Social :



เทคนิคการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง แบบปลอดสารพิษ

27 พ.ย. 61 09:11
เทคนิคการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง แบบปลอดสารพิษ

เทคนิคการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง แบบปลอดสารพิษ

เทคนิคการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง  แบบปลอดสารพิษ

คุณประสงค์  เข็มทอง  เกษตรกรบ้านปลาขาว ตำบลหนองแค  อำเภอราศีไศล  จังหวัดศรีสะเกษ  เกษตรกรวัย  45  เศษๆ  ที่หันเหจาการปลูกพืชผักอายุสั้น  เช่น  ผักสวนครัว  หอม  กระเทียม  และพริก  หันมาปลูกหน่อไม้ฝรั่ง  ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด และราคาดี  เนื่องจากยังปลูกกันไม่แพร่หลาย  เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มาก  ทั้งยังต้องการสภาพอากาศเย็นในตอนกลางคืนสำหรับการเจริญเติบโต  ดังนั้นแหล่งปลูกที่สำคัญจึงอยู่ในเขตภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ


ความเป็นมาและการปลูกหน่อไม้ฝรั่งในพื้นที่ราษีไศล  :  คุณประสงค์และเกษตรกรในหมู่บ้านปลาขาว  เริ่มปลูกหน่อไม้ฝรั่งตั้งแต่ปี  2549  เนื่องจากมีบริษัทเอกชนมาส่งเสริมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์จึงได้ปลูกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันจากประสบการณ์หมอดินตำบล  จึงได้นำเอาปุ๋ยหมักและทำน้ำหมักชีวภาพมาปรับใช้ในการปลูก  เพื่อหวังจะประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยจนประสบผลสำเร็จ  สามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยลงได้  ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จนค่อยๆ  ปรับเปลี่ยนการปลูกแบบที่ต้องพึ่งพาเคมีมาเป็นการปลูกหน่อไม้ฝรั่งแบบปลอดสารพิษ  เป็นพืชผักที่มีบทบาทสำคัญของประเทศ  ที่ตลาดมีความต้องการสูง จากกระแสสุขภาพเป็นสำคัญ 

ดังนั้น  การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง  จะต้องพิจารณาความอุดมสมบูรณ์ของดิน  มีการปรับปรุงบำรุงดินโดยการใช้สารอินทรีย์  เช่น  ปุ๋ยพืชสด  ปุ๋ยคอก  ปุ๋ยหมัก  ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ  หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี  หรือใช้ในปริมาณที่จำเป็น ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทั้งคน  สัตว์  และสิ่งแวดล้อม  ตลอดจนรักษาความสมดุลของธรรมชาติ


การเพาะกล้าหน่อไม้ฝรั่ง  มีขั้นตอนดังนี้
1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์
- เตรียมเมล็ดพันธุ์แก่เต็มที่  (ผลหน่อไม้ฝรั่งแก่จะนำมามีสีส้ม)  นำมาขยี้ในน้ำเพื่อแยกเปลือกออกเอาเฉพาะเมล็ดสีดำ)
- นำเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาผึ่งให้แห้ง
- จากนั้นนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ  3  คืน
- นำเมล็ดพันธุ์ใส่ผ้าขาวบางห่อแล้วนำไปฝังดินไว้ประมาณ  4  คืน  เมล็ดพันธุ์จะเริ่มงอก
- จากนั้นนำไปหยอดในแปลงเพาะกล้า

2. การเตรียมแปลงเพาะกล้า
แปลงเพาะกล้าควรเป็นที่โล่งแจ้ง  เป็นดินร่วนปนทราย  ที่สามารถระบายน้ำดีหรือปรับปรุงให้ร่วนซุยโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก  ยกแปลงให้สูงประมาณ  30  เซนติเมตร ขนาดกว้าง  1.5  เมตร เกลี่ยดินบนแปลงให้เรียบและย่อยดินให้ละเอียด

