Social :



วิธีการปลูก ฝรั่ง แบบมืออาชีพ

21 ก.ย. 61 11:09
วิธีการปลูก ฝรั่ง แบบมืออาชีพ

วิธีการปลูก ฝรั่ง แบบมืออาชีพ

วิธีการปลูก  ฝรั่ง  แบบมืออาชีพ


ฝรั่ง  ถือเป็นไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเขตร้อน  เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมรับประทานชนิดหนึ่งทั้งในประเทศ  และต่างประเทศ ลักษณะลำต้นเป็นไม้ทรงพุ่ม สูง 3-5 เมตร สามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน และทนต่อความแล้ง  และน้ำขังได้เล็กน้อย แต่โดยทั่วไปมักชอบเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย สภาพพื้นที่มีการระบายน้ำดี สามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 1 ปีหลังปลูก ผลสามารถเก็บได้ในช่วง  4-5  เดือน  หลังติดดอก ซึ่ีงผลที่ได้จะติดผล  และถึงระเก็บไม่พร้อมกันทั้งต้น  โดยทั่วไปจะให้ผลได้ในช่วงปลายฤดูแล้งถึงต้นฤดูฝน  คือ  ช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน  ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ และสายพันธุ์ที่ปลูก


การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์สามารถทำได้หลายวิธี  เช่น  การปลูกด้วยเมล็ด  การทาบกิ่ง  การติดตา  การปักชำ  แต่วิธีที่นิยมมากที่สุด  คือ  การตอนกิ่ง  ซึ่งมีข้อดีหลายด้าน คือ
1. การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ง่าย  และสะดวก  เพราะสามารถหาซื้อกิ่งพันธุ์ได้ง่ายตามสวนฝรั่งหรือตลาดเกษตรได้โดยตรง
2. กิ่งพันธุ์ที่ได้มักถูกตอนจากต้นแม่พันธุ์ที่มีลักษณะเด่นตามต้องการได้
3. ผลที่ได้จากการขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้สามารถให้ผลที่มีลักษณะตามความต้องการของตลาด
4. ทรงพ่มเตี้ย  ไม่สูงมาก
5. ออกดอก  และติดผลได้รวดเร็ว
6. ต้นตั้งตัวได้เร็ว  มีความแข็งแรง  และทนทานต่อโรค
7. สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

การปลูก
การเตรียมดิน และการเตรียมแปลง สามารถทำได้  2  รูปแบบตามสภาพพื้นที่ คือ
1. พื้นที่ดินเหนียว น้ำท่วมขังง่าย  และมีระบบน้ำมากเกินพอ  ให้ทำการขุดร่องลุกประมาณ  1  เมตร  กว้าง  1-2  เมตร  เพื่อเป็นแนวร่องสำหรับการให้น้ำ การเตรียมแปลง และการปลูกในลักษณะนี้มักพบในพื้นที่ลุ่มภาคกลางเป็นส่วนใหญ่
2. พื้นที่ทั่วไปที่มีระบบน้ำไม่เพียงพอ สามารถปลูกในแปลงโดยไม่ยกร่องหรือการยกร่องสูงประมาณ 30 ซม. ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ  3-4  เมตร  ทั้งนี้ ให้ทำการไถดะ  1  ครั้ง  เพื่อตากดิน  และกำจัดวัชพืช  และไถแปร  1  ครั้ง  โดยเว้นช่วงห่างประมาณ  1-2  อาทิตย์  หลังจากนั้นทำการไถยกร่อง


