Social :



แนะนำวิธีการปลูก พริกไทย

15 ส.ค. 61 11:08
แนะนำวิธีการปลูก พริกไทย

แนะนำวิธีการปลูก พริกไทย

แนะนำวิธีการปลูก  พริกไทย


พริกไทย  เป็นพืชสมุนไพรเครื่องเทศที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งของพืชในกลุ่มนี้  เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เป็นทั้งเครื่องเทศ  คือช่วยปรุงแต่งกลิ่นรสอาหาร  ป้องกันอาหารเน่าเสีย  ในด้านของสมุนไพรช่วยย่อยอาหาร  ขับลม แก้ท้องอืด  
ท้องเฟ้อ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น  ปัจจุบันได้มีการนำพริกไทย มาใช้ในรูปของอาหารเสริมสุขภาพมากขึ้น




พันธุ์พริกไทย
1. พันธุ์ซาราวัคหรือพันธุ์คุชซิ่ง  :   พันธุ์ที่ชาวสวนพริกไทยจังหวัดจันทบุรี  นิยมเรียกพันธุ์มาเลเซียนั่นเอง เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมาก  เป็นพันธุ์ที่นำมาจากรัฐซาราวัค  ประเทศมาเลเซียสามารถต้านทานโรครากเน่าได้ดีกว่าพันธุ์จันทบุรี  ซึ่งปลูกอยู่แต่เดิม  เจริญเติบโตได้เร็วและให้ผลผลิตสูงกว่า ถ้าต้นสมบูรณ์จะให้ผลผลิตน้ำหนักสดเฉลี่ย  ประมาณ  9-12  กิโลกรัมต่อค้างต่อปี  หรือไร่ละประมาณ  3,600-4,800  กิโลกรัมต่อปี แต่ส่วนใหญ่  การเจริญเติบโตในแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกัน  ผลผลิตก็แตกต่างกันไป

2. พันธุ์ซีลอนยอดแดง  :   เป็นพันธุ์พริกไทยที่นำมาจากประเทศศรีลังกา  นิยมปลูกเพื่อขายเป็นพริกไทยสด มากกว่าทำพริกไทยดำหรือขาวลักษณะของยอดจะออกสีน้ำตาลแดง  จึงเรียกกันว่า  "ซีลอนยอดแดง" 

3. พันธุ์ซีลอนยอดขาว  :   เป็นพันธุ์พริกไทยที่นำมาจากประเทศศรีลังกา เช่นเดียวกันกับพันธุ์ซีลอนยอดแดง พริกไทยพันธุ์นี้ความจริงเป็นพริกไทยพันธุ์  PANIYUR-1  ซึ่งเป็นพริกไทยพันธุ์ลูกผสมของประเทศอินเดีย ระหว่างพ่อพันธุ์  Uthirankota  กับแม่พันธุ์  Cheriyakaniyakadan   พริกไทยพันธุ์นี้จะมีลักษณะเถาอ่อน  สีจะเขียวอ่อนเกือบขาวโดยเฉพาะที่ยอดอ่อน  จึงนิยมเรียกว่า "ซีลอนยอดขาว" เนื่องจากมีผู้นำพันธุ์มาจากประเทศศรีลังกา (ซีลอน)  ลักษณะต่าง ๆ  จะคล้ายกับพันธุ์ศรีลังกาที่แตกต่างกันชัดเจนก็คือส่วนยอด  ช่อผลจะยาวกว่าพันธุ์ศรีลังกาเล็กน้อย  การเจริญเติบโตเร็วกว่าพันธุ์ซาราวัค ผลสดจะมีลักษณะโตกว่าพันธุ์ซาราวัค นิยมปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นพริกไทยสด  เพื่อส่งโรงงานทำพริกไทยดอง

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
- พื้นที่ไม่มีน้ำท่วมขัง สูงจากระดับน้ำทะเล  0-1200  เมตร 

- มีความลาดเอียง  0-25  องศา  แต่ถ้าลาดเอียงมากกว่า  15  องศา  ควรทำขั้นบันได  เพื่อป้องกันการพังทะลายของหน้าดิน 
- ดินร่วน  ดินร่วนปนทราย  หรือดินร่วนเหนียว  มีความอุดมสมบูรณ์สูง  ระบายน้ำได้ดี 
- ความลึกของหน้าดินมากกว่า  50  เซนติเมตร 
- ความเป็นกรดด่างอยู่ระหว่าง  5.5-6.5 
- พื้นที่อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่  20  องศาเหนือและใต้  อุณหภูมิ  10-30  องศาเซลเซียส  ปริมาณน้ำฝน  1,200-2,500  มิลลิเมตร 
- มีแหล่งน้ำที่สะอาดปราศจากสารพิษเจือปน  มีความเป็นกรดด่างอยู่ระหว่าง  5.0-6.5 

การเตรียมดิน 
- ป่าเปิดใหม่  ต้องขุดตอ  เก็บรากไม้เศษหญ้าออกให้หมดเสียก่อนขุดดิน  ตากดินทิ้งไว้  15  วัน  แล้วจึงไถพรวน แล้วปรับหน้าดิน 
- พื้นที่ลาดชันเกิน  15  องศาต้องปรับพื้นที่แบบขั้นบันได 

