Social :



2ผัวเมียถูกรื้อบ้าน วอนเห็นใจ ร่ำไห้8ชีวิตอับจนหนทาง ด้านเจ้าของที่ แจงปมพิพาท

15 ธ.ค. 61 05:12
2ผัวเมียถูกรื้อบ้าน วอนเห็นใจ ร่ำไห้8ชีวิตอับจนหนทาง ด้านเจ้าของที่ แจงปมพิพาท

2ผัวเมียถูกรื้อบ้าน วอนเห็นใจ ร่ำไห้8ชีวิตอับจนหนทาง ด้านเจ้าของที่ แจงปมพิพาท

2ผัวเมียถูกรื้อบ้าน วอนเห็นใจ ร่ำไห้8ชีวิตอับจนหนทาง ด้านเจ้าของที่ แจงปมพิพาท


จากกรณี เฟซบุ๊กชื่อ Komkay Simvivat ได้นำเรื่องราวของ 2ผัวเมีย คู่หนึ่ง ในต.คณฑี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร มาเผยแพร่ เพื่อหาทางช่วยเหลือ โดยเธอได้โสต์ระบุว่า ขอความกรุณาจากทุกท่านช่วยแชร์ และช่วยเหลือลุงกับป้าหน่อย บ้านแกโดนทุบตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.61 โดนทุบเพราะแพ้คดีความเรื่องที่ดิน ต้องมาอาศัยโรงรถอยู่เป็นที่น่าเวทนา ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวข่าวสด ได้ลงพื้นที่พบพูดคุยกับครอบครัวของ นายชลอ โพธิ์แย้ม อายุ 56 ปี และนางศรีนวล โพธิ์แย้ม อายุ 47 ปี 2 สามีภรรยาที่กล่าวถึง พร้อมลูกหลานตัวเล็กรวม 8 ชีวิต โดยนายชลอ เล่าให้ผู้สื่อข่าวว่า ตนทำงานเป็นคนงานโรงงานน้ำตาล

ขณะที่บ้านหลังดังกล่าว ตนและครอบครัว ปลูกบนที่ดินที่ปัญหานี้ตั้งแต่ปี 2534 ได้ทะเบียนบ้านในปี 2538 ได้ถูกชายฉกรรจ์แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ราชการกว่า 10 คน ทุบทิ้งเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นตนไม่อยู่บ้านอยู่แต่ภรรยากับลูกสะใภ้ และหลานๆอีก 4 คน


ไร่ข้าวโพดถูกเผาวอดด้วย
ส่วนลูกชายที่อยู่ด้วยกัน ก็ทำงานฝ่ายไร่ของโรงงานน้ำตาลที่เดียวกัน นานๆจะกลับบ้านครั้งหนึ่ง และนอกจากนี้ทั้งหมดยังได้เผาอ้อยในที่ดินที่มีปัญหาไปอีก 8 ไร่ด้วย ทำให้ตนและครอบครัวลำบากมาก สงสารหลานๆไม่มีบ้านอยู่ ไม่ค่อยได้ไปโรงเรียน

เขามาทำกับครอบครัวของตนแบบไม่ได้บอกได้กล่าวมาก่อน ตนเจ็บใจมาก ไม่อยากอยู่ คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ต้องการแค่เพียงมีบ้านอยู่ เพราะตอนนี้ไม่เหลือบ้านแล้ว ต้องไปอาศัยเพิงโรงรถของน้องชาย อาศัยเป็นบ้านชั่วคราว

“ผมก็ทราบว่าพวกตนแพ้คดีในศาลชั้นต้น ก็ไม่ค่อยมีความรู้และเข้าใจในข้อกฎหมายนัก ฝ่ายพวกผมก็อุทธรณ์คดีความ จะมาทุบบ้านได้แล้วหรือ ขอให้สงสารและเห็นใจครอบครัวของผมด้วย” นายชลอกล่าว