วิธีปลูก
1. ใช้กิ่งพันธุ์จากการตอนหรือการปักชำ
2. ขุดหลุมปลูก  กว้าง  ลึก  ขนาด  50×50  เซนติเมตร  แต่ละหลุมห่างกันประมาณ  3  เมตร ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ  3-4  เมตร  หรือตามขนาดระยะห่่างของร่อง
3. รองพื้นด้วยปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ประมาณ  0.5  กิโลกรัม/หลุม  หรือขนาด  1  พลั่วตัก  พร้อมคลุกดินผสมก้นหลุมให้สูงประมาณ  1  ฝ่ามือ  ทั้งนี้อาจผสมปุ๋ยเคมีสูตร  16-16-8  ในอัตรา  1  กำมือ/หลุมก็ได้
4. นำกิ่งพันธุ์ลงหลุมปลูก  โดยกลบดินสูงเหนือปากหลุมเล็กน้อย  ทั้งนี้ควรให้ดินกลบเหนือเขตรากสูงประมาณ  10-15  เซนติเมตร
5. ใช้หลักไม้ปักหลุม  และผูกเชือกยึดลำต้น
6. เมื่อปลูกเสร็จควรให้น้ำให้ชุ่มทันที

การดูแลรักษา
การให้น้ำ
เริ่มให้น้ำครั้งแรกหลังการปลูกเสร็จให้เปียกชุ่ม หลังจากนั้น  ให้น้ำทุก  2 
Lif
ครั้ง/วัน  เช้า-เย็น  จนต้นฝรั่งตั้งตัวได้  โดยอาจเลือกใช้ระบบการให้น้ำที่มีประสิทธิภาพ  หลังจากนั้นอาจทำการให้น้ำน้อยลง  ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ  และความชุ่มชื้นของดิน  ซึ่งไม่ควรปล่อยให้ดินแห้ง  ขาดน้ำ  โดยเฉพาะในช่วงติดผล  แต่ในช่วงติดดอกไม่ควรให้น้ำมากซึ่งในช่วงนี้เพียงแค่ระวังไม่หน้าดินแห้งก็  เพียงพอ

การใส่ปุ๋ย
การใส่ปุ๋ยแบ่งเป็น  2  ช่วง  คือ
– ช่วงปลูกจนถึงออกผลรุ่นแรก  ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องดูแลให้ฝรั่งเจริญเติบโตจนถึงให้ผลในรุ่นแรก  ซึ่งการใส่ปุ๋ยจะใส่ปุ๋ยเป็นระยะเพื่อให้ต้นฝรั่งสามารถเจริญเติบโตได้ดี  โดยอาจใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักผสมกับปุ๋ยเคมีในสูตร  12-12-0  ในอัตราส่วนปุ๋ยคอกต่อปุ๋ยเคมี  10:1  ในอัตรา  0.5  กิโลกรัม/ต้น ประมาณ  1-2  ครั้ง  ก่อนการติดดอก
– ช่วงให้ผลผลิต
ในช่วงที่ให้ผลิตในระยะออกดอกให้ใส่ปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร  15-15-15  ในอัตราเดียวกัน  และเมื่อก่อนที่ผลฝรั่งจะห่ามก่อนเก็บผลผลิตประมาณ  1  เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร  12-12-24  ในอัตราเดียวกัน

การกำจัดวัชพืช
ในระยะเริ่มปลูกจนถึงต้นอายุ  6  เดือน  หลังปลูก  ให้กำจัดวัชพืชรอบโคนต้นทุกๆ  1  ครั้ง/เดือน  ร่วมด้วยกับการไถกลบ  หลังจากเมื่อต้นแตกกิ่งแล้วอาจทำการกำจัดวัชพืชน้อยลงก็ได้

การตัดแต่งกิ่ง
การตัดแต่งกิ่งจะตัดกิ่งที่มีอายุมากแล้วออกเพื่อให้กิ่งใหม่ขึ้นแทน  เพราะหากใช้กิ่งที่ให้ผลมาแล้วตั้งแต่  3  ปี  จะทำให้ผลที่ได้มีขนาดเล็กลง  สำหรับกิ่งที่ยาวมากทั้งด้านข้างหรือในแนวสูงให้ตัดปลายกิ่งออก  เพื่อให้มีลักษณะทรงพุ่มที่พอเหมาะสำหรับการเก็ฐผล  ไม่กว้างหรือไม่สูงเกินไป  นอกจากนั้น การตัดแต่งกิ่งยังช่วยในเรื่องการถ่ายเทของลมได้ดี  แสงแดดสามารถส่องได้ทั่วถึงในทรงพุ่ม