วิธีการปลูก 
การเตรียมกิ่งพันธุ์ ทำได้ 2 วิธี คือ 
- ตัดจากค้างที่สมบูรณ์ เหนือพื้นดิน  50  เซนติเมตร  ตัดเป็นท่อนยาว  5-6  ข้อ  ตัดกิ่งแขนง ข้อที่  1-3  ดอก แล้วนำไปปลูกหลุมละ  20  กิ่ง 
- นำกิ่งพันธุ์ที่ตัดเป็นท่อนแล้ว  ปักชำในถุงพลาสติก  ขนาด  9x14  นิ้ว  ประมาณ  2-3 
Lif
เดือน  พริกไทยจะงอกรากและแตกยอด จึงย้ายปลูกในแปลง 


ระยะปลูก 
- พันธุ์ซาราวัค  (มาเลเซีย) ใช้ระยะ  2x2  เมตร 
- พันธุ์ซีลอน  ใช้ระยะปลูก  2.25 x 2.25  หรือ  2.25 x 2.5  เมตร 

การปักค้าง 
ใช้ค้างไม้แก่นหรือค้างปูนซีเมนต์  ขนาด  4x4x4  เมตร  ฝังลึก  50-60  เซนติเมตร  กลบดินให้แน่น  หลังจากนั้น ขุดหลุมขนาด  40x60  เซนติเมตร ลีก  40  เซนติเมตร  ค้างละ  1  หลุม  ห่างจากโคนค้าง  15  เซนติเมตร ผสมดินกันปุ๋ยอินทรีย์  อัตรา  1:1  แล้วใส่ในหลุมประมาณครี่งหลุม  นำยอดพันธุ์ที่เตรียมไว้ปลุกหลุมละ  2  กิ่ง  ให้ปลายยอดเอนเข้าหาค้าง  กลบดินให้แน่นรดน้ำให้ชุ่ม ใช้วัสดุพลางแสง  ประมาณ  3-6  เดือน  จนกว่าพริกไทยจะตั้งตัวได้ 

การตัดแต่ง 
ปีที่ 1   เหลือยอดที่สมบูรณ์ไว้  ค้างละ  4-6  ยอด ใช้เถาวัลย์หรือเชือกฟางผูกยอด  ให้แนบติดกับค้างโดยผูกขอเว้นข้อ  จนกระทั่งพริกไทยอายุ  1  ปี  ตัดเถาให้เหลือ  50  เซนติเมตร จากระดับผิวดิน 
- ปีที่ 2 ตัดแต่งเช่นเดียวกับปีแรก  จนกว่าพริกไทยจะสูงเลยค้างไปประมาณ  30  เซนติเมตร  ให้ผูกไว้บนยอดค้าง  และใช้เชือกไนล่อนผูกทับเถาวัลย์เดิมเป็นเปลาะ ๆ  ห่างกัน  40-50  เซนติเมตร 
- ปีที่ 3   ตัดไหลและปรางบริเวณโคนต้น  ปลิดใบที่ลำต้นออก  เพื่อให้โคนโปร่ง  ถ้าพริกไทยยังไม่ถึงยอดค้าง เด็ดช่อดอกออกให้หมด  เพราะจะทำให้พริกไทยเจริญเติบโตช้า 




การใส่ปุ๋ย 
- ใส่  dolomite  หรือปูนขาว  ปีละ  2  ครั้ง  ครั้งละ  400-500  กรัม/ค้าง  ก่อนใส่ปุ๋ยเคมี  2-4  สัปดาห์  โดยเฉพาะในกรณีที่ดินมีสภาพเป็นกรด 
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก อย่างน้อยปีละ  1  ครั้ง  อัตรา  2-5  กิโลกรัม/ค้าง  หรือแบ่งใส่ปีละ  2-3  ครั้ง 
- ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร  15-15-15  หรือ  8-24-24  หรือ  12-12-12 +2Mg  ดังนี้
ปีที่ 1 สูตร   15-15-15  หรือ  12-12-17+2Mg  อัตรา  400-500  กรัม/ค้าง
ปีที่ 2 สูตร   15-15-15  หรือ  12-12-17+2Mg  อัตรา  800-1,000  กรัม/ค้าง  แบ่งใส่  3-4  ครั้ง
ปีที่ 3 และปีต่อ ๆ ไป 
- ครั้งที่ 1  ใช้สูตร  15-15-15  อัตรา  400-500  กรัม/ค้าง  ใส่หลังเก็บเกี่ยว 
- ครั้งที่ 2  สูตร  8-24-24  อัตรา  400-500  กรัม/ค้าง  ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 
- ครั้งที่ 3  สูตร 12-12-17+2 Mg  อัตรา  400-500  กรัม/ค้าง  ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม

การให้น้ำ 
- ควรให้แบบ  mini  sprinkler 
- ระยะเวลาการให้น้ำ  หลังปลูกควรรดน้ำทุกวันหรือวันเว้นวัน  เมื่อพริกไทยตั้งตัวได้  ลดเหลือ  2-3  วัน/ครั้ง พริกไทยที่ให้ผลผลิตแล้วควรให้  3-4  วัน/ครั้งตามสภาพดินฟ้าอากาศ


ข้อมูลอ้างอิง  :   https://www.rakbankerd.com

โพสต์โดย : POK@