ค้นบ้าน”เสี่ยอ้วน”กระสุนปืนอื้อ-พบเคยโดนคดียิงคนตาย

จากกรณีคนร้ายขับรถเก๋งสีขาว ไม่ทราบทะเบียนมาดักซุ่มยิง น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย และ นายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส จนเสียชีวิต 2 ศพ คาลานจอดรถฝั่งตรงข้ามหน้าพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ล่าสุด พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.นิกร ชูทอง รอง ผกก.สส.สภ.ป่าตอง และ ร.ต.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย กรมทหารราบที่ 25 (ชป.รส.ร.25) ฝ่ายปกครองอำเภอกะทู้ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนพระเมตตา (ถนนผังเมือง สาย ก.) รวมถึงที่พักบริเวณใกล้เคียงอีก 2 จุด ซึ่งนายปัญญา หรือ เสี่ยอ้วน บางลา เช่าให้พนักงานสถานบันเทิงพักอาศัย แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

หลังจากนั้น ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายปัญญา ซอยพระเมตตา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ สภาพเป็นบ้านชั้นเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่ามีกุญแจปิดอยู่ จึงใช้เครื่องมือตัดกุญแจออกแล้วเปิดประตูเข้าไปตรวจสอบในบ้าน จากการตรวจค้นภายในบ้านพักหลังดังกล่าว พบว่า มีกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 155 นัด กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 100 นัด กระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 6 นัด สมุดบัญชีธนาคารจำนวนมาก ใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์และยังพบใบอนุญาตให้มี และใช้อาวุธปืน (ป.4) 1 ฉบับ ระบุชื่อ นายปัญญา ยิ่งดัง เป็นผู้ครอบครอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานบางส่วนไว้ทำการตรวจสอบ

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง นำโดย พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารบก.ควบคุม พล.ร.5 ( ชป.รส.ร.25 ) และ ฝ่ายปกครองอำเภอกะทู้ เข้าตรวจสอบสถานประกอบการบาร์ ซอยบางลา หาดป่าตอง อ.กะทู้ ซึ่งเป็นสถานประกอบการของ นายปัญญา ยิ่งดัง อายุ 39 ปี หรือ เสี่ยอ้วน ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการสังหาร จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ที่บาร์ดังกล่าวไม่พบความผิดเกี่ยวกับผู้มีอายุตำกว่า 18 ปี เข้าใช้บริการ หรือการค้าประเวณี หรือสิ่งของผิดกฏหมายแต่อย่างใด แต่เมื่อขอตรวจสอบใบอนุญาตสถานประกอบการ พบว่าไม่มีใบอนุญาตฯ จึงได้ควบคุมตัว น.ส.จารุพักตร์ ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง และแจ้งข้อหาเปิดสถานโดยไม่ได้รับอนุญาต และสั่งปิดไม่มีกำหนดเพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า นายปัญญา ยิ่งดัง อายุ 39 ปี หรือ เสี่ยอ้วน เคยก่อเหตุยิงผู้อื่นเสียชีวิต ก่อนมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามในคดีดังกล่าว ในชั้นพนักงานสอบสวนได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานและส่งสำนวนสรุปสั่งฟ้องต่ออัยการเป็นที่เรียบร้อย แต่ในชั้นอัยการสั่งไม่ฟ้อง

ขอบคุณข้อมูลจาก:innnews