี้แทบนับครั้งไม่ถ้วน    เขาวัง  เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. การขึ้นไปชมข้างบนนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นได้โดยการเดินหรือโดยสารรถรางไฟฟา เสียค่าบริการ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 15 บาท  แน่นอนส่วนใหญ่นักท่องเที่ยงคงเลือกที่จะนั่งรถรางมากกว่า

 

DSC_4858

 

มาถึงข้างบนเสียค่าเข้าชมอีกรอบ 20 บาท เด็กเล็กชมฟรี เขาวังมีพระที่นั่ง พระตําหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบ นิโอคลาสสิคผสมสถาปัตยกรรมจีน ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ ๆ 3 ยอดด้วยกัน ข้างบนอากาศค่อนข้างร้อนมาก เพราะฉะนั้นควรเตรียมอุปกรณ์กันแดดมาให้พร้อม   หากเราขึ้นมาจากรถรางพื้นที่ส่วนแรกที่เราจะได้ชม คือ  ยอดเขาด้านทิศตะวันตก เป็นที่ตั้งของพระราชวังพระนครคีรี ในส่วนนี้จะมีพระที่นั่งที่สำคัญต่างๆ มากมาย รวมถึง  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี  ที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุเครื่องราชูปโภคของราชวงศ์ในอดีต

 

 

ฉันเดินเลยผ่านไปมองเห็นตัวปราสาทสีขาวโดดเด่นมาแต่ไกล มีชื่อว่า   พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท   ซึ่งสร้างตามคติที่ว่า การสร้างพระราชวังใหญ่จะต้องมีปราสาท

 

 

พระที่นั่งมีทางเดินโดยรอบสามารถมองเห็นวิวเมืองเพชรบุรีได้ชัดเจน

 

 

จากพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท  ก็มาถึง พระที่นั่งราชธรรมสภา  ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน เป็นพระที่นั่งสร้างด้วยศิลปะแบบผสมระหว่างไทย จีน และตะวันตก รูปทรงอาคารคล้ายเก๋งจีน  ด้านในของพระที่นั่งไม่ได้เปิดให้เข้าชม

 

DSC_4887

 

ตรงข้ามกับพระที่นั่งจะเป็น  หอชัชวาลเวียงชัย  เป็นหอทรงกลมสูงสองชั้น สร้างขึ้นเป็นที่ศึกษาและสังเกตการณ์ ทาง ดาราศาสตร์ สามารถชมทิวทัศน์ ของเมืองเพชรบุรีได้โดยรอบ เช่นกัน

 

 

เดินย้อนกลับไปยัง พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท  เพื่อไปต่อยัง  พระธาตุจอมเพชร  เส้นทางเดินชมเขาวังในแต่ละจุดถึงแม้อากาศจะร้อนแต้ก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้

 

DSC_4919

 

พระธาตุจอมเพชร  เป็นเจดีย์สีขาว ที่มองเห็นเด่นแต่ไกล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯโปรดเกล้าให้บูรณะเจดีย์เก่าที่มีอยู่ก่อน แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาบรรจุไว้และพระราชทานนามว่า  พระธาตุจอมเพชร

 

 

บริเวณรอบองค์พระธาตุมีทางเดินโดยรอบสามารถชมวิวได้

 

 

จากพระธาตุ มองเห็น  หอชัชวาลเวียงชัย  พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท และพระที่นั่งราชธรรมสภา   ที่เราเพิ่งผ่านมาอยู่ไม่ไกล เป็นภาพในอีกมุมมองที่งดงามมาก

 

DEW_4401

 

“ พี่ครับ พี่ครับ ข้างบนมีพระอาทิตย์ทรงกลดด้วย รีบไปถ่ายภาพซิครับ  ”  เสียงหนุ่มน้อยและคุณพ่อเรียกฉันอยู่หลายรอบ ในระหว่างที่กำลังยืนเก็บภาพในมุมนี้อยู่ ฉันมองขึ้นไปยังยอดพระธาตุเห็นรุ้งกินน้ำพาดผ่านกับแสงอาทิตย์ยามเที่ยงที่สาดส่องเข้ามายังด้านหลังองค์พระธาตุ พระอาทิตย์ทรงกลดที่น้องเค้าหมายถึงคือ สิ่งนี้ ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปทันทีเกรงว่าจะพลาดช้อตประทับใจนี้

