เทคนิคการกรีดยาง แบบละเอียด เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
เทคนิคการกรีดยาง แบบละเอียด
เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
ช่วงเวลาการกรีดยางที่
ต้นยาง ให้ผลผลิตดี จะอยู่ระหว่าง เวลา 03.00 - 06.00 น. การกรีดในช่วงเวลาต่าง ๆ หลัง 06.00 น. จะได้น้ำยางลดน้อยลง ดังนี้
- ช่วงเวลา 06.00 - 08.00 น. ผลผลิตลดลง 4 - 5 %
- ช่วงเวลา 08.00 - 11.00 น. ผลผลิตลดลง 16 %
- ช่วงเวลา 11.00 - 13.00 น. ผลผลิตลดลง 25 %
** การ
กรีดยาง ในช่วงเวลา 06.00 - 08.00 น. แม้ว่าผลผลิตลดลงกว่าการกรีดกลางคืนเล็กน้อย แต่ทำงานได้สะดวก ไม่เสีย ค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ให้แสงสว่างและไม่สูญเสียวันกรีด จากการที่ฝนตกในตอนกลางคืน เนื่องจากหากฝนตก ในตอนกลางคืน คนกรีดยางจะไม่กรีดยางในวันนั้น การกรีดยางก่อน 06.00 น. ควรมีอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างอย่างเพียงพอ เพื่อสามารถเห็นต้นยาง รอยกรีด ได้ชัดเจน ต้องไม่กรีดบาดหน้ายาง และอุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ต้องไม่ทำลายสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้แบตเตอรี่แทน การใช้ แก๊สแคลเซียมคาร์ไบด์ เป็นต้น
วิธีการกรีดยาง :
หลังจากปลูกยางมาแล้วเป็นเวลาหลายปี ก่อนทำการเปิดกรีดยาง ควรพิจารณา เรื่องต่างๆ ดังนี้
1. ขนาดของต้นยาง
ต้นยางพร้อมเปิดกรีดเมื่อวัดเส้นรอบต้นได้ 50 เซนติเมตร ที่ความสูง 150 เซนติเมตรจากพื้นดิน โดยการเปิดกรีดต้นยาง ทั้งสวนควรพิจารณา ดังนี้
1) มีจำนวนต้นยางที่มีขนาดเส้นรอบต้นไม่ต่ำกว่า 50 เซนติเมตร ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนต้นยางทั้งหมด หรือ
2) มีต้นยางที่มีขนาดเส้นรอบต้นไม่ต่ำกว่า 45 เซนติเมตร มากกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนต้นยางทั้งหมด การเปิดกรีดเมื่อต้นยางขนาดเล็กหรือต้นยางที่ยังไม่ได้ขนาดเปิดกรีด จะได้รับผลผลิตน้อยกว่าต้นยางที่ได้ขนาดเปิดกรีด และยังมีผลทำให้ ต้นยางชะงักการเจริญเติบโต
2. ระดับความสูงของการเปิดกรีด
ควรเปิดกรีดที่ระดับความสูง 150 เซนติเมตรจากพื้นดิน แม้ว่าการเปิดกรีดที่ระดับต่ำกว่า 150 เซนติเมตร จะให้ผลผลิตในรอบ ปีแรกสูงกว่าก็ตาม แต่ผลผลิตตลอดระยะเวลากรีด 5 ปี กลับพบว่าการเปิดกรีดระดับที่ 150 เซนติเมตร ให้ผลผลิตสูงกว่า การเปิดกรีด หน้าแรกไม่ว่าจะเปิดที่ระดับความสูงใดก็ตาม ให้วัดเส้นรอบต้นยางที่ระดับความสูง 150 เซนติเมตรจากพื้นดิน เมื่อเปิดกรีดหน้าที่สอง ต้องเปิดกรีดที่ระดับความสูง 150 เซนติเมตรจากพื้นดิน
3. ความลาดชันของรอยกรีด
ความลาดชันของรอยกรีดควรทำมุม 30 - 35 องศากับแนวระดับ เพื่อให้น้ำยางไหลได้สะดวก ไม่ไหลออก นอกรอยกรีด ทำให้ได้ผลผลิตเต็มที่และควรรักษาระดับตามลาดชันที่กำหนดไว้ เนื่องจากท่อน้ำยางเอียงทำมุม 2.1 - 7.1 องศากับแนวตั้ง จากขวาลงมาซ้าย จึงต้องกรีดยางให้รอยกรีดเอียงทำมุมจากซ้ายลงมาขวา (ในลักษณะหันหน้าเข้าหาต้น ยาง)เพื่อให้ตัดท่อน้ำยาง ได้มากที่สุด
