Social :



เทคนิคการทดสอบดินเปรี้ยว-ดินเค็ม ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง

15 พ.ย. 61 11:11
เทคนิคการทดสอบดินเปรี้ยว-ดินเค็ม ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง

เทคนิคการทดสอบดินเปรี้ยว-ดินเค็ม ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง

เทคนิคการทดสอบดินเปรี้ยว-ดินเค็ม  ง่ายๆ  ด้วยตัวคุณเอง 


การจะปลูกพืชใดๆ  ให้ได้ผลดีนั้น  ดินที่เหมาะสมกับพืช เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากในการตัดสินว่า  พืชจะเจริญเติบโตได้ดีหรือไม่  หลักการของการทำเกษตรแบบปลอดสารเคมีนั้น  อยู่ที่การทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดเพื่อที่พืชจะได้รับสารอาหารจากดินอย่างเต็มที่


มีข้อสังเกตหลายประการที่เราอาจจะไม่ทราบถึงเหตุผลที่ดินของเรานั้นขาดธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชอยู่เช่น
- หน้าดินถูกรบกวน อาจเกิดจากการถูกขุดไปทำการก่อสร้าง เคลื่อนย้ายไปถมที่
- การเหยียบย่ำ ที่ทำให้หน้าดินแข็ง
- การปลูกพืชชนิดเดิมๆ เป็นเวลาติดต่อกันหลายปี โดยไม่มีการเติมอินทรียวัตถุให้กับดิน
- เชื้อราและแบคทีเรีย  ในดินตายลงเนื่องจากการใช้ปุ๋ยเคมี
ลักษณะทางกายภาพ  :  ไม่เหมาะสม  เช่น  ดินไม่อุ้มน้ำ  หรือมีค่า  pH  ไม่เหมาะสม
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับดินที่หลายๆท่านทราบจากชั้นเรียนวิชาเกษตรตอนเป็นเด็กก็คือ  ดินแบ่งชนิดออกเป็น  ดินเหนียว ดินร่วน และดินทราย  ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำต่างกัน  พืชจะชอบลักษณะใด  อยู่ที่ความชอบน้ำของพืชแต่ละชนิด  แต่วันนี้  เราจะมาดูคำจำกัดความของดินอุดมสมบูรณ์กัน เพราะไม่ว่าดินชนิดไหนก็อุดมสมบูรณ์ได้ไม่แพ้กันเมื่อประกอบไปด้วยเงื่อนไขต่างๆ  ดังต่อไปนี้
1. ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH)   ที่เหมาะสม
2. ความชื้นที่เหมาะสม
3.แบคทีเรีย  และเชื้อรา  ชั้นดีเป็นจำนวนมาก
4. การระบายอากาศที่ดี
5. ความร่วนซุย

เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างครบสมบูรณ์ ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารที่มีอยู่ในดินให้พืชนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดินที่มีค่า pH ที่เหมาะสมเท่านั้นจึงจะเอื้อให้เกิดสภาพที่เหมาะสมในการปลูกพืชที่สุด


แล้วเราจะเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินด้วยการปรับปรุงค่า pH ได้อย่างไร ? 
เริ่มแรกเราต้องทราบค่า pH ของดินในพื้นที่เราก่อน
MulticollaC
เพื่อทำการปรับปรุงให้เหมาะสมแก่การปลูกพืช ค่า pH นั้นเป็นค่าที่วัดระดับความเปรี้ยวหรือเค็มของดิน โดยแบ่งออกเป็นช่วงตั้งแต่ 1-14 เมื่อดินอยู่ระดับที่มีค่า pH ที่เหมาะสมประมาณ 6.0-7.5 ที่ระดับ pH นี้แร่ธาตุอาหารส่วนใหญ่จะสามารถละลายได้เต็มที่ และรากของพืชจะสามารถดูดซึมแร่ธาตุได้ก็ต่อเมื่อมันละลายแล้วเท่านั้น แต่เมื่อค่า pH นั้นลดต่ำกว่า 6 หมายถึงความเป็นกรดสูงการละลายของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมจะไม่ค่อยดี ซึ่งทำให้มีธาตุอาหารเหล่านี้ในดินน้อยลง เช่นเดียวกันกับเมื่อค่า pH เพิ่มขึ้นเกิน 7.5 ธาตุเหล็กแมงกานีส และฟอสฟอรัสก็จะมีปริมาณน้อยลง เนื่องจากไม่สามารถละลายสู่ดินที่เค็มเกินไปได้ 

วิธีง่ายๆ  ในการทดสอบดินเปรี้ยวหรือดินเค็ม  ก็คือ   ลองตักดินหนึ่งช้อนโต๊ะใส่ในน้ำฝน  1  แก้ว  และเติมแอมโมเนียลงในแก้วประมาณ  เศษ  2/3  ของแก้ว  คนให้เข้ากันและทิ้งไว้สองชั่วโมงผลที่ได้ถ้าหากน้ำใสคือดินมีความเค็ม  หากน้ำยังขุ่นอยู่หมายถึงดินเปรี้ยวและเป็นกรด

หากต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับค่า  pH  อย่างละเอียดมากขึ้นท่านสามารถส่งตัวอย่างดินของท่านตรวจสอบที่ห้องแลปของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้โดยท่านอาจจะซื้อเครื่องมือตรวจสอบ  pH  ของดินมาตรวจเองก็ได้ 


การปรับปรุงดินให้ดีขึ้นนั้นสามารถทำได้หลายวิธี   หนึ่งในวิธีที่ไม่ยุ่งยากนั้นก็คือการเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน  อย่างเช่น  การใส่วัสดุธรรมชาติ  แร่ธาตุ มูลสัตว์  หรือ ปุ๋ยอินทรีย์  ซึ่งมักจะช่วยให้ดินที่เค็มหรือเปรี้ยวส่วนใหญ่  มีสภาพที่เป็นกลางมากขึ้นสำหรับดินที่มีสภาพเป็นกรดมาก การแก้ไขอาจจะต้องมีการเติมปูนขาวลงในดินก่อนฤดูการเพาะปลูก  ซึ่งปูนขาวนั้นจะย่อยสลายอย่างช้าๆในดินโดยปริมาณการใส่นั้น อาจจะใส่ในปริมาณ  50-100  กิโลกรัม  ต่อ  1  ไร่  เพื่อเพิ่มค่า  pH   ให้สูงขึ้น  1  ขั้น  โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเติมปูนขาวลงในดินเหนียวมากกว่าดินทราย ดังนั้นเราจำเป็นต้องรู้ค่า  pH  ตั้งต้นของดินก่อนที่จะทำการปรับปรุง  ในบางกรณีเราอาจจะใส่ขี้เถ้าทุกๆสองสามปีเพื่อผลที่รวดเร็วขึ้น  แต่ควรระวังว่าอย่าใส่มากเกิน  1  ตันต่อไร่

ในพื้นที่มีดินเค็มนั้นการปรับปรุงสามารถทำได้โดยเติมกำมะถัน  แต่ปริมาณการเติมนั้นก็ย่อมขึ้นอยู่กับค่า  pH   เริ่มต้นของดินเช่นกัน  เพื่อความมั่นใจเราอาจจะต้องทำการส่งดินตรวจสอบและอ้างอิงคำแนะนำจากผลการตรวจดินในการแก้ไขเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด


ข้อมูลอ้างอิง  :  http://rakbankerd.com

โพสต์โดย : POK@