Social :



ความเชื่อเกี่ยวกับเจตภูตวิญญาณ

07 ก.ค. 59 20:16
ความเชื่อเกี่ยวกับเจตภูตวิญญาณ

ความเชื่อเกี่ยวกับเจตภูตวิญญาณ

เจตภูตวิญญาณ  คือ กายทิพย์ของตัวเรา หรืออีกอย่างหนึ่งเรียกว่า  "ขวัญ"  เจตภูต มักจะไปปรากฎหรือแสดงให้ผู้ที่เรารู้จักได้พบเห็น เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติกับตัวเรา เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุการณ์วิกฤตกับเราอย่างใดอย่างหนึ่ง บางครั้งผู้ที่พบเจอเจตภูต อาจพูดคุยหรือสื่อสารกันได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่เป็นไปในลักษณะชั่วพริบตาเท่านั้น บางครั้งพบเห็นเดินอยู่แล้วเราหันไปมองทางอื่น ก็ไม่เห็นเขาอีกเลย เจตภูตหรือขวัญนั้น ถ้าไม่อยู่กับตัวก็อาจทำให้ผู้เป็นเจ้าของร่างฟั่นเฟือน หรือเลอะเลือนไปเลย

  คนสมัยก่อนเชื่อกันว่าในร่างกายมนุษย์เรามีวิญญาณประจำตัวมาตั้งแต่แรกเกิด เมื่อสิ้นอายุขัย วิญญาณก็ออกจากร่าง ไปแสวงหาที่อยู่ใหม่ หรือไม่ก็ดับสูญไป เช่นเดียวกับร่างกายที่เน่าเปื่อยไปตามธรรมชาติ วิญญาณที่ประจำตัวมนุษย์นี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  "เจตภูต"   เมื่อคนนอนหลับ เจตภูตมักล่องลอยออกจากร่าง ไปพบเห็นสิ่งต่างๆ ทั้งดีและร้าย เรียกว่า  เกิดความฝัน  ครั้นใกล้จะตื่นก็เป็นเวลาเดียวกับที่เจตภูตกลับเข้าสู่ร่างตามเดิม และจดจำสิ่งที่เห็นในฝันนั้นได้ หากว่าใครโดนปลุกกะทันหัน หรือมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ที่ทำให้ตกใจตื่น เจตภูตจะรีบกลับเข้าร่างทันที เป็นสาเหตุให้ใจเต้นแรง หวาดสะดุ้งและเหน็ดเหนื่อยผิดกว่าการตื่นโดยปกติ ถ้าเจตภูตเข้าร่างไม่ทันก็ย่อมถึงแก่ความตายแน่นอน



    คนที่แก่ชรา หรือเจ็บป่วยร้ายแรง เจตภูตย่อมเตรียมตัวจะออกจากร่าง ดุจเดียวกับคนที่ย้ายจากบ้านเก่าแก่ ทรุดโทรม กลายเป็นวิญญาณที่ล่องลอยไปหาที่อยู่ใหม่โดยสงบ หรือแตกดับไปเองเป็นส่วนใหญ่
ยกเว้นแต่ จะมีจิตผูกพันอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรง วิญญาณจึงจะสิงสู่ อยู่กับสิ่งนั้นต่อไป เป็นที่น่าสังเกตว่า คนที่ตายเพราะแก่ชราหรือเจ็บไข้ได้ป่วย มักจะไม่ค่อยปรากฏ ว่ามีภูตผีมาหลอกหลอน ยกเว้นแต่ คนที่ตายผิดธรรมชาติ เช่น โดนฆ่าตาย ถูกรถชนตาย ซึ่งเป็นความตายที่เกิดขึ้นฉับพลันโดยไม่รู้ตัว  เจตภูตต้องออกจากร่างโดยด่วน ไม่ได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวมาก่อน จึงต้องล่องลอยหาที่อยู่ใหม่ เรียกว่า สัมภเวสีหรือผีไม่มีศาล เป็นวิญญาณร่อนเร่ มักปรากฏให้คนเห็นเนืองๆ หรือผีหลอก

