วิธีการปลูก และดูแล ถั่วหรั่ง
วิธีการปลูก และดูแล ถั่วหรั่ง
ถั่วหรั่ง (Bambarra Groundnut) มีชื่อวิทยาศาสตร์
Voandzeia subterranea หรือ Vigna subterranea เป็นพืชตระกูลถั่วล้มลุก มีระบบรากแก้ว ประกอบด้วยลำต้น 2 ชนิด คือ แบบตั้งตรง และเลื้อยขนานไปกับพื้นดิน บนข้อของลำต้นเลื้อยเป็นที่เกิดของใบ รากวิสามัญ รวมทั้งดอกและฝักถั่วหรั่ง ใบเป็นใบประกอบ ดอกถั่วหรั่งเกิดตามมุมโคนก้านใบ สีเหลือง ฝักและเมล็ดเกิดบริเวณที่เคยเป็นที่อยู่ของดอก มีรูปร่างกลมรีเล็กน้อย เปลือกผลชั้นนอกเชื่อมติดกับชั้นกลาง ส่วนเปลือกชั้นในแยกออกต่างหาก เมล็ดภายในมีหลายสี ขึ้นอยู่กับพันธุ์ เช่น ครีม น้ำตาล แดง ม่วง ดำ หรือ แดงลาย ขนาดเมล็ด 1.0 x 0.8 ซม. ความหนาและเหนียวของเปลือกหุ้มเมล็ด (seed coat) ขึ้นอยู่กับพันธุ์เช่นกัน
ถั่วหรั่งเป็นพืชไร่ชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันมากในภาคใต้ เช่น สงขลา นราธิวาส ยะลา กระบี่ ตรัง พัทลุง ปัตตานี สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกัน เช่น ถั่วปันหยี ถั่วไทร ถั่วเม็ดเดียว กาแจโป เป็นต้น เป็นพืชที่มีความสามารถในการให้ผลผลิตสูง โดยสามารถให้ผลผลิตถึง 1,200 กก./ไร่ เมล็ดถั่วหรั่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยมีคาร์โบไฮเดรต 55-72% น้ำมัน 6-7% โปรตีน 18-20% และมีสารเมทไธโอนีน ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูงกว่าถั่วชนิดอื่น
การใช้ประโยชน์ โดยทั่วไปพบในรูปแบบต่างๆ ดังนี้ คือ
1.ถั่วหรั่งต้ม เป็นการต้มใส่เกลือสำหรับเป็นอาหารว่าง
2.ถั่วหรั่งฝักอ่อน ใช้เป็นผักในการปรุงอาหารประเภทผัด
3.เมล็ดแห้ง บดเพื่อทำเป็นแป้งใช้ประกอบอาหาร
4.เมล็ดสดหรือแห้งต้มสุกแกะเปลือก ใช้ทำอาหารหรือไส้ขนม
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ถั่วหรั่ง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพพื้นที่ เป็นทรายถึงดินร่วนปนทรายในที่ดอน มีการระบายน้ำและการซึมผ่านของน้ำได้ดีและไม่มีน้ำขัง ในสภาพดินค่อนข้างเหนียวจะมีปัญหาในการเก็บเกี่ยว เนื่องจากฝักจะขาดติดอยู่ในดินมาก ทำให้เปลืองแรงงานและเสียเวลาในการเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น สามารถให้ผลผลิตได้ดีที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ สภาพดินกรดแต่ไม่ทนในดินด่าง และดินเค็ม ระดับ pH ที่เหมาะสม 5.0-6.5
การเตรียมดิน
ไถ 1 ครั้ง แล้วพรวนอีก 1 ครั้ง ในดินมีความร่วนซุยเหมาะในการปลูกและงอกของเมล็ด หรือหากในพื้นที่เปิดใหม่หรือพื้นที่ปลูกยางทดแทน หลังจากนำเศษต้นพืชออกแล้วถ้าดินมีความร่วนซุยดี สามารถปลูกได้เลยโดยไม่ต้องมีการเตรียมดิน
อัตราเมล็ดพันธุ์
ใช้เมล็ดพันธุ์ที่กะเทาะเปลือกแล้วประมาณ 4-5 กก./ไร่ หรือเมล็ดแห้งทั้งเปลือกประมาณ 7 กก./ไร่
ฤดูปลูก
1.ปลูกต้นฤดูฝน คือประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม หากปลูกหลังจากนี้ถั่วหรั่งจะออกดอกและติดฝักในช่วงที่ฝนตกหนัก จะทำให้ติดฝักน้อย
