Social :



ทำความรู้จัก การทำนาไทย ตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน

14 ส.ค. 61 10:08
ทำความรู้จัก การทำนาไทย ตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน

ทำความรู้จัก การทำนาไทย ตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน

ทำความรู้จัก  การทำนาไทย  ตั้งแต่อดีต  -  ปัจจุบัน


การปลูกข้าว  เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม  สันนิษฐานว่าเริ่มจากการที่มนุษย์รู้จักสังเกตการเจริญเติบโตของข้าวในธรรมชาติ  ต่อมาจึงนำเมล็ดข้าวที่ได้มาเพาะปลูกใกล้บริเวณที่อยู่อาศัย  ในประเทศไทยพบการปลูกข้าวด้วยวิธีการปักดำมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และพัฒนาวิธีการปลูกเรื่อยมาตามลำดับ  จนปัจจุบันมีวิธีการปลูกข้าวที่หลากหลายแตกต่างกันตามลักษณะภูมิประเทศ

การทำนาในจนถึงปัจจุบัน

วิถีการทำนาของคนไทยมีพัฒนาการมาตามลำดับ  ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์  ปรากฎว่ามีการทำนาหลากหลายวิธี  และบางวิธีก็ยังคงใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้  การทำนาไร่เป็นวิธีการปลูกข้าวแบบดัง้เดิมบนเขา  หรือตามป่าดงโดยอาศัยน้ำฝ น มีขั้นตอนเหมือนการปลูกข้าวไร่ในปัจจุบัน ตั้งแต่การเลือกพื้นที่ตามที่ลาดเชิงเขา  หรือป่าดง ซึ้นพื้นดินมีอินทรียวัตถุที่เกิดจากการทับถมของใบไม้และซากพืช  จึงทำหลุมและหยอดเมล็ดข้าวลงในดินก่อนที่ฤดูฝนมาถึง  ใช้พันธุ์ข้าวที่มีอายุเก็บเกี่ยวได้พอดีกับสิ้นฤดู ชาวไร่จะเก็บรักษาข้าวที่ได้ไว้บริโภคในครัวเรือน  เมื่อปลูกต่อเนื่องจะทำให้ดินจืดชาวไร่ส่วนมากจึงใช้พื้นที่ปลูกข้าวเพียง  2 – 3  ปี  และหาพื้นที่ปลูกใหม่  ซึ่งเป็นวิธีการทำไร่เลื่อนลอยในปัจจุบัน




การทำนาน้ำฝน   เป็นวิธีการทำนาในที่ดอนและที่ราบโดยอาศัยน้ำฝนเช่นเดียวกับการทำนาไร่  เริ่มจากการตัดโค่นต้นไม้และขุดรากไม้ออก จากนั้นจึงทำคันนาโดยแบ่งพื้นที่เป็นแปลงๆ  สำหรับกักเก็บน้ำฝนไว้หล่อเลี้ยงต้นข้าว  เตรียมดินโดยการไถและคราด หากพื้นที่นั้นอยู่ใกล้แหล่งน้ำ  ลำห้วย  หรือลำธาร ชาวนาจะทำลำรางเพื่อระบายน้ำเข้านา ถ้าพื้นที่อยู่ใกล้ลำน้ำใหญ่มีน้ำไหลตลอดปี  เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว ชาวนาจะปลูกข้าวอีกครั้งหนึ่งโดยทดน้ำเข้านา  การทำนาครั้งที่สองเรียกว่า  การทำนาปรัง

การทำนาเมือง   เป็นการทำนาอาศัยน้ำฝนในที่ราบลุ่มที่อาจจะประสบสภาพน้ำท่วมได้  การปลูกจะใช้การหว่านข้าวและมีขั้นตอนคล้ายคลึงกลับกับวิธีการปลูกข้าวนาน้ำลึก และข้าวขึ้นน้ำในปัจจุบัน โดยเตรียมดินเมื่อเข้าฤดูฝน เมื่อนาได้รับน้ำฝนเพียงพอดินอ่อนตัว  จึงไถและหว่านเมล็ดข้าวแห้งลงในนา พันธุ์ข้าวที่ใช้ทำนาเมืองเป็นพันธุ์ข้าวที่เจริญเติบโตเร็ว 
Lif
ยืดตัวได้เร็วทันน้ำ มีทั้งพันธุ์ข้าวที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ที่น้ำลึกประมาณ  1 – 1.5  เมตร  และพันธุ์ข้าวที่สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ที่น้ำลึกถึง  4 – 5  เมตร  นอกจากพันธุ์ข้าวนาน้ำลึกจะมีระบบรากเหมือนพันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูกทั่วไปแล้ว  ยังมีรากออกตามข้อและปล้องตลอดขึ้นไปจนถึงผิวน้ำ