3. การหยอดเมล็ด
นำเมล็ดที่เตรียมไว้  มาหยอดเมล็ดเป็นจุดๆ ละ  1  เมล็ดห่างกันจุดละ  10-15  เซนติเมตร  โรยทับด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักจากนั้นใช้ฟางคลุมทับบนแปลงหนาพอประมาณ ละลายยาป้องกันเชื้อรา อัตรา  2  ช้อนแกงต่อน้ำ  10  ลิตร  ใส่บัวรดน้ำราดให้ทั่วแปลง จากนั้นรดน้ำตามให้ชุ่มเพาะกล้าในถุง เพื่อสะดวกต่อการขนย้ายลงปลูกในแปลง หรือ  จะเพาะในถุงเพาะกล้า  ก็ทำเช่นเดียวกัน  โดยนำเมล็ดพันธุ์มาหยอดถุงละ  1-2  เมล็ด  เมื่อกล้าหน่อไม้ฝรั่งมีอายุได้ 4 เดือน ต้นกล้าจะมีความแข็งแรงและมีอัตราการรอดตายสูง  จึงจะย้ายไปปลูกในแปลงที่เตรียมไว้


4. การให้น้ำ
ระยะแรก ๆ  จะต้องรดน้ำให้บ่อยครั้ง อย่าปล่อยทิ้งให้แปลงแห้งรดน้ำแบบฝอยหรือละอองเล็กๆ  เพื่อไม่ให้เมล็ดพันธุ์กระเด็นออกและไม่ให้ต้นกล้าบอบช้ำหลังจากหยอดเมล็ดได้ประมาณ  10-15  วัน  ต้นกล้าจะเริ่มงอกเปิดฟางออกบ้างให้เหลือฟางเพียงบาง ๆ  เพื่อให้ต้นกล้างอกได้สะดวก

5. การกำจัดวัชพืช
เมื่อมีวัชพืชงอกขึ้นมาแซมกับกล้าหน่อไม้ฝรั่งให้ใช้มือถอนออก  เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารต้นกล้าและวัชพืชเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงศัตรูและต้องตัดแต่งต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งให้ต้นโปร่ง  เพื่อไม่ให้เป็นที่สะสมของโรคและแมลงทำให้เหง้าและตามีขนาดใหญ่ขึ้น  ซึ่งการตัดแต่งต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งจะทำเมื่อต้นกล้าอายุประมาณ  2 - 3  เดือนขึ้นไป เพาะกล้าไว้ประมาณ  4  เดือนจึงย้ายไปแปลงปลูก

6. การพูนโคนต้นกล้า
ถ้าต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งมีเหง้าลอยพ้นดิน  ควรทำการพรวนดินกลบเหง้าต้นกล้า

การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง 
1. การเตรียมแปลงปลูกหน่อไม้ฝรั่ง
เตรียมแปลงปลูกแบบยกร่องย่อยดินให้ละเอียด  โดยจะปลูกหน่อไม้ฝรั่งบนสันร่องและปรับปรุงสภาพของดินด้วยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อให้ดินมีความร่วนโปร่งพอที่จะทำให้หน่อแทงออกมาพ้นดินได้อย่างสะดวกความกว้างของร่องควรกว้าง  ประมาณ  5  เมตร  มีร่องน้ำกว้างประมาณ  1  เมตร  โดยใช้ระยะระหว่างต้นประมาณ  50  เซนติเมตร  ระยะระหว่างแถวประมาณ  1  เมตรเพื่อให้เข้าไปเก็บเกี่ยวได้สะดวก