วันเดียวกันนายสุวัฒน์ วัฒนศิริ อายุ 63 ปี ตัวแทนครอบครัววัฒนศิริ ซึ่งเป็นผู้ฟ้องขับไล่นายชลอ ได้ให้ข้อมูลที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวว่า ปัจจุบันศาลขั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมิ่นประมาท และคดีขับไล่ รวม 9 คดี และเริ่มทำการบังคับคดีรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้าง จึงขออนุญาตให้ข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆดังนี้

เจ้าของที่แจงยิบปมพิพาท
เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2506 นายประสิทธิ์ วัฒนศิริ บิดาข้าฯ ได้เป็นผู้บุกเบิกที่ดิน ณ หมู่บ้าน หนองขาหย่าง (หรือบ้านเกาะสง่า) หมู่ 1 ต.คณฑี อ.เมืองฯ จ.กำแพงเพชร ปี พ.ศ. 2516 สำนักงานที่ดิน จังหวัดกำแพงเพชร ได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน นส3 ก. เลขที่ 1395 , 1396 , 1397 และ 2289 ให้แก่บิดาและครอบครัวข้าฯ. และมีที่ดินมือเปล่าอีกประมาณ 140 ไร่ ในปี พ.ศ. 2528 ซื้อที่ดิน นส3ก. เลขที่ 1393 และปี พ.ศ. 2529 ซื้อที่ดิน นส3 เลขที่ 254 ที่ดินทั้งหมดติดกัน รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 400 ไร่ เศษ


บิดาของข้าฯ.ได้ทำการเกษตรและแบ่งที่ดินให้บุคคลอื่นเช่าทำกินด้วย เมื่อปี พ.ศ. 2523 ได้จดบันทึกเรื่องราวไว้ในสมุดบันทึกประจำวันว่า นายจรูญ –นางธรรม โพธิ์แย้ม , นายบุญส่ง –นางเขียว สุวรรณหงษ์ และ นายจำลอง-นางทองย้อย มีอบ
MulticollaC
(บิดา-มารดาของจำเลยทั้งหมด ) ได้มาขอเช่าที่ดินทำนา และได้เช่าที่ดินทำกินมาอย่างต่อเนื่องจนถึงรุ่นลูก-หลาน โดยมีหลักฐานว่าบุคคลทั้งหมดอยู่ในฐานะผู้เช่าที่ดินของครอบครัวข้าฯ. คือ หนังสือสัญญาเช่า บันทึกการจ่ายเงินค่าเช่า และ อื่นๆ

เมื่อต้นปี พ.ศ. 2558 เกิดปัญหาข้อพิพาท เนื่องจากผู้เช่าที่ดินคือนายสายันต์ โพธิ์แย้ม ได้ทำการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมปลูกอ้อยแทนการทำนา ซึ่งผิดสัญญาข้อตกลงไว้ว่า “ให้เช่าเพื่อการทำนาเท่านั้น” ข้าฯ.และพี่น้องจึงได้แจ้งคัดค้านแต่นายสายันต์ไม่ฟัง ข้าฯ.จึงได้ทำหนังสือเชิญผู้เช่าที่ดินทั้งหมดมาประชุม เพื่อรับฟังปัญหาและจัดทำสัญญาเช่า แต่ผู้เช่าที่เป็นจำเลยทั้งหมดไม่มาร่วมประชุม ข้าฯ.จึงได้ทำหนังสือเรียนผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.คณฑี อ.เมืองฯ จ.กำแพงเพชร ขอให้เชิญจำเลยกับพวกมาพูดคุยกัน แต่ทางผู้เช่าที่เป็นจำเลยกับพวกก็ไม่มา

ต่อจากนั้นข้าฯ.ได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอเมือง ฯ ท่านจึงตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ย และได้เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่าย แต่ฝ่ายจำเลยกับพวกได้แจ้งคณะกรรมการฯว่าไม่ขอเจรจาและให้ข้าฯ.ดำเนินการตามกฎหมายได้เลย