การห่อผล
เป็นวิธีการที่ใช้ในการป้องกันการกัดกินผลของแมลง  และสัตว์ต่างๆ  รวมถึงเชื้อราหรือสภาพแวดล้อมต่างๆ  ที่อาจทำให้ผลเสียรูปไม่สวยงามได้  มีขั้นตอนการห่อ  ดังนี้
– ก่อนการห่อให้ฉีดพ่นผลด้วยยากำจัดเชื้อราก่อน  หรือหากต้องการใช้วิธีธรรมชาติให้ฉีดพ่นด้วยน้ำต้มสมุนไพร  อาทิ  บรเพ็ด  สะเดา  เป็นต้น
– วัสดุที่ใช้ควรเป็นกระดาษชนิดเคลือบมัน  หากใช้ถุงพลาสติกให้ห่อทับด้วยกระดาษอีกชั้น
– การห่อเริ่มด้วยการม้วนกระดาษเป็นวงกลมตามขนาดของผล  และสวมครอบผล  พร้อมรัดกระดาษ  หรือพลาสติกด้วยสายรัด  ณ  จุดที่เป็นกิ่งของผลจะดีที่สุด

การปลิดผล
เป็นวิธีการปลิดผลดิบให้เหลือผลเพียง  2-3  ผล/กิ่ง  เพื่อให้ลูกที่เด่น  และสมบูรณ์ที่สุดเจริญเติบโต  ซึ่งการปลิดผลดิบจะเริ่มปลิดผลเมื่อผลทั้งหมดติด  และโต  ขนาดประมาณเท่าลูกมะนาว  โดยให้ทำการเลือกปลิดผลที่มีขนาดเล็กสุดออก  ให้เหลือผลที่มีขนาดใหญ่ไว้เพียงจำนวนข้างต้น

การเก็บผลผลิต
การเก็บผลควรเก็บผลที่แก่หรือกำลังห่าม  ซึ่งโดยทั่วไปจะมีอายุประมาณ  4-5  เดือน (ไม่ควรเก็บผลที่ยังไม่ห่ามหรือผลที่ไกล้สุก)  ลักษณะผลที่เหมาะสมต่อการเก็บจะสังเกตได้จากสี  และผิวของผล  ซึ่งจะมีลักษณะสีตามสายพันธุ์  เช่น  แป้นสีทองผลที่ได้ระยะเก็บจะมีสีเขียวอ่อนออกเหลือง ผิวมีลักษณะเต่งตึง ขั้วผลเรียวเล็กสีเขียวอ่อน การเก็บจะใช้กรรไกรตัดชิดขั้วผล รวบรวมใส่กะบะพลาสติก พร้อมนำเข้าร่มทำความสะอาด รอส่งจำหน่าย

โรค  และแมลง
โรคที่พบ  ได้แก่  โรคราสนิม  ทำให้ใบมีสีเหลืองแดงคล้ายสนิมขึ้นเป็นจุดๆ ทำให้ใบแตก  ป้องกัน  และกำจัดได้โดยฉีดพ่นสารกำจัดเชื้อรา  เช่น  มาแนบ  ซีแนบ  เป็นต้น
แมลงศัตรูที่พ บ  ได้แก่  แมลงวันทอง  และค้างคาว ที่มักเจาะกินเนื้อฝรั่งที่กำลังห่าม  ป้องกันได้โดยการห่อผลฝรั่งด้วยกระดาษ


ข้อมูลอ้างอิง  :  http://puechkaset.com/

โพสต์โดย : POK@