 

 

เดินมาเรื่อยๆ ไปยังยอดเขาด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้วหรือ  วัดพระแก้วน้อย  สร้างขึ้นเป็นวัดในเขตพระราชฐาน เช่นเดียวกับวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวัง

 

 

สิ่งที่น่าสนใจในบริเวณ  วัดพระแก้วน้อย ได้แก่  เจดีย์แดง ปรางค์จัตุรมุขทาสีแดงทั้งองค์

 

 

เมื่อขึ้นไปยังบริเวณองค์เจดีย์จะเห็น พระธาตุจอมเพชร โดดเด่นอยู่ด้านซ้าย และกลุ่มพระที่นั่งซึ่งเห็นอยู่ไกลๆ ในมุมด้านขวา

 

 

นอกจากนี้ภายในวัดพระแก้วน้อยมีโบสถ์ มีสัดส่วนงดงาม และมีหน้าบันเป็นลวดลายปูนปั้น รูปตราพระมหาพิชัยมงกุฎ ซึ่งเป็นตราประจำรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จัดเป็นงานปูนปั้นที่มีชื่อเสียงชิ้นหนึ่งของเมืองเพชรบุรี

 

 

จากเขาวังก็มาถึง  พระราชวังบ้านปืน  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาวังมากนัก ฉันได้ยินชื่อของที่นี่มานานแต่ไม่มีโอกาสแวะมาซักที   ที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. โดยค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท

 

DSC_4967

 

ในปัจจุบัน  พระราชวังบ้านปืน  อนุญาติให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพได้เฉพาะตัวอาคารด้านนอกเท่านั้น ส่วนพื้นที่ด้านในสามารถเดินชมได้แต่ไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพบันทึกความประทับใจด้วยสายตาและความทรงจำล้วนๆ

 

DSC_4972

 

หลังจากแวะรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปซึ่งเป็นไฮไลต์ของทริป  อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน   บรรยากาศในช่วงบ่ายแก่ๆ ร้อนเอาเรื่อง แต่วิวทิวทัศน์ที่งดงามรอบเขื่อนก็ทำให้ฉันลืมความรู้สึกนี้ไปได้บ้าง

 

DEW_4419

DEW_4417

 

ลานกางเต้นท์อีกหนึ่งจุดของอุทยานฯ ในเวลานี้งดงามด้วยดอกกัลปพฤกษ์สีเหลืองสดใส ซึ่งจะเบ่งบานเต็มที่ในช่วงหน้าร้อน

 

DEW_4425

 

มาเที่ยวแก่งกระจานเลือกพักได้หลายจุด  ที่พักเอกชนรอบนอกอุทยานก็มีมากมาย หรือจะกางเต้นท์ในอุทยานก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ฉันเลือกพักข้างในตัวอุทยานโดยจองบ้านพักของอุทยานฯไว้ อยู่ภายในบริเวณจากเขื่อน เป็นบ้านพักหลังใหญ่นอนได้ 10 คน  ข้างในมีสิ่งอำนวยความสะดวก คือ พัดลม ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ตามแบบฉบับของบ้านพักอุทยาน

 

DEW_4786

 

