Social :



วิธีการปลูก ต้นดาวเรือง ให้ได้ผลผลิตภายใน 60 วัน

16 ส.ค. 61 11:08
วิธีการปลูก ต้นดาวเรือง ให้ได้ผลผลิตภายใน 60 วัน

วิธีการปลูก ต้นดาวเรือง ให้ได้ผลผลิตภายใน 60 วัน

วิธีการปลูก  ต้นดาวเรือง  ให้ได้ผลผลิตภายใน  60  วัน  


ปัจจุบัน  ดอกดาวเรืองมีความต้องการของตลาดสูงมาก  เพราะดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย  ไม่ว่าจะทำไปร้อยมาลัย  หรือนำไปใช้ประกอบวิธีทางศาสนาต่างๆมากมาย "การปลูกดอกดาวเรือง"   นั้นจึงเหมาะมากหลังจากทำนา  หรือหลังจากการทำการเกษตรต่างๆ  เพราะดอกดาวเรืองนั้นใช้เวลาในการปลูกเพียง  60  วันก็สามารถเก็บดอกขายได้




ชนิดของต้นดาวเรือง
1. ดาวเรืองอเมริกัน  (American  Marigolds) เป็นดาวเรืองที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกา  ลำต้นสูงตั้งแต่  10-40  นิ้ว  ดอกสีเหลือง  ส้ม  ทอง  และขาว  กลีบ  ดอกซ้อนกันแน่น  ดอกมีขนาดใหญ่ประมาณ  3-4  นิ้ว  ดาวเรืองชนิดนี้มีหลายพันธุ์  ได้แก่ 
พันธุ์เตี้ย สูงประมาณ 10-14 นิ้ว ได้แก่  พันธุ์  ปาปาย่า (papaya)  ไพน์แอปเปิล (pineaple)  ปัมพ์กิน (Pumpkin)  เป็นต้น
พันธุ์สูงปานกลาง สูงประมาณ  14-16  นิ้ว  ได้แก่  พันธุ์อะพอลโล (Apollo)  ไวกิ่ง (Ziking) มูนช๊อต (Moonshot) เป็นต้น
พันธุ์สูง สูงประมาณ  16-36  นิ้ว  ได้แก่  พันธุ์ดับเบิล  อีเกิล  (Double  Egle)  ดับบลูน (Doubloon)  ซอฟเวอร์เรน (Sovereign)  เป็นต้น

2. ดาวเรืองฝรั่งเศส  (French  Marigolds)  ดาวเรืองฝรั่งเศสเป็นดาวเรืองต้นเล็ก ต้นเป็นพุ่มเตี้ย ๆ  สูงประมาณ  6-12  นิ้ว  ดอกสีเหลือง  ส้ม  ทอง  น้ำตาลอมแดง  และสีแดง ดอกมีขนาดเล็กประมาณ  1.5  นิ้ว นิยมปลูกประดับในแปลงมากกว่าปลูกเพื่อตัดดอก  เนื่องจากมีก้านดอกสั้น นอกจากนี้ยังเป็นดาวเรืองที่สามารถลดปริมาณไส้เดือนฝอยที่ทำให้เกิดอาการรากปมในรากพืชได้

3. ดาวเรืองพันธุ์ลูกผสม  (Mule  Mariglds หรือ Afro  American  Marigolds)
  เป็นดาวเรืองลูกผสมระหว่างดาวเรืองอเมริกันและดาวเรืองฝรั่งเศส  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำลักษณะความแข็งแรง ดอกใหญ่ และมีกลีบซ้อนมากของดาวเรืองอเมริกัน  รวมเข้ากับลักษณะต้นเตี้ยทรงพุ่มกะทัดรัดของดาวเรืองฝรั่งเศส ดาวเรืองลูกผสมให้ดอกเร็วมาก คือเพียง 5 สัปดาห์หลังจากเพาะเมล็ดดอกมีขนาด  2-3  นิ้ว ดอกดกและอยู่กับต้นได้ดี  ดาวเรืองชนิดนี้มีข้อเสียก็คือเมล็ดจะลีบ  ไม่สามารถนำมาเพาะให้เป้นต้นใหม่ได้จึงเรียกว่า  ดาวเรืองล่อ เช่นเดียวกับการผสมม้ากับลา  มีลูกออกมาเรียกว่า  ล่อ  ซึ่งเป็นหมัน จึงทำให้เมล็ดมีราคาแพงมาก  และการปลูกดาวเรืองด้วยเมล็ดชนิดนี้ จึงควรใช้เมล็ดเป็นปริมาณ  2  เท่าของจำนวนที่ต้องการ  เนื่องจากเมล็ดมีเปอร์เซ็นต์ความงอกต่ำ