2.การย้ายกล้าลงแปลงปลูก
ทำการเตรียมแปลงปลูกเรียบร้อยแล้วให้ปรับปรุงสภาพของดินโดยการใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกจากนั้นทำการไถพรวน ระยะปลูกระหว่างต้น  50  เซนติเมตร ระหว่างแถว  100-150  เซนติเมตรเมื่อกล้าหน่อไม้ฝรั่งมีอายุได้  4  เดือนต้นกล้าจะมีความแข็งแรงและมีอัตราการรอดตายสูง  ซึ่งต้นกล้าที่เหมาะสมในการย้ายปลูกจะต้องมีรากสะสมอาหารขนาด  มีตาขนาดใหญ่ก่อนย้ายต้นกล้ามาปลูกจะต้องงดให้น้ำในแปลงกล้าประมาณ 
Lif
2  อาทิตย์เพื่อที่จะทำให้รากมีความเหนียว ก่อนถึงวันกำหนดย้ายกล้า  2-3  วันควรให้น้ำเพื่อให้ดินอ่อนตัวจะได้ทำการขุดต้นได้ง่ายและควรตัดลำต้นเหนือดินออกให้หมด  โดยตัดให้เหลือส่วนที่อยู่เหนือดินประมาณ  10  เซนติเมตร  ควรตัดด้วยความระมัดระวังอย่าให้กระทบกระเทือนต่อลำต้นใต้ดินการใช้กรรไกรตัดหญ้าที่คม ๆ  ตัดจะทำให้กระทบกระเทือนต่อลำต้นที่อยู่ใต้ดินน้อยกว่าการตัดด้วยมีด  ขุดต้นกล้าโดยขุดดินให้ห่างจากบริเวณรากให้มากที่สุด  แล้วทำการแยกเอาดินที่ติดรากออกนำไปล้างน้ำเพื่อรากสะอาด  จากนั้นจึงนำมาผึ่งให้แห้งก่อนที่จะนำมาปลูก

3. การเตตรียมหลุมปลูกและวิธีการย้ายปลูกหน่อไม้ฝรั่ง
ก่อนย้ายปลูก  1  วันจะต้องให้น้ำในแปลงปลูกที่เตรียมไว้อย่างดีแล้วเพื่อให้ดินมีความชื้นพอเหมาะขุดหลุมกว้างประมาณ  20  เซนติเมตร  ลึก  20  เซนติเมตร คลุกเคล้าปุ๋ยหมัก  และปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตร  15-15-15  ในอัตรา  2  ช้อนชากับดินที่ขุดขึ้นมา  แล้วใส่ลงไปในหลุมปลูก  นำกล้าหน่อไม้ลงปลูกให้การให้น้ำจะใช้ระบบสปริงเกอร์ครั้งละ  30  นาที  ให้วันเว้นวัน


4. การทำค้าง
เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลมแรงและไม่มีแนวบังลมประโยชน์ของการทำค้างก็เพื่อที่จะรักษาลำต้นเหนือดินให้อยู่ได้นานที่สุด  ในช่วงก่อนการเก็บเกี่ยวและในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต  โดยปกติจะทำค้างเมื่อต้นหน่อไม้ฝรั่งมีอายุ  2  เดือนหลังจากย้ายกล้าปลูก ไม้ที่ใช้ทำค้างอาจเป็นไม้รวกหรือไม้อื่น ๆ

5. การพูนโคนต้นหน่อไม้ฝรั่ง
ต้องทำทุกครั้งในช่วงพักต้น  โดยทำการพรวนดินกลบเหง้าต้นกล้า  และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และปุ๋ยสูตร  15-15-15  (สังเกตุต้นหน่อไม้ฝรั่งถ้าโทรมจึงใส่)

6. การให้ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง 
เพื่อให้ต้นหน่อไม้ฝรั่งแข็งแรงเจริญเติบโตสม่ำเสมอ  จึงควรให้ปุ๋ยลงในแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอให้ปุ๋ยคอกเดือนละครั้งช่วงเก็บผลผลิตและใส่ปุ๋ยหมักจากโคนต้นหน่อไม้ฝรั่งปีละ  2  ครั้ง  หลังจากใส่ปุ๋ยหมักเสร็จแล้ว  ควรพรวนดินในแปลงปลูกและพูนดินกลบโคนต้น  และควรใส่ปุ๋ยในระหว่างการหยุดพักต้น