มาถึงแก่งกระจานปุ๊บฝนตกทันที  จากที่ตั้งใจจะชมพระอาทิตย์ตกแผนเลยต้องเปลี่ยน  กิจกรรมของพวกเราในเวลานี้ คือ กิน เขื่อนแก่งกระจานมีร้านอาหารเยอะค่ะ แต่แนะนำร้านนี้เลย  ครัวแก่งเพชร อยู่เลยมาจากที่ทำการอุทยานไม่ไกลนัก ที่นี่นอกจากวิวจะสวยอยู่ริมเขื่อนแต่ขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศนั้นมาฝากเนื่องจากในเวลานั้นฝนตกเลยมุ่งแต่รับประทานเพียงอย่างเดียว  อาหารรสชาติอร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะเมนูปลาต่างๆ สดมาก มีหลากหลายเมนูให้เลือกราคาก็ไม่สูงมาก คณะฉันฝากท้องไว้ที่นี่ทั้งมื้อเย็นและกลางวัน มื้อแรกสั่งปลากระพงนึ่งมะนาว ยำผักกูดใส่กุ้ง ทอดมันปลา ผัดฉ่าปลากด ส่วนอีก 1 มื้อ หน้าตาอาหารตามนี้ค่ะ มีปลานิลสามรส  แก่งป่าปลา และไก่อะไรซักอย่าง ซึ่งเป็นเมนูแนะนำ จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ

 

DEW_4806

DEW_4810

DEW_4792

DEW_4794

DEW_4800

 

เช้าวันต่อมาก็ถึงเวลาที่เราต้องไปชมทะเลหมอกที่  เขาพระเนินทุ่ง   ขึ้นไปชมทะเลหมอกหากใครไม่มีรถกระบะหรือรถส่วนตัว สามารถติดต่อเช่ารถกระบะที่ทำการอุทยานได้เลย คิดค่าบริการ 1600 บาท นั่งได้ 10 คน ราคานี้รวมแวะถ่ายภาพผีเสื้อตามจุดต่างๆ

Lif
ระหว่างทางด้วยค่ะ  รถกระบะจะมารับเราตั้งแต่ตี 5 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงยังทะเลหมอกพะเนินทุ่ง  การขึ้นลงเขาพะเนินทุ่งเพื่อความเป็นระเบียบและป้องกันอุบัติเหตุเนื่องจากระยะทางบางช่วงค่อนข้างแคบ ทางอุทยานเลยจัดเวลาให้ขึ้นลงเป็นรอบ โดยจุดสตาร์รถจะเริ่มจากแคมป์บ้านกร่าง

วันธรรมดาจะเปิดให้รถขึ้นและลงแบ่งออกเป็น 3 รอบ
– เวลาขึ้นรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 05.00-08.00 น. รอบที่ 2 เวลา 11.00-12.00 น. รอบที่ 3 ตั้งแต่เวลา1 5.00-16.00 น.
– เวลาลงรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 09.00 -10.00 น.รอบที่ 2 เวลา 13.00 -14.00 น.รอบที่ 3 ตั้งแต่เวลา 17.00-18.00 น.

ช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันเช่นช่วงปีใหม่กำหนดเวลาขึ้นลงไว้ 2 รอบ
– เวลาขึ้นรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 05.00-08.00 น. รอบที่ 2 ตั้งแต่เวลา13.00 -15.00 น.
– เวลาลงรอบที่4 ตั้งแต่เวลา10.00-12.00 น. รอบที่ 2 ตั้งแต่เวลา17.00-18.00 น.

 

 

ตอนแรกแอบเซ็งเล็กน้อยมาถึง 7 โมง ไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น แต่พี่คนขับบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นอีกฝั่งนึงไม่ใช่มุมที่มองเห็นทะเลหมอกอยู่แล้ว มาถึงเร็วกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะบรรยากาศก็มืดๆ ทึมๆ มาถึงเวลานี้ดีที่สุดฟ้าสว่างแล้ว

 

DEW_4434

 

ทะเลหมอกพะเนินทุ่ง   สามารถชมได้ตลอดปีเพราะทะเลหมอกที่นี่เกิดจากจากต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์คลายก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซต์ออกมาเกิดเป็นหมอกที่สวยงามไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

 

 

มาถึงปุ๊บนักท่องเที่ยวเยอะมาก เลยได้แต่เก็บภาพในมุมเจาะมาเป็นส่วนใหญ่

 

 