การขยายพันธุ์ดาวเรือง
ทำได้โดยการใช้เมล็ดและการปักชำ  แต่วิธีที่นิยมทำคือ  การใช้เมล็ด เพราะได้จำนวนมากกว่า  โดยนำเมล็ดดาวเรืองมาเพาะในกระบะเพาะ  ซึ่งมีวัสดุเพาะ  คือ  ขุยมะพร้าว  ทราย  ขี้เถ้าแกลบ  ปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน  1:1:1:1 
Lif
หรือแปลงเพาะที่มีดินร่วนซุยค่อนข้างละเอียด  คราดดินให้ผิวดินเรียบสม่ำเสมอ  ทำร่องบนกระบะเพาะหรือแปลงเพาะให้ลึกประมาณ  0.5  ซนติเมตร  กว้าง  1  เซนติเมตร แต่ละร่องห่างกัน  5  เซนติเมตร  หยอดเมล็ดลงร่องห่างกัน  1-2  นิ้ว  แล้วกลบแต่ละร่องด้วยวัสดุเพาะ หรือดินละเอียดเพียงบางๆ รดน้ำด้วยฝักบัวฝอยให้ชุ่ม  แล้วคลุมกระบะเพาะด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์  หรือคลุมแปลงเพาะด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง ควรรดน้ำวันละ  2  ครั้ง  เช้า-เย็น  เพื่อรักษาความชื้น เมล็ดดาวเรืองจะงอกภายใน  3-5  วัน  เป็นต้นกล้า




วิธีการปลูก

1. ไถเตรียมดิน หว่านปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไป  ประมาณ  1  ตัน/ไร่  ยกร่องแปลงปลูกกว้าง  1  เมตร รดน้ำแปลงไว้ล่วงหน้า  1  วัน

2. ขุดหลุมกว้าง  15  เซนติเมตร  แปลงละ  3  แถว  ระยะระหว่างแถว  30  เซนติเมตร  ระยะระหว่างต้น  30  เซนติเมตร  ใส่ปุ๋ยทริบเบิ้ลซุปเปอร์ฟอสเฟส  หรือสูตร 15-15-15 ประมาณ  1  ช้อนชา  รองก้นหลุม  แล้วเกลี่ยดินข้างหลุมมากลบปุ๋ยเล็กน้อย  เพื่อป้องกันไม่ให้รากดาวเรืองสัมผัสปุ๋ยโดยตรง

3. นำต้นกล้าที่มีอายุ  7-10  วัน ( นับจากวันเพาะเมล็ด )  โดยแยกต้นกล้าให้มีวัสดุเพาะ  หรือดินหุ้มติดรากมาด้วย เพื่อป้องกันรากกระทบกระเทือน นำมาปลูกในแต่ละหลุมที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม

4. หลังจากนั้น ต้องรดน้ำเช้า-เย็น  ประมาณ  7  วัน ซึ่งต้นกล้า  จะตั้งตัวได้ดี แล้วจึงรดน้ำเพียงวันละ  1  ครั้ง  ในตอนเช้า  ในช่วงที่ดอกดาวเรืองเริ่มบานไม่ควรรดน้ำให้โดนดอก เพื่อป้องกันดอกเป็นโรค

5. เมื่อดาวเรืองอายุ 15 และ 25 วัน ควรใส่ปุ๋ย 15-15-15 ในอัตรา 1 ช้อน : ต้น เมื่ออายุ 35 และ 45 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 ในอัตราเดียวกัน โดยวิธีฝังลงในดินตื้นๆ ประมาณ ? นิ้ว ห่างโคนต้น 6 นิ้ว แล้วรดน้ำให้ชุ่มทุกครั้งที่ใส่ปุ๋ย

6. ช่วงดาวเรืองอายุ  21-25  วัน  ซึ่งเป็นระยะที่ต้นมีใบจริงขนาดใหญ่  ประมาณ  4  คู่  และส่วนยอดมีใบเล็กๆ  1-2  คู่  จะต้องปลิดยอดทิ้งเพื่อให้แตกกิ่งข้าง โดยใช้มือซ้ายจับคู่ใบบนสุดที่จะเหลือไว้  แล้วใช้มือขวาดึงส่วนยอดลงทางด้านข้างจนหลุดออกมา  หลังจากนั้น  5-7  วันตาข้างจะเริ่มแตกและเจริญเป็นกิ่งใหม่ ซึ่งจะติดตุ่มดอกทั้งที่ตายอดปลายกิ่งและตาข้าง

7. หลังจากปลูก  40-45  วันในแต่ละกิ่ง  เมื่อดอกยอดมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพดดอกข้างมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว  ต้องรีบปลิดดอกข้างออกให้หมดภายใน  2-3  วัน  คงเหลือดอกยอดไว้ดอกเดียว  เพื่อให้ดอกมีขนาดใหญ่

8. หลังจากนั้นประมาณ  20  วัน ( อายุ  60-65  วัน )  ก็ตัดดอกไปจำหน่ายได้  ซึ่งจะได้ประมาณ  10-12  ดอก/ต้น


ข้อมูลอ้างอิง  :   https://www.kasethotnews.com

โพสต์โดย : POK@