การทำนาเชิงเลนหรือนาน้ำลด   เป็นนาที่ทำกันตามชายฝั่งแม่น้ำหรือริมคลอง  ซึ่งเป็นที่ลาดลุ่ม  มีกระแสน้ำขึ้นลง ชาวนาจะเป็นแปลงมีคันนาสูงพ้นน้ำเพื่อกันน้ำท่วม  นาเชิงเลนจัดเป็นนาชั้นดีที่สามารถควบคุมน้ำได้ และทำนาได้ปีละ  2  ครั้ง  ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง เพราะได้รับตะกอนที่ไหลปนมากับน้ำ

การทำนาสวน นาดำหรือนาปัก   เป็นการทำนาในร่องสวน  หรือในไร่นาที่ปลูกไม้ล้มลุกหรือพืชผัก วีปลูกจะใช้วิธีปักดำจากต้นกล้าที่เตรียมไว้  ข้าวที่ได้จากการทำนาสวนจัดเป็นข้าวชั้นดี  เพราะมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ และเนื่องจากมีพื้นที่ปลูกไม่มากนักจึงได้รับการดูแลรักษาอย่างดี  เมื่อข้าวสุก  สามารถเก็บเกี่ยวได้ตามเวลา คุณภาพข้าวดีมากจึงซื้อขายกันในราคาสูง




การทำนาน้ำตม หรือเพาะเลย   เป็นการทำนาหว่านแบบข้าวนาเมือง  โดยใช้วิธีการแช่งข้าวให้งอกก่อนเหมือนที่ใช้หว่านกล้า เพราะใช้วิธีหว่านข้าวแห้งหรือหว่านสำรวยไม่ทัน  เนื่องจากพื้นที่มีฝนตกชุก ดินเปียกแฉะเกินไป  หลังจากเตรียมดินโดยไถครั้งหนึ่งหรือ  2  ครั้งแล้ว จึงหว่านเมล็ดข้าวที่งอกลงไป  ในอดีตวิธีนี้มักไม่ได้ผลผลิตที่ดี เพราะถ้าดินแห้งหลังจากหว่านข้าวจะทำให้ข้าวที่งอกตายได้ง่าย  และถ้าน้ำมาเร็วและลมแรง ต้นข้าวก็จะหลุดลอยได้เนื่องจากรากข้าวยังไม่เกาะดิน

การทำนาน้ำใส   เป็นการปลูกข้าวโดยวิธีหว่านอีกวิธีหนึ่ง  เมื่อน้ำเข้านาเร็ว  ระดับน้ำสูงประมาณ  0.5  เมตร หรือสูงกว่านี้  จะไม่สามารถทำนาหว่านข้าวแห้งได้  วิธีการที่จะให้เมล็ดข้าวที่หว่านในน้ำลึกงอกดีจะต้องปล่อยให้น้ำใสเสียก่อน ถ้าน้ำขุ่นเมล็ดข้าวที่จมอยู่ใต้น้ำไม่ได้รับแสงแดดจะไม่แตกใบ หรือเมื่อแตกใบแล้วอาจมีโคลนตมจับทำให้ข้าวเน่าตาย  การทำนาน้ำใสจะแบ่งแปลงนาเป็นแปลงขนาดเล็กโดยใช้คันดินกั้น เพื่อไม่ให้ต้นข้าวอ่อนหลุดลอบไปเมื่อมีลมพัด ชาวนาบางรายใช้วิธีหว่านแบบน้ำขุ่น  เพื่อให้โคลนตมจับเมล็ดข้าวทำให้รากข้าวหยั่งลึกเกาะดินได้ดี  วิธีการหว่านข้าวทั้งในน้ำใสและน้ำขุ่นนี้ชาวนาจะทำต่อเมื่อจำเป็นและไม่หังผลมากนัก


ข้อมูลอ้างอิง  :  https://www.rakbankerd.com

โพสต์โดย : POK@