ใช้สติ! “องอาจ”ขออย่ามองเลื่อนเลือกตั้งเป็นประเด็นอื่น

"องอาจ" ขออย่ามองเลื่อนเลือกตั้งเป็นประเด็นอื่น คิดแค่ความเหมาะสมตาม "วิษณุ" หารือ กกต.ก็พอ ย้ำ ปชป.พร้อมทุกเวลา แจงถกคกก.สรรหาดูบางเขตขาดคุณสมบัติ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลื่อนการเลือกตั้ง ว่า มีพระราชกฤษฎีกาประกาศออกมาเมื่อใด หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งวันใดที่เหมาะสม และเชื่อว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลโดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปพูดคุยกับทาง กกต. แล้ว ก็จะทราบรายละเอียดว่าควรใช้ระยะเวลาใดที่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการกำหนดวันเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ไว้แล้ว เมื่อใดที่มีการกำหนดวันเลือกตั้งอย่างชัดเจนและแน่นอน ก็พร้อมที่จะเดินหน้ารณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพื่อขอการสนับสนุนจากประชาชน ให้ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด โดยเฉพาะนโยบายพรรค การเข้ามาพัฒนาประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ การเข้ามาแก้ไขปัญหาของประชาชน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง ที่เชื่อมั่นว่า หากได้มาเป็นรัฐบาล นโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจใหม่ และเรื่องปากท้อง จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม และเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นกว่าเดิมด้วย  ซึ่งในส่วนของผู้สมัครขณะนี้ เสร็จเกือบ 100 % แล้ว

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นเพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นผู้กำหนดนั้น นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ควรไปมองอะไรเป็นอย่างอื่น ให้มองเพียงเหตุผลที่รัฐบาลกับทางกกต. ได้ปรึกษาหารือกันเป็นหลักมากกว่า ที่เชื่อว่า เวลาที่เลื่อนออกไป หากไม่มากอะไร ทุกฝ่ายก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม เพราะมีความพร้อมอยู่แล้วในเรื่องของการเลือกตั้ง ดังนั้นคงไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไรที่จะต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปสักระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ประเทศของเราเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความเรียบร้อย

นายองอาจ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. ประชาธิปัตย์ ว่า ซึ่งในวันนี้คณะกรรมการสรรหาได้มีการประชุมในส่วนของการเลือกผู้สมัครในบางเขตที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะผู้สมัครบางท่านมีคุณสมบัติที่ไม่ครบถ้วนหรือขัดต่อกฎหมาย ซึ่งมีจำนวนไม่มากและมีเพียงไม่กี่เขตเท่านั้น เพราะหากมีการพิจารณาเร็ว ผู้ที่มาทดแทนผู้ที่ขาดคุณสมบัติก็สามารถที่จะลงพื้นที่ และเข้าไปทำงานในพื้นที่ได้เร็วเช่นกัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อการรณรงค์หาเสียงของผู้สมัครและพรรคประชาธิปัตย์

สำหรับเขตที่มีการเปลี่ยนแปลง คือ จ.เพชรบูรณ์ และ เลย ที่มีการเปลี่ยนแปลง 2-3 เขตเท่านั้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวกับในพื้นที่ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติ ซึ่งแน่นอนที่สุดในแต่ละเขตก็จะมีการลงสมัครมากกว่า 1 คน เพราะฉะนั้นคณะกรรมการสรรหาก็จะต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ดูในหลายมิติ และหลายเหตุผล เพราะเราก็อยากที่จะได้คนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและครบถ้วน ซึ่งโดยทั่วไปการพิจารณาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยในวันพรุ่งนี้ก็จะมีการให้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พิจารณาเห็นชอบต่อไป  ก็น่าจะเรียบร้อยยกเว้นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ที่ยังมีเวลาในการสรรหาให้ครบ 150 คน

นายองอาจ ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาให้นายชุมพล จุลใส ลงสมัคร ส.ส.เขต 1  จ.ชุมพร ส่วนเขต 2 และเขต 3 ก็ยังเป็นคนเดิม แต่การพิจารณาในวันนี้นั้น เนื่องจากนายชุมพล มีญาติพี่น้องไปลงสมัครอีกพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะฉะนั้นนายชุมพล จะต้องให้ความร่วมมือกับทางพรรค เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนขึ้นในพื้นที่ และต้องทำงานในนามของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มที่ เพื่อยุติความสับสนต่างๆ กับประชาชนในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม เป็นเงื่อนไขที่ทางพรรคได้แจ้ง กับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งให้ทราบและต้องปฏิบัติตามนั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก:innnews.