สูตรปุ๋ยน้ำหมักจากโคนหน่อไม้ฝรั่ง บำรุงต้น บำรุงหน่อ 
สูตร : 
1. โคนหน่อไม้ฝรั่ง  30  กิโลกรัม
2. กากน้ำตาล  10  กิโลกรัม
3. จุลินทรีย์น้ำ  10  ลิตร
4. สารเร่ง  พด  2  จำนวน  1  ซอง

วิธีการทำ  :  นำโคนหน่อไม้ฝรั่งที่ตัดทิ้งมาหมักร่วม กากน้ำตาล  จุลินทรีย์น้ำ  10  ลิตรและ สารเร่ง พด  2  จำนวน 1 ซอง  ละลายน้ำ  หมักทิ้งไว้ประมาณ  20  วัน
การนำไปใช้  :  นำไปฉีดพ่นบำรุงได้ทุกช่วงระยะ  โดยใช้น้ำหมัก  20  ซีซี/น้ำ  20  ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วช่วงเช้าหรือเย็น
ประโยชน์  :  ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของลำต้นสร้างลำต้นให้แข็งแรง  กระตุ้นการแตกหน่อ  ทำให้หน่อมีขนาดใหญ่  หน่อตรง  ได้ผลผลิตในปริมาณที่เพิ่มขึ้น

7. การให้ธาตุอาหารทางใบ
ฉีดพ่นด้วยน้ำหมักจากโคนหน่อไม้ฝรั่ง  ทุก  3-7  วัน/ครั้ง  เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้นสร้างลำต้นให้แข็งแรง กระตุ้นการแตกหน่อทำให้หน่อมีขนาดใหญ่  หน่อตรง  ได้ผลผลิตในปริมาณที่เพิ่มขึ้น หลังจากย้ายกล้าประมาณ  1  สัปดาห์  ต้นจะงอกโผล่พ้นดินเมื่อต้นหน่อไม้ฝรั่งมีอายุมากขึ้นจำนวนต้นจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  ต้นที่งอกช่วงแรกก็จะเริ่มแก่  ถ้าไม่มีการตัดต้นออกบ้างบริเวณกอจะแน่นมีผลทำให้เป็นแหล่งสะสมโรคและแมลงอีกทั้งการให้หน่อใหม่จะเล็กลงด้วยดังนั้นในช่วงเดือนที่  3  หลังจากย้ายปลูกควรมีการตัดแต่งต้นออกบ้างและตัดแต่งอีกครั้งในช่วงก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ  15  วัน  โดยให้เหลือต้นแม่เพียง  4-6  ต้นต่อกอ  ประมาณ  8-12  เดือนหน่อไม้ฝรั่งจะเริ่มให้ผลผลิต

8. การสวมหมวกการสวมหมวกหน่อไม้ฝรั่ง
เมื่อหน่อไม้ฝรั่งเริ่มงอกออกมาจากดิน ให้ทำการสวมหมวก  ซึ่งถือเป็นการรักษาคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร  ให้อยู่ในเกรดที่ต้องการใช้พลาสติกที่มีความหนาพอสมควร นำมาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาด  8x8  เซนติเมตร  นำมาม้วนเป็นรูปกรวย  ปากของกรวยให้มีความกว้างขนาด  2  เซนติเมตรวิธีการใช้ นำหมวกพลาสติกที่ได้ไปครอบหน่อไม้ฝรั่งที่เริ่มโพล่จากพื้นดิน  ป้องกันหน่อไม้ฝรั่งบาน ทำให้ได้หน่อมีคุณภาพดี 

9. การเก็บเกี่ยวผลผลิต
ต้องเก็บตอนเช้ามืด  เก็บช่วงตอนตี  4  จะได้หน่อไม่ฝรั่งสีไม่เข้ม  ได้หน่ออ่อน เป็นที่นิยมของผู้บริโภคถ้าเก็บตอนสายหน่อไม้ฝรั่งจะแข็ง  ไม่อร่อย

10. การตลาด 
ราคาจำหน่ายหน้าสวนแบบคละ  กิโลกรัมละ  40  บาท(ขายแบบคละเกรด)


ข้อมูลอ้างอิง  :  https://www.rakbankerd.com/

โพสต์โดย : POK@