     เจตภูตทั้ง 4 หากไม่ได้อยู่บนร่างเราก็ตายแหละครับ การที่ใช้วิชาเรียกเจตภูตทั้ง 4 นั้น จริงๆ แล้ว เวลาเรียกจริงๆ ไม่สามารถเรียกได้ถึง 4 ตน หรอกครับ จะเรียกได้แค่ 1-2 ตนเท่านั้น คือ เรียกมาแล้ว ก็ใช้วิชาผูกไว้ เพื่อทำให้ฝ่ายผู้ถูกกระทำ มารักมาหลง เรียกว่า โดนทำเสน่ห์ และการที่เจตภูต ถูกเรียกไปก็จะทำให้ผู้ถูกกระทำอ่อนเพลีย  ภาวะจิตจะอ่อนแอลง เพราะเจตภูตเป็น     กายทิพย์ประเภทหนึ่งของมนุษย์ ทำให้ผู้ถูกกระทำ เกิดความรักชอบและคิดถึงบุคคลที่ทำเสน่ห์ หรือผู้ว่าจ้าง  อยู่เสมอ จนอยู่ไม่ได้ ต้องไปหาบุคคลที่ทำเสน่ห์หรือผู้ว่าจ้าง ยิ่งถ้าใช้ผีด้วยแล้ว ยิ่งได้ผลเร็วมาก เนื่องจากวิญญาณเหล่านี้ จะบังคับจิตใจผู้ถูกกระทำ ให้ทำในสิ่งที่ผู้ทำเสน่ห์
MulticollaC
ต้องการ และเมื่อวิญญาณเข้าบังคับคน ก็จะเข้าแฝงในร่างกาย พร้อมทั้งกินอาหารร่วมกับบุคคลนั้นๆ และก็ดื่มกินเลือดของบุคคลนั้นๆ ด้วย ผู้ถูกวิญญาณแฝง จึงมีลักษณะอ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย ความคิดอ่านไม่สมบูรณ์ หงุดหงิดง่าย อารมณ์เสียบ่อย ทะเลาะกับคนอื่นได้ง่ายๆ ไม่ค่อยเหมือนคนเดิม ทั้งหิวง่าย อยากกินโน่นกินนี่ตลอด



     ส่วนวิชาที่คนโบราณ เรียกเจตภูตทั้ง 4 ให้มาอยู่ในตัว ไม่ให้ไปไหน ก็เพื่อทำให้ตัวเองมีกำลังมาก มีพลังจิตเข้มแข็ง ใช้ก่อนการปลุกเสกพระ เครื่องรางของขลัง ทั้งไม่ให้คนเรียกเจตภูตเราไปทำร้ายได้ง่าย ๆ เพราะถ้าหากเจตภูตถูกทำร้าย เราก็จะเจ็บป่วยครับ

    วิชาสายหลวงปู่ศุข   วัดปากคลองมะขามเฒ่า นั้น มีวิชามหาภูติ (ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ) อยู่ เป็นวิชาที่ใช้เรียก มหาภูติทั้ง 4 (เจตภูติ) ให้มาอยู่ในตัวและสามารถใช้ทำงาน ให้กับตัวเองได้ โดยที่ตัวจริงไม่ต้องไปทำเอง ส่วนที่ว่าจิตและเจตภูต เป็นอย่างเดียวกันหรือไม่นั้น จิตเป็นกายทิพย์ส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในกายเนื้อมากกว่าเจตภูตครับ เจตภูตนั้น ก็ถือเป็นจิตเหมือนกัน มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเราทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ดวงจิตจริง ๆ ของคนเราครับ



    ส่วนการทำเสน่ห์นั้น เป็นการทำให้จิตของคนที่ปกตินั้น ไม่เป็นปกติ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นบาป แต่การทำสน่ห์ โดยการเรียกเจตภูตนั้น ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ ต้องมีพื้นฐานของสมาธิ พื้นฐานกสิณ ต้องกำหนดสร้างรูป เดินอารมณ์ จับนิมิต เป็นสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ครับ ยิ่งการบังคับวิญญาณยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าไม่มีพลังมากพอ ผีมันจะไม่กลัวเราเลย ทำไปก็ไม่ได้ผลหรอกครับ ถึงต้องพึ่งพาแรงครูไงล่ะครับ แต่จะทำได้ ต้องย้อนกลับไปที่สมาธิกับกสิณก่อนอีกนั่นแหละ 

    ดังนั้นสิ่งที่ทำให้เกิดผลดีจริงๆ ก็คือ เมตตา ยังไงล่ะครับ ไม่ต้องไปทำเสน่ห์หรอกครับ กระแสเมตตานั้น เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า   สุดยอด ทั้งเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ตลอดจนถึงอมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ยังไงล่ะครับ ดังคำที่ว่า เมตตาเป็นธรรมเครื่องค้ำจุนโลก.

ขอขอบคุณข้อมูล ghostwiki.blogspot.com
โพสต์โดย : nampuengeiei9760