ครวญแม่อายุ91 โดนหาเป็นผู้มีอิทธิพล
ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2558 พวกของจำเลยได้ทำหนังสือร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมผ่านไปยังหัวหน้า คสช. โดยแจ้งว่าตนกับพวกได้ครอบครองทำกินในที่ดินในบริเวณนี้มาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี และกล่าวหาว่านางสุมาลี วัฒนศิริ มารดาข้าฯ. (ขณะนั้นอายุ 91 ปี ) และนายพิชัย วัฒนศิริ น้องชายข้าฯ. เป็น ผู้มีอิทธิพล แอบอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ใช้อิทธิพลเรียกเอาเงินบอกว่าเป็นค่าใช้ที่ดินทำกิน

วันที่ 20 พ.ค. 2558 นายพิชัย วัฒนศิริ น้องชายข้าฯจึงได้ไปแจ้งความ และขอเป็นโจทก์ร่วมและยื่นฟ้องรองต่อศาลเป็นคดีหมิ่นประมาท จากคำพิพากษาศาลกำแพงเพชร คดีหมายเลขดำที่ 1950/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 683/2561 เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2561 ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกัน ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมรวม 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี จำคุกคนละ 6 เดือน พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. 2558 เป็นต้นไป คดียังไม่สิ้นสุดอยู่ระหว่างจำเลยขอยื่นอุทธรณ์

ผู้เช่าที่ดินทั้ง 8 คน เริ่มไม่จ่ายเงินค่าเช่าที่ดิน ตั้งแต่ปี 2558 เมื่อข้าฯ.ได้ทวงถามไปก็ไม่มาชำระ ข้าฯ.จึงให้ทนายมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่า และขอให้ชำระเงินค่าเสียหาย โดยศาลได้มีคำสั่งให้ทำแผนที่พิพาท

ข้าฯ.เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยรวม 8 คน จำนวน 9 คดี ปัจจุบันศาลจังหวัดกำแพงเพชรได้อ่านคำพิพากษาแล้วทั้งหมด โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาทุกคดีไปในทิศทางเดียวกันคือ ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จ่ายค่าฤชาธรรมะเนียม และค่าทนายความให้แก่โจทก์

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2561 เจ้าหน้าที่บังคับคดี ได้นำหมายไปติดบ้านเลขที่ 176/1 ซึ่งเป็นบ้านของ นายชลอ โพธิ์แย้ม ให้ทำการรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างภายในเวลา 30 วัน จนกระทั่งเมื่อถึงวันที่ 26 พ.ย. 2561 จำเลยและบริวารมิได้ปฏิบัติตามที่ประกาศ ในวันนี้ถึงกำหนดการรื้อถอน

เจ้าหน้าที่บังคับคดีจึงได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ โจทก์และคนงานมาทำการรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยและบริวารทั้งหมด พร้อมทั้งให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดออกจากพื้นที่ เพื่อจะได้ทำการส่งมอบพื้นที่คืนให้แก่โจทก์ ต่อไป

แต่เพื่อเป็นการเอื้ออาทรต่อจำเลยและบริวาร ได้มีเวลาในการขนย้ายทรัพย์สินและหาที่อยู่ใหม่ โจทก์จึงอนุญาตให้จำเลยและบริวารอยู่ในพื้นที่ของโจทก์ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 7 วัน คือตั้งแต่วันที่ทำการรื้อถอน จนถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2561 โดยได้ทำบันทึกข้อตกลงไว้เป็นหลักฐาน และมีเจ้าหน้าที่เป็นพยาน

จะเห็นได้ว่า ข้าฯเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะผู้ถูกละเมิด เป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยแท้จริง หากมีข้อสงสัยประการใด ขอเชิญรับข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันความถูกต้อง จะเป็นการให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป





โพสต์โดย : Ao