โปรดทราบ! พรฎ.เลือกตั้ง-พระราชพิธีสำคัญ

พลันที่ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ในวันนี้ (23ม.ค) เรื่อง พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ และมาตรา ๒๖๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ โดยมาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๒” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปมาตรา ๓ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไป มาตรา ๔ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

นั่นย่อมหมายถึงนับแต่วันนี้ (23ม.ค.) พ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลบังคับใช้ จะเป็น “บทบาท-หน้าที่” ของ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งรับหน้าเสื่อต่อจาก “รัฐบาลนายกลุงตู่” ที่ยังคงเป็นรัฐบาลรักษาการแบบมีอำนาจเต็ม จนกว่าจะมี ครม. ใหม่ โดย กกต. ต้องประกาศวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน ซึ่งการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ (17ม.ค.) กกต. เคยมีการประเมินจะกำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. โดยจะมีเวลารับรองผลการเลือกตั้ง 45 วัน ซึ่งทันตามกรอบที่กฎหมายกำหนด 150 วัน

 

ที่ต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ย้ำตลอดเช่นกันว่า วันเลือกตั้งจะกำหนดชัดภายในมกราคมนี้ โดยรัฐบาล คสช.ให้ความสำคัญกับ งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4-6 พ.ค. ที่จะไม่มีกิจกรรมอื่นใดทางการเมืองมาซ้อนทับ โดยหากพิจารณาจาก หมายกำหนดการเบื้องต้น จากการประชุมการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก (10ม.ค.) ซึ่งเริ่มมีการขยายภาพความชัดเจนจากกำหนดพิธี “ส่วนแรก” ในขั้นเตรียมการขั้นต้น ที่ รมว.มหาดไทย “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” แถลง (22 ม.ค) ถึง “พิธีตักน้ำ” จากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศที่มีรายละเอียดวันเวลาตลอดเดือนเมษายน ซึ่งภาพรวมหมายกำหนดการ รัฐบาลบาลจะแถลงรายละเอียด หลังวันที่ 26 ม.ค. ที่ถือเป็นการประชุมใหญ่ขั้นสุดท้าย เนื่องด้วยในวันดังกล่าวสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะองค์ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะทรงพระกรุณา เสด็จเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเวลา 17.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเข้าร่วมประชุม ซึ่งวันนี้ 23 ม.ค. รัฐบาลได้มีการประชุมเตรียมตัวก่อนการประชุมใหญ่ดังกล่าว (อ่าน:ไทม์ไลน์เลือกตั้งไทม์ไลน์พระราชพิธี)

จากกรอบเวลาโดยรวมที่ “อ.วิษณุ” เคยระบุว่า จะมีความชัดเจนได้หลังสรุปวันที่ 26 ม.ค. ที่ย่อมอาจมีความหมายเดียวกันใน “ความชัดเจน” ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ว่าไว้สำหรับกิจกรรมทางการเมือง ว่าด้วย “ขั้นตอนต่อไป” สำหรับการเดินไปสู่การเลือกตั้ง ภายในกรอบเวลารวม 150 วัน ที่ไม่เกินไปจากวันที่ 9 พ.ค.เช่นกันโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากท่าทีสอดรับ “การเตรียมการ” ของหลายพรรคการเมืองเวลานี้ โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (20 ม.ค.) ที่บอกว่า พปชร. จะมีความชัดเจนในการเสนอชื่อนายกฯ ภายใน 14 วัน

ที่หากพิจารณาจาก “ตุ๊กตา” ที่รัฐบาลตั้งไว้ ว่าวันเลือกตั้งไม่ควรเกินเดือน มี.ค. และให้ กกต. ไปพิจารณาสำหรับวันอาทิตย์ของเดือน มี.ค. ซึ่ง “อ.วิษณุ” เคยคำนวณไว้ว่า ถ้าเลือกตั้ง 3 มี.ค. ต้องประกาศผล 3 พ.ค. หากเป็นวันที่ 10 มี.ค. ประกาศผล 10 พ.ค. ก็อาจพ้นพระราชพิธี ส่วนวันที่ 17 มี.ค. ประกาศผล 17 พ.ค. เจอกิจกรรมหลังพระราชพิธี ดังนั้นถ้าจะขยับต้องให้พ้นวันเหล่านี้ออกไป เช่น ถ้าเป็นวันที่ 24 มี.ค. ประกาศผล 22 พ.ค. จะพ้นจากช่วงหลังพระราชพิธีไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะปรับหรือเลื่อนวันออกไปอย่างไร ต้องให้เวลาหาเสียงอย่างเพียงพอ คือ 52 วัน

ทั้งหมดทั้งมวลเป็น “ความชัดเจน” ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันนี้ (23ม.ค.) ที่จะประกอบกับ หลังวันที่ 26 ม.ค. ต่อกำหนดการงานพระราชพิธีที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด ที่มีการวางไว้คร่าวๆสำหรับวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. ที่ถูกระบุจากรัฐบาลโดยเหตุผลไม่ซ้อนทับพระราชพิธีสำคัญ ว่าเหมาะสมที่สุด

ที่เหลือถัดจากนี้ จึงอยู่ที่ว่าจะมีเงื่อนไขปัจจัยอื่นใดเกิดขึ้น หลังจากประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ววันนี ในจังหวะถัดไปในระหว่างกระบวนการรับสมัคร ส.ส. กับ “ข้อมูล” ที่ กกต.ออกมาเผยถึง “ความไม่พร้อม” อันสำคัญของหลายสิบพรรคการเมือง ที่ระหว่างนี้ไปจนถึงวันที่ กกต. เริ่มเปิดรับสมัครเลือกตั้ง พรรคการเมืองจะจัