คุณประสงค์ เข็มทอง เกษตรกรบ้านปลาขาว ตำบลหนองแค อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เกษตรกรวัย 45 เศษๆ ที่หันเหจาการปลูกพืชผักอายุสั้น เช่น ผักสวนครัว หอม กระเทียม และพริก หันมาปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด และราคาดี เนื่องจากยังปลูกกันไม่แพร่หลาย เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มาก ทั้งยังต้องการสภาพอากาศเย็นในตอนกลางคืนสำหรับการเจริญเติบโต ดังนั้นแหล่งปลูกที่สำคัญจึงอยู่ในเขตภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
ความเป็นมาและการปลูกหน่อไม้ฝรั่งในพื้นที่ราษีไศล : คุณประสงค์และเกษตรกรในหมู่บ้านปลาขาว เริ่มปลูกหน่อไม้ฝรั่งตั้งแต่ปี 2549 เนื่องจากมีบริษัทเอกชนมาส่งเสริมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์จึงได้ปลูกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันจากประสบการณ์หมอดินตำบล จึงได้นำเอาปุ๋ยหมักและทำน้ำหมักชีวภาพมาปรับใช้ในการปลูก เพื่อหวังจะประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยจนประสบผลสำเร็จ สามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยลงได้ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จนค่อยๆ ปรับเปลี่ยนการปลูกแบบที่ต้องพึ่งพาเคมีมาเป็นการปลูกหน่อไม้ฝรั่งแบบปลอดสารพิษ เป็นพืชผักที่มีบทบาทสำคัญของประเทศ ที่ตลาดมีความต้องการสูง จากกระแสสุขภาพเป็นสำคัญ
ดังนั้น การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง จะต้องพิจารณาความอุดมสมบูรณ์ของดิน มีการปรับปรุงบำรุงดินโดยการใช้สารอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี หรือใช้ในปริมาณที่จำเป็น ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรักษาความสมดุลของธรรมชาติ
การเพาะกล้าหน่อไม้ฝรั่ง มีขั้นตอนดังนี้
1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์
- เตรียมเมล็ดพันธุ์แก่เต็มที่ (ผลหน่อไม้ฝรั่งแก่จะนำมามีสีส้ม) นำมาขยี้ในน้ำเพื่อแยกเปลือกออกเอาเฉพาะเมล็ดสีดำ)
- นำเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาผึ่งให้แห้ง
- จากนั้นนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 คืน
- นำเมล็ดพันธุ์ใส่ผ้าขาวบางห่อแล้วนำไปฝังดินไว้ประมาณ 4 คืน เมล็ดพันธุ์จะเริ่มงอก
- จากนั้นนำไปหยอดในแปลงเพาะกล้า
2. การเตรียมแปลงเพาะกล้า
แปลงเพาะกล้าควรเป็นที่โล่งแจ้ง เป็นดินร่วนปนทราย ที่สามารถระบายน้ำดีหรือปรับปรุงให้ร่วนซุยโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ยกแปลงให้สูงประมาณ 30 เซนติเมตร ขนาดกว้าง 1.5 เมตร เกลี่ยดินบนแปลงให้เรียบและย่อยดินให้ละเอียด
3. การหยอดเมล็ด
นำเมล็ดที่เตรียมไว้ มาหยอดเมล็ดเป็นจุดๆ ละ 1 เมล็ดห่างกันจุดละ 10-15 เซนติเมตร โรยทับด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักจากนั้นใช้ฟางคลุมทับบนแปลงหนาพอประมาณ ละลายยาป้องกันเชื้อรา อัตรา 2 ช้อนแกงต่อน้ำ 10 ลิตร ใส่บัวรดน้ำราดให้ทั่วแปลง จากนั้นรดน้ำตามให้ชุ่มเพาะกล้าในถุง เพื่อสะดวกต่อการขนย้ายลงปลูกในแปลง หรือ จะเพาะในถุงเพาะกล้า ก็ทำเช่นเดียวกัน โดยนำเมล็ดพันธุ์มาหยอดถุงละ 1-2 เมล็ด เมื่อกล้าหน่อไม้ฝรั่งมีอายุได้ 4 เดือน ต้นกล้าจะมีความแข็งแรงและมีอัตราการรอดตายสูง จึงจะย้ายไปปลูกในแปลงที่เตรียมไว้
4. การให้น้ำ
ระยะแรก ๆ จะต้องรดน้ำให้บ่อยครั้ง อย่าปล่อยทิ้งให้แปลงแห้งรดน้ำแบบฝอยหรือละอองเล็กๆ เพื่อไม่ให้เมล็ดพันธุ์กระเด็นออกและไม่ให้ต้นกล้าบอบช้ำหลังจากหยอดเมล็ดได้ประมาณ 10-15 วัน ต้นกล้าจะเริ่มงอกเปิดฟางออกบ้างให้เหลือฟางเพียงบาง ๆ เพื่อให้ต้นกล้างอกได้สะดวก
5. การกำจัดวัชพืช
เมื่อมีวัชพืชงอกขึ้นมาแซมกับกล้าหน่อไม้ฝรั่งให้ใช้มือถอนออก เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารต้นกล้าและวัชพืชเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงศัตรูและต้องตัดแต่งต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งให้ต้นโปร่ง เพื่อไม่ให้เป็นที่สะสมของโรคและแมลงทำให้เหง้าและตามีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งการตัดแต่งต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งจะทำเมื่อต้นกล้าอายุประมาณ 2 - 3 เดือนขึ้นไป เพาะกล้าไว้ประมาณ 4 เดือนจึงย้ายไปแปลงปลูก
6. การพูนโคนต้นกล้า
ถ้าต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งมีเหง้าลอยพ้นดิน ควรทำการพรวนดินกลบเหง้าต้นกล้า
การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง
1. การเตรียมแปลงปลูกหน่อไม้ฝรั่ง
เตรียมแปลงปลูกแบบยกร่องย่อยดินให้ละเอียด โดยจะปลูกหน่อไม้ฝรั่งบนสันร่องและปรับปรุงสภาพของดินด้วยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อให้ดินมีความร่วนโปร่งพอที่จะทำให้หน่อแทงออกมาพ้นดินได้อย่างสะดวกความกว้างของร่องควรกว้าง ประมาณ 5 เมตร มีร่องน้ำกว้างประมาณ 1 เมตร โดยใช้ระยะระหว่างต้นประมาณ 50 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถวประมาณ 1 เมตรเพื่อให้เข้าไปเก็บเกี่ยวได้สะดวก
2.การย้ายกล้าลงแปลงปลูก
ทำการเตรียมแปลงปลูกเรียบร้อยแล้วให้ปรับปรุงสภาพของดินโดยการใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกจากนั้นทำการไถพรวน ระยะปลูกระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 100-150 เซนติเมตรเมื่อกล้าหน่อไม้ฝรั่งมีอายุได้ 4 เดือนต้นกล้าจะมีความแข็งแรงและมีอัตราการรอดตายสูง ซึ่งต้นกล้าที่เหมาะสมในการย้ายปลูกจะต้องมีรากสะสมอาหารขนาด มีตาขนาดใหญ่ก่อนย้ายต้นกล้ามาปลูกจะต้องงดให้น้ำในแปลงกล้าประมาณ
2 อาทิตย์เพื่อที่จะทำให้รากมีความเหนียว ก่อนถึงวันกำหนดย้ายกล้า 2-3 วันควรให้น้ำเพื่อให้ดินอ่อนตัวจะได้ทำการขุดต้นได้ง่ายและควรตัดลำต้นเหนือดินออกให้หมด โดยตัดให้เหลือส่วนที่อยู่เหนือดินประมาณ 10 เซนติเมตร ควรตัดด้วยความระมัดระวังอย่าให้กระทบกระเทือนต่อลำต้นใต้ดินการใช้กรรไกรตัดหญ้าที่คม ๆ ตัดจะทำให้กระทบกระเทือนต่อลำต้นที่อยู่ใต้ดินน้อยกว่าการตัดด้วยมีด ขุดต้นกล้าโดยขุดดินให้ห่างจากบริเวณรากให้มากที่สุด แล้วทำการแยกเอาดินที่ติดรากออกนำไปล้างน้ำเพื่อรากสะอาด จากนั้นจึงนำมาผึ่งให้แห้งก่อนที่จะนำมาปลูก
3. การเตตรียมหลุมปลูกและวิธีการย้ายปลูกหน่อไม้ฝรั่ง
ก่อนย้ายปลูก 1 วันจะต้องให้น้ำในแปลงปลูกที่เตรียมไว้อย่างดีแล้วเพื่อให้ดินมีความชื้นพอเหมาะขุดหลุมกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร ลึก 20 เซนติเมตร คลุกเคล้าปุ๋ยหมัก และปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตร 15-15-15 ในอัตรา 2 ช้อนชากับดินที่ขุดขึ้นมา แล้วใส่ลงไปในหลุมปลูก นำกล้าหน่อไม้ลงปลูกให้การให้น้ำจะใช้ระบบสปริงเกอร์ครั้งละ 30 นาที ให้วันเว้นวัน
4. การทำค้าง
เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลมแรงและไม่มีแนวบังลมประโยชน์ของการทำค้างก็เพื่อที่จะรักษาลำต้นเหนือดินให้อยู่ได้นานที่สุด ในช่วงก่อนการเก็บเกี่ยวและในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยปกติจะทำค้างเมื่อต้นหน่อไม้ฝรั่งมีอายุ 2 เดือนหลังจากย้ายกล้าปลูก ไม้ที่ใช้ทำค้างอาจเป็นไม้รวกหรือไม้อื่น ๆ
5. การพูนโคนต้นหน่อไม้ฝรั่ง
ต้องทำทุกครั้งในช่วงพักต้น โดยทำการพรวนดินกลบเหง้าต้นกล้า และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และปุ๋ยสูตร 15-15-15 (สังเกตุต้นหน่อไม้ฝรั่งถ้าโทรมจึงใส่)
6. การให้ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง
เพื่อให้ต้นหน่อไม้ฝรั่งแข็งแรงเจริญเติบโตสม่ำเสมอ จึงควรให้ปุ๋ยลงในแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอให้ปุ๋ยคอกเดือนละครั้งช่วงเก็บผลผลิตและใส่ปุ๋ยหมักจากโคนต้นหน่อไม้ฝรั่งปีละ 2 ครั้ง หลังจากใส่ปุ๋ยหมักเสร็จแล้ว ควรพรวนดินในแปลงปลูกและพูนดินกลบโคนต้น และควรใส่ปุ๋ยในระหว่างการหยุดพักต้น
สูตรปุ๋ยน้ำหมักจากโคนหน่อไม้ฝรั่ง บำรุงต้น บำรุงหน่อ
สูตร :
1. โคนหน่อไม้ฝรั่ง 30 กิโลกรัม
2. กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม
3. จุลินทรีย์น้ำ 10 ลิตร
4. สารเร่ง พด 2 จำนวน 1 ซอง
วิธีการทำ : นำโคนหน่อไม้ฝรั่งที่ตัดทิ้งมาหมักร่วม กากน้ำตาล จุลินทรีย์น้ำ 10 ลิตรและ สารเร่ง พด 2 จำนวน 1 ซอง ละลายน้ำ หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 วัน
การนำไปใช้ : นำไปฉีดพ่นบำรุงได้ทุกช่วงระยะ โดยใช้น้ำหมัก 20 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วช่วงเช้าหรือเย็น
ประโยชน์ : ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของลำต้นสร้างลำต้นให้แข็งแรง กระตุ้นการแตกหน่อ ทำให้หน่อมีขนาดใหญ่ หน่อตรง ได้ผลผลิตในปริมาณที่เพิ่มขึ้น
7. การให้ธาตุอาหารทางใบ
ฉีดพ่นด้วยน้ำหมักจากโคนหน่อไม้ฝรั่ง ทุก 3-7 วัน/ครั้ง เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้นสร้างลำต้นให้แข็งแรง กระตุ้นการแตกหน่อทำให้หน่อมีขนาดใหญ่ หน่อตรง ได้ผลผลิตในปริมาณที่เพิ่มขึ้น หลังจากย้ายกล้าประมาณ 1 สัปดาห์ ต้นจะงอกโผล่พ้นดินเมื่อต้นหน่อไม้ฝรั่งมีอายุมากขึ้นจำนวนต้นจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้นที่งอกช่วงแรกก็จะเริ่มแก่ ถ้าไม่มีการตัดต้นออกบ้างบริเวณกอจะแน่นมีผลทำให้เป็นแหล่งสะสมโรคและแมลงอีกทั้งการให้หน่อใหม่จะเล็กลงด้วยดังนั้นในช่วงเดือนที่ 3 หลังจากย้ายปลูกควรมีการตัดแต่งต้นออกบ้างและตัดแต่งอีกครั้งในช่วงก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 15 วัน โดยให้เหลือต้นแม่เพียง 4-6 ต้นต่อกอ ประมาณ 8-12 เดือนหน่อไม้ฝรั่งจะเริ่มให้ผลผลิต
8. การสวมหมวกการสวมหมวกหน่อไม้ฝรั่ง
เมื่อหน่อไม้ฝรั่งเริ่มงอกออกมาจากดิน ให้ทำการสวมหมวก ซึ่งถือเป็นการรักษาคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร ให้อยู่ในเกรดที่ต้องการใช้พลาสติกที่มีความหนาพอสมควร นำมาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาด 8x8 เซนติเมตร นำมาม้วนเป็นรูปกรวย ปากของกรวยให้มีความกว้างขนาด 2 เซนติเมตรวิธีการใช้ นำหมวกพลาสติกที่ได้ไปครอบหน่อไม้ฝรั่งที่เริ่มโพล่จากพื้นดิน ป้องกันหน่อไม้ฝรั่งบาน ทำให้ได้หน่อมีคุณภาพดี
9. การเก็บเกี่ยวผลผลิต
ต้องเก็บตอนเช้ามืด เก็บช่วงตอนตี 4 จะได้หน่อไม่ฝรั่งสีไม่เข้ม ได้หน่ออ่อน เป็นที่นิยมของผู้บริโภคถ้าเก็บตอนสายหน่อไม้ฝรั่งจะแข็ง ไม่อร่อย
10. การตลาด
ราคาจำหน่ายหน้าสวนแบบคละ กิโลกรัมละ 40 บาท(ขายแบบคละเกรด)