หลบผู้คนมานั่งหาอะไรทานในยามเช้าที่ร้านอาหารของอุทยาน มีอาหารง่ายๆ ได้แก่ ข้าวแกง ข้าวต้ม กาแฟ โอวัลติน

 

 

เดินสำรวจโดยรอบ ตรงนี้ คือ ลานกางเต้นท์ หากใครมาแก่งกระจาน สามารถมากางเต้นท์ข้างบนได้อีก 1 จุด  มีห้องน้ำให้บริการพร้อม

 

 

ระหว่างรอเวลาลงรถในรอบแรก คือ 9 โมง ก็เดินย้อนกลับไปที่จุดชมทะเลหมอกอีกครั้ง ในเวลานี้นักท่องเที่ยวไม่มีแม้แต่คนเดียว คงลงไปหาอะไรทานกันหมดแล้ว นับเป็นช่วงเวลาของพวกเราที่จะได้เก็บภาพในมุมกว้างๆกันบ้าง

 

 

เวลา 8 โมงกว่า สายหมอกก็ไม่ได้จางหายไปแต่กลับฟูฟ่องขึ้นมาคลอเคลียเหนือยอดเขา บรรยากาศในเวลานี้ เงียบ สงบ  ผิดจากก่อนหน้านี้ที่ดูวุ่นวายแท้  เป็นช่วงเวลาที่ฉันได้ยินเพียงแต่เสียงใบไม้ และชะนีจากผืนป่าด้านล่างที่แข่งกันร้อง  นั่งเล่นมองทะเลหมอกรอเวลาช่างมีความสุขจริง

 

 

9 โมง ได้เวลาที่อุทยานอนุญาติให้ลงจากเขาพะเนินทุ่งได้แล้ว  จุดหมายต่อไปของฉัน คือ ไปยังแคมป์บ้านกร่างเพื่อไปเก็บภาพเหล่าบรรดาผีเสื้อ  แต่ระหว่างทางจากเขาพะเนินทุ่งไปยังแคมป์บ้านกร่างก็มีผีเสื้อให้ชมเยอะเช่นกัน ลงมาได้ซักพัก เจอจุดแรกแอบตื่นเต้นกับภาพที่ได้เห็นเพราะไม่คิดว่าจะมี ผีเสื้อบินกันให้ว่อน  ส่วนใหญ่เราจะพบเห็นได้เยอะตามบริเวณที่มีลำธาร เพราะในหน้าร้อนผีเสื้อจะบินออกมาหาความชุ่มชื่น

 

 

ปีนี้ผีเสื้อสีสวย ตัวใหญ่ และมีให้ชมหลากหลายพันธุ์ ปีที่แล้วฉันก็มาถ่ายภาพผีเสื้อที่แก่งกระจาน อยู่เฉพาะที่แคมป์บ้านกร่าง เห็นแต่พันธุ์เสือดาวสีส้ม ตัวไม่ใหญ่มากส่วนพันธุ์อื่นแทบไม่มีให้เห็น

 

DEW_4560

 

นอกจากตามลำธารเราสามารถพบเห็นผีเสื้อได้ตามจุดที่มีกลิ่นหน่อยๆ อย่างภาพนี้เกาะอยู่ที่อุจจาระซึ่งคาดว่าน่าเป็นของช้างเพราะก้อนใหญ่  เกาะอยู่เยอะมาก ท่าทางคงเป็นแหล่งอาหารชั้นยอดของมันเลยทีเดียว

 

 

ผีเสื้อพันธุ์นี้น่าจะเป็นพันธุ์หางติ่ง ซึ่งพบเห็นได้เยอะและเห็นทุกปี แต่ปีนี้รู้สึกว่าสีจะสวยเข้มกว่าหลายครั้งที่เห็นมา

 

 

จากลำธารขุดแรกก็มายังจุดต่อไป จุดนี้เห็นเกาะอยู่ตามดินระหว่างทางเยอะมากเช่นกัน สมาชิกของเราก็นั่งส่องและเล็งกันเต็มที่