2.ปลูกนอกฤดูฝน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่สามารถให้น้ำได้ การปลูกนอกฤดูฝนจะมีผลดีคือจะเป็นโรคภัยน้อยกว่าการปลูกในฤดูฝน
การวางแผนการผลิต ถั่วหรั่งเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุค่อนข้างยาว วางแผนการผลิตขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์
พันธุ์พื้นเมือง (150-180 วัน) และพันธุ์สงขลา 1 ( 110-120 วัน) ถ้าอาศัยน้ำฝนอย่างเดียวสามารถปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง เริ่มฤดูกาล ปลูกในเดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งจะไปเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์
ผลผลิตที่ได้ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน จะได้ราคาค่อนข้างสูง(18 -22 บาทต่อกิโลกรัม) เพราะมีความต้องการสูงขณะผลผลิตยังมีออกมาน้อย หลังจากนั้น ผลผลิตจะเริ่มทะยอยออกสู่ตลาดมากขึ้นทำให้ราคาเริ่มลดลง จนถึงต่ำสุด 8 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปกติราคาโดยเฉลี่ย 10-12 บาท ต่อ กิโลกรัม โดยทั่วไปถั่วหรั่งพันธุ์สงขลา 1 มีราคาสูงกว่าพันธุ์พื้นเมือง กิโลกรัมละ 1-2 บาท ที่ตลาดหัวอิฐเป็นแหล่งตลาดใหญ่ พ่อค้ารวบรวมผลผลิตจะรับซื้อ ถั่วหรั่งจากพ่อค้ารายย่อยในท้องถิ่นจังหวัด ใกล้เคียงร้อยละ 95 ที่เหลือร้อยละ 5 รวบรวมจากแหล่งอื่น
การปลูกถั่วหรั่ง การปลูกนอกฤดูฝนจะเหมาะกับพื้นที่ที่สามารถให้น้ำได้ ช่วงการปลูก นอกฤดูฝนจะให้ผลดีกว่าเพราะจะมีการระบาดของโรคน้อยกว่าการปลูกในฤดูฝน
การเตรียมดิน :
- พื้นที่ร่วนซุยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการไถเตรียมดิน
- เมื่อเอาวัชพืชและเศษวัสดุออกจากแปลงแล้ว สามารถใช้จอบสับ เป็นหลุมแล้วหยอดเมล็ดปลูกได้ทันที
- พื้นที่ที่มีวัชพืชมากหรือดินมีความแน่นทึบมาก
- ควรไถเพื่อกำจัดวัชพืชและปรับสภาพดินให้ร่วนซุยก่อน เพื่อให้เหมาะกับการงอกของเมล็ด แล้วตามด้วยการพรวน หรือไถ 2 ครั้ง หรือไถครั้งเดียว แล้วใช้จอบแต่งเกลี่ยแปลง แล้วแต่ความเหมาะสมใน
การปฏิบัติ
วิธีการปลูกและระยะปลูก
ในพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธุ์ ที่กระเทาะเปลือกแล้ว 4-5 กิโลกรัม หรือเมล็ดทั้งเปลือก 7 กิโลกรัม ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 60 x 60 ซม. จำนวน 2 ต้นต่อหลุม ปลูกโดยใช้เสียมเปิดหลุมหรือไม้กระทุ้ง เป็นหลุมแล้วหยอดเมล็ด 2-3 เมล็ดสลับกันแล้วปิดหลุม ถ้ามีความชื้นเพียงพอเมล็ดถั่วหรั่งจะงอก ภายใน 8-10 วัน
- หลังจากงอก 21 วัน ฉีดสารควบคุมการงอกของเมล็ดวัชพืชอะลาคลอร์ หรือเมทาลาคลอร์ อัตรา 160-320 กรัม สารออกฤทธิ์ต่อไร่ แล้วใส่ ปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 15-15-15 กิโลกรัมต่อไร่ ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยหว่านแถวแล้วพูนโคนกลบปุ๋ยเข้าหา ต้นถั่วหรั่งทั้งสูงข้างเป็นแถวยาว
- ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย แต่ควรพูนโคน เพราะช่วยให้มีการติดฝักมากขึ้นและสะดวกเมื่อเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยว
ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม
- พิจารณาได้จากอายุเก็บเกี่ยวของทั้ง 2 พันธุ์ ร่วมกับการสุ่มถอนขึ้นมาดู
- พันธุ์สงขลา 1 ระยะเก็บเกี่ยว 110-120 วันหลังปลูก
- พันธุ์พื้นเมือง ระยะเก็บเกี่ยว 140-180 วัน
- หลังปลูกการผลิตเพื่อใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ ควรปล่อยให้เมล็ดแก่จัดเพิ่มขึ้นอีก 10-15 วัน
- หากถั่วหรั่งแสดงอาการทรุดโทรมเนื่องจากเป็นโรคทางใบ ก็สามารถใช้เป็นตัวกำหนดในการเก็บเกี่ยวได้
วิธีการเก็บเกี่ยว
ใช้มือถอนต้นขึ้นมา ถ้าเป็นดินค่อนข้างเหนียวการถอน ฝักจะขาดติดอยู่ในดิน มากกว่าในดินร่วนซุย จึงเปลืองแรงงานและเวลามาก ฝักที่ติดอยู่ในดิน สามารถคุ้ยดินที่มีฝักขาดติดอยู่มาร่อนในตะแกรง หรือภาชนะที่มีรูเล็ก กว่าถั่วหรั่งเล็กน้อย เขย่าให้ดินร่วงออกไปก็จะได้ถั่วหรั่งทั้งหมด การปลิดฝักที่ติดอยู่กับต้นที่ถอนขึ้นมาแล้ว โดยใช้มือลูบเบาๆ ฝักถั่วหรั่งก็จะหลุดออกมาโดยง่าย
การปฏิบัติการหลังการเก็บเกี่ยว
ใช้ทำเมล็ดพันธุ์
- เมล็ดถั่วหรั่งควรมีความชื้นประมาณ 10-11%
- สามารถเก็บไว้ในภาชนะบรรจุถ่ายเทอากาศได้ในสภาพห้องปกติ เก็บได้นาน 1 ปี โดยความงอกไม่ลดลง
- ถ้าหากเก็บไว้ในต้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 22 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65% สามารถเก็บได้นาน 6 ปี
- เมื่อนำมาตรวจสอบความงอกพบว่า มีความงอกเกินกว่า 90%
- เมล็ดถั่วหรั่งสด 100 กิโลกรัม เมื่อแห้งดีแล้วจะเหลือน้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม และเมื่อกระเทาะเปลือกออกจะเหลือน้ำหนักเมล็ดประมาณ 20-21 กิโลกรัม
การลดความชื้น
เกษตรกรใช้วิธีการผึ่งลมสลับผึ่งแดดใช้เวลา ประมาณ 12-20 วัน จนเมล็ดถั่วหรั่งแห้งพอสำหรับเก็บไว้ทำพันธุ์ แต่เมล็ดจะไม่ค่อยแข็งแรง และมีความงอกต่ำ ส่วนวิธีการลดความชื้นด้วยลมร้อนอุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส จะไม่กระทบต่อความงอกและความแข็งแรงของเมล็ด
การแปรรูป
การแปรรูปอาหารการนำไปบริโภค สามารถใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ คือ
- ถั่วหรั่งต้ม เป็นการต้มใส่เกลือสำหรับกินเล่น เช่นเดียวกับถั่วลิสง ซึ่งส่วนใหญ่มักนิยมบริโภคแบบนี้
- ถั่วหรั่งฝักอ่อน มีรสชาติหวาน และกรอบใช้เป็นผักในผัดต่างๆ ได้
- เมล็ดแห้ง ใช้บดทำแป้งเพื่อประกอบอาหารตามต้องการ
- เมล็ดสดหรือแห้งต้มสุกแกะเปลือก ใช้ใส่อาหารคาวซึ่งปกติใช้เมล็ดถั่วลิสง หรือใช้ทำไส้ขนม
การแปรรูปอุตสาหกรรม
ในลักษณะถั่วหรั่งต้มน้ำเกลือบรรจุกระป๋อง สำหรับใช้ในการประกอบอาหาร เช่นเดียวกับถั่วลันเตา หรือส่วนประกอบในอาหารกินเล่นหรืออาหารเพื่อ สุขภาพ
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.rakbankerd.com/
โพสต์โดย : POK@