ปัจจัยที่มีผลต่อการกรีดและผลผลิต :
1. ความลึกของการกรีดยางการกรีดให้ได้น้ำยางมากจะต้องกรีดให้ใกล้เยื่อเจริญมากที่สุด และควรห่างจากเยื่อเจริญประมาณ 1 มิลลิเมตร
2. ขนาดของงานกรีดยางขนาดของงานกรีด หมายถึง จำนวนต้นยางที่คนกรีดยางสามารถกรีดได้ในแต่ละวัน ปกติคนกรีด หนึ่งคนสามารถกรีดยางหน้าปกติครึ่งลำต้นได้วันละ 450 - 500 ต้น กรีดหนึ่งในสามของลำต้นได้วันละ 650 - 700 ต้น และกรีดหน้าสูงได้วันละ 300 - 350 ต้น
3. ความสิ้นเปลืองเปลือกยาง ความสิ้นเปลืองเปลือกแต่ละครั้งอยู่ระหว่าง 1.7 - 2.0 มิลลิเมตร การกรีดเปลือกหนาหรือบาง ไม่มีผลกระทบต่อผลผลิต แต่การกรีดถี่หรือกรีดหนาเกินไปเปลือกยางจะหมดเร็ว เปลือกใหม่งอกไม่ทัน และการกรีดยางที่ดี ควรสิ้นเปลือง เปลือกประมาณปีละ 25 - 30 เซนติเมตร
4. ความคมของมีด มีดกรีดยางควรลับให้คมอยู่เสมอ เพราะจะทำให้ตัดท่อน้ำยางดีขึ้น และสิ้นเปลืองเปลือกน้อย
ระบบกรีดยาง :
การแนะนำระบบกรีดขึ้นอยู่กับพันธุ์ยาง ภูมิอากาศและความจำเป็นอื่น ๆ เป้าหมายสำคัญประการหนึ่งของคำแนะนำ คือ ไม่แนะนำให้กรีดยางทุกวันและกรีดติดต่อกันนานหลายปี เพราะจะทำให้ผลผลิตลดลง ระหว่างการกรีดต้นยางจะชะงัก การเจริญเติบโตมาก และเสียค่าใช้จ่ายสูงเมื่อคิดผลผลิตที่ได้ต่อการสิ้นเปลืองเปลือกและค่าจ้างคนกรีด มีต้นยางแสดง อาการเปลือกแห้งเพิ่มขึ้น และเปลือก งอกใหม่บางไม่สามารถกรีดซ้ำได้ สำหรับระบบกรีดที่แนะนำแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ
1. การกรีดยางหน้าปกติ : การกรีดยางหน้าปกติ คือ การกรีดยางที่ระดับความสูงของหน้ากรีดที่ระดับ 150 เซนติเมตร จากพื้นดินลงมา มีระบบกรีดที่แนะนำ 5 ระบบ ดังนี้
1) กรีดครึ่งลำต้นวันเว้นสองวัน (1/2S d/3)
- ให้ผลผลิตต่อครั้งกรีดดีมาก ความสิ้นเปลืองเปลือกต่อปีน้อยมาก (ใช้เวลากรีดแต่ละหน้า 7 - 8 ปี) ต้นยางแสดงอาการเปลือกแห้งน้อยมาก
- เป็นระบบที่ใช้ได้ทั่วไปเหมาะกับยางทุกพันธุ์ โดยเฉพาะพันธุ์ที่อ่อนแอต่ออาการเปลือกแห้ง เช่น พันธุ์ PB260 และ BPM 24
- สามารถใช้ระบบกรีดนี้แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานกรีดได้ หลังจาก 3 ปีแรกของการกรีด สามารถกรีดสายหรือกรีดชดเชย และใช้สารเคมีเร่งน้ำยางได้
2) กรีดครึ่งลำต้นวันเว้นวัน (1/2S d/2)
- ให้ผลผลิตต่อครั้งกรีดดี ความสิ้นเปลืองเปลือกต่อปีน้อย (ใช้เวลากรีดแต่ละหน้า 5 - 6 ปี) ต้นยางแสดง อาการเปลือกแห้งน้อย
- เป็นระบบที่ใช้ทั่วไปเหมาะสมกับยางทุกพันธุ์
- เมื่อกรีดถึงระยะเปลือกงอกใหม่สามารถกรีดสายหรือกรีดชดเชยและใช้สารเคมีเร่งน้ำยางได้
- หากท้องที่ใดมีจำนวนวันกรีดน้อยกว่า 100
วันต่อปี หลังจาก 3 ปีแรกของการกรีด สามารถกรีดชดเชย หรือ กรีดสายได้
3) กรีดครึ่งลำต้นสองวันเว้นหนึ่งวัน (1/2S 2d/3)