 

 

พยายามเก็บภาพผีเสื้อที่เกาะตามต้นไม้มาบ้าง แต่อย่าถามน่ะค่ะว่าแต่ละตัวพันธุ์อะไรบ้าง เน้นถ่ายภาพอย่างเดียว

 

DEW_4825

 

เจ้าพันธุ์นี้ก็มีเยอะค่ะ ปีที่แล้วไม่เห็นเลย

 

 

มาถึงลำธารอีกจุด มีเยอะมากเช่นกัน ลำธารจากพะเนินทุ่งถึงบ้านกร่างมีอยู่ประมาณ 4 จุด ค่ะ ซึ่งทุกจุดมีผีเสื้อให้ชมหมด

 

 

จุดนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เจ้าผีเสื้อหยุดอยู่นิ่งๆ พอให้ได้ภาพแบบ close up  มาบ้าง

 

 

กว่าจะมาถึงแคมป์บ้านกร่างก็เกือบเที่ยง จริงแล้วคาดหวังว่ามาถึงจะได้เห็นผีเสื้อบินว่อนทั่วที่ทำการเหมือนปีที่แล้ว แต่ปรากฎว่าปีนี้เงียบมากค่ะ  ตามถนนแทบไม่มีให้ชมเลย จะมีให้ชมเพียงจุดเดียวตรงบริเวณลำธาร ซึ่งด้านหน้ามีป้ายเขียนไว้ว่า ค่ายเยาวชน   นักท่องเที่ยวหลายคนกำลังส่องกันอย่างเพลิดเพลินท่ามกลางแดดร้อน

 

DEW_4744

 

ผีเสื้อเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามาแล้วจะเจอะเยอะมากน้อยแค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวันด้วยค่ะ

 

DEW_4830

 

เจ้าตัวนี้ลายสีเขียวสวยฉันยังไม่เคยเห็น แต่หลายคนอาจเคยเห็นมาบ้างแล้ว

 

 

เจ้าผีเสื้อน้อยแอบมาดูภาพของเพื่อนๆหลังจอด้วย จบทริปกันด้วยภาพนี้ เพชรบุรี ใกล้แค่นี้เองหากใครอยากมาชมผีเสื้อช่วงเดือนเม.ย. –  พ.ค. เป็นช่วงที่เหมาะสมและมีผีเสื้อให้เราได้ชมเยอะกว่าช่วงเวลาอื่น จะเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืนก็ได้ หากค้างคืนแนะนำว่าไม่ควรพลาดชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง สำหรับฉันที่นี่เหมาะกับการมาพักผ่อนเป็นความรู้สึกว่านี่แหละธรรมชาติล้วนๆ

 

 

ทริปเดินทาง วันที่ 27-28 เม.ย. 56

โปรแกรมท่องเที่ยวตามทริป  2 วัน 1 คืน 

วันแรก

07.00 น.  ออกเดินทางจากกรุงเทพ

09.00 น.  แวะเขาวังต่อด้วยพระราชวังบ้านปืน  รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น.  เดินทางไปยังอช. แก่งกระจาน
14.00 น.  ถึงที่พัก
17.00 น.   ชมพระอาทิตย์ตกเหนือเขื่อน แก่งกระจาน
19.00 น.   รับประทานอาหารเย็น  พักผ่อนตามอัธยาศัย พักที่พักของอุทยาน
วันที่สอง

05.00 น. ตื่นแต่เช้าขึ้นรถโฟรวิว ชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง ซึ่งมีให้ชมตลอดปี รับประทานอาหารเช้า
09.00 น.  แวะถ่ายภาพผีเสื้อตามจุดต่างๆ
13.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง
14.00 น. ออกจากแก่งกระจาน

15.00 น. แวะไปเที่ยวหัวหินเดินทางกลับ

19.30 น. ถึงกรุงเทพ


ขอบคุณข้อมูลจาก

paiduaykan.com

โพสต์โดย : ต้นน้ำ