- ให้ผลผลิตต่อครั้งกรีดปานกลาง ความสิ้นเปลืองเปลือกต่อปีปานกลาง (ใช้เวลากรีดแต่ละหน้า 3 - 4 ปี) ต้นยางแสดงอาการ เปลือกแห้งปานกลาง เป็นระบบที่ใช้กรีดกับเปลือกงอกใหม่หรือกับสวนที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไร่
4) กรีดหนึ่งในสามของลำต้นสองวันเว้นหนึ่งวัน (1/3S 2d/3)
- ให้ผลผลิตต่อครั้งกรีดค่อนข้างน้อย ความสิ้นเปลืองเปลือกต่อปีปานกลาง (ใช้เวลากรีด 3 - 4 ปี ต่อการกรีดแต่ละหน้า) ต้นยางแสดงอาการเปลือกแห้งปานกลาง ไม่ควรเปิดกรีดกับต้นยางที่มีขนาดเส้นรอบต้นต่ำกว่า 50 เซนติเมตร เพราะให้ผลผลิตน้อยมาก เมื่อกรีดหน้ากรีดที่สาม ผลผลิตจะลดลงและลดลงมากขึ้นเมื่อกรีดใกล้โคนต้น การเปลี่ยนหน้ากรีดใหม่ให้เวียนตามเข็มนาฬิกา หรือเวียนทาง ด้านซ้ายมือเมื่อหันหน้าเข้าหาต้นยาง เป็นระบบที่ใช้กรีดกับ เปลือกงอกใหม่ หรือกับสวนที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไร่
5) กรีดหนึ่งในสามของลำต้นวันเว้นวันควบคู่กับการใช้สารเคมีเร่งน้ำยาง ความเข้มข้น 2.5 % (1/3S d/2 + ET 2.5%)
- ให้ผลผลิตต่อครั้งกรีดดี ความสิ้นเปลืองเปลือกต่อปีน้อย (ใช้เวลากรีดแต่ละหน้า 5 - 6 ปี) ยางแสดงอาการเปลือกแห้ง ปานกลาง สามารถใช้ระบบกรีดนี้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานกรีดได้
2.การกรีดยางหน้าสูง :
- การกรีดยางหน้าสูง คือ การกรีดยางที่ระดับความสูงกว่า 150 เซนติเมตรจากพื้นดินขึ้นไปหรือระดับที่สูงกว่า การกรีดยาง หน้าปกติ สำหรับระบบกรีดที่แนะนำ แบ่งเป็น 2 ช่วง ดังนี้
1) การกรีดเพื่อพักหน้ากรีดปกติ
- เนื่องจากเปลือกงอกใหม่ของหน้ากรีดปกติยังบางอยู่ จึงควรกรีดหน้าสูง เพื่อรอให้เปลือกงอกใหม่มี ความสมบูรณ์มากขึ้น และไม่ควรกรีดหน้าสูงบนหน้ากรีดที่สาม เพราะจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตของต้นยาง เมื่อกลับไปกรีดหน้าล่างอีกครั้ง
2) การกรีดก่อนโค่น
- เมื่อเปลือกของหน้ากรีดปกติบาง ให้ผลผลิตลดลง และประสงค์จะโค่นต้นยางเพื่อปลูกแทนยาง หรือ ปลูกพืชอื่นแทนยาง ควรใช้วิธีการกรีดหน้าสูงก่อนการโค่น 1-6 ปี เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากยางสูงสุด
3. การใช้สารเคมีเร่งน้ำยาง:
สารเคมีเร่งน้ำยาง หมายถึง สารที่เมื่อใช้กับต้นยางแล้ว จะทำให้เพิ่มการไหลของน้ำยางมากขึ้น คือ ได้ผลผลิตมากขึ้น หลังจากที่ได้มีการกรีดหรือการเจาะต้นยางในส่วนพื้นที่ที่อยู่ใกล้ ๆ กับบริเวณที่ใช้สารเคมีเร่งน้ำยาง สารเคมีที่มีประสิทธิภาพในปัจจุบัน ได้แก่ สารเอธีฟอน (ethephon) ซึ่งสามารถปล่อยก๊าซเอทธิลีน (ethelene) ออกมาช้า ๆ ให้ผลในการเร่งน้ำยางไหลออกได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นการอัดก๊าซเอทีลีนโดยตรงเข้าไปในเปลือกยาง ก็จะทำให้น้ำยางไหลออกได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งได้มีการนำมาใช้ร่วมกับการใช้เข็มเจาะแทนการกรีดยาง
การตอบสนองของพันธุ์ยางต่อสารเคมีเร่งน้ำยาง :
- ยางแต่ละพันธุ์ตอบสนองต่อสารเคมีเร่งน้ำยางแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ใช้สารเคมีเร่งน้ำยางควรพิจารณาพันธุ์ยาง ประกอบด้วย เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการใช้สารเคมีเร่งน้ำยางสูงสุด ดังนี้
- พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251, สงขลา 36, PB 255, PB 260, PR 255, RRIC 110, และ RRIM 600 ตอบสนองต่อสารเคมี เร่งน้ำยางในระดับปานกลาง
- พันธุ์ BPM 24 ตอบสนองต่อสารเคมีเร่งน้ำยางในระดับต่ำ
การเพิ่มวันกรีดยาง:
- การหยุดพักกรีดการกรีดยางติดต่อกันมีผลทำให้ผลผลิตของต้นยางลดลงในเวลารวดเร็วจึงจำเป็นต้องมีการหยุดกรีด โดยเฉพาะในฤดูผลัดใบ ซึ่งระยะดังกล่าวแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น หากมีความจำเป็นต้องกรีดในฤดูนี้ เพื่อเพิ่มจำนวนวันกรีด ควรหยุด กรีดในระยะที่ต้นยางมีการผลิใบใหม่ เพราะถ้ากรีดในระยะนี้จะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง
- การเพิ่มจำนวนวันกรีด จำนวนวันกรีดที่สูญเสียในแต่ละปี มีสาเหตุจากฝนตก หยุดกรีดในช่วงแล้งคนกรีดยางหยุดงาน และ ในภาวะที่มีโรคระบาดรุนแรง แต่สามารถเพิ่มวันกรีดยางได้ ดังนี้
1) การกรีดสาย <คือ การกรีดยางหลังจากเวลากรีดปกติ ซึ่งเวลาดังกล่าวหน้ายางยังเปียกจากฝนตกตอนกลางคืน การกรีดสายสามารถกระทำได้แม้ในเวลาบ่ายหรือเวลาอื่นที่เหมาะสม แต่ไม่ควรกรีดในช่วง 11.00 - 13.00 น. เนื่องจาก ผลผลิตที่ได้รับ จะน้อยกว่าปกติมาก หากใช้ระบบกรีดวันเว้นวัน (d/2) หรือวันเว้นสองวัน (d/3) ควรใช้การกรีดสายเพื่อเพิ่ม จำนวนวันกรีด
2) การกรีดชดเชย คือ การกรีดซ้ำงานกรีดเดิมในวันถัดไปเพื่อทดแทนวันกรีดที่เสียไปเนื่องจากฝนตก ในกรณีที่แต่ละวัน กรีดสลับแปลงกรีด คนกรีดต้องกรีด 2 แปลงกรีดในวันที่กรีดชดเชยและไม่ควรกรีดซ้ำแปลงเดิมติดต่อกันเกินกว่า 2 วัน
3) การใช้อุปกรณ์กันน้ำฝนคือ การใช้เสื้อกันฝนกับต้นยางที่มีขนาดเส้นรอบวงไม่เกิน 75 เซนติเมตร เพื่อป้องกันหน้ายางเปียก ค่าใช้จ่ายประมาณ 5 6 บาทต่อต้น
ข้อควรปฏิบัติสำหรับการกรีดยาง :
1. ไม่ควรเปิดกรีดต้นยางที่ยังไม่ได้ขนาดเปิดกรีด เพราะให้ผลผลิตต่ำและต้นยางชะงักการเจริญเติบโต
2. ไม่ควรกรีดยางทุกวันหรือกรีดติดต่อกันหลายวัน เพราะมีการสิ้นเปลืองเปลือกสูง มีจำนวนต้นยางแสดงอาการเปลือก แห้งสูงส่งผลให้ผลผลิตต่ำและต้นยางชะงักการเจริญเติบโต
3. ควรใส่ปุ๋ยสูตร 30-5-18 ปีละสองครั้ง ๆ ละ 500 กรัมต่อต้น โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร
4. ควรระวัง ป้องกัน และรักษาโรคเส้นดำ ตลอดจนอาการเปลือกแห้ง โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร
ข้อควรระวัง :
*** ควรระวังไม่กรีดให้บาดเนื้อไม้ จะทำให้หน้ากรีดเสีย นอกจากเปลือกงอกใหม่เสียหาย ไม่สามารถกรีดได้แล้ว ยังส่งผลให้คุณภาพ ของไม้ตกต่ำ
ข้อมูลอ้างอิง : http://rakbankerd.com
โพสต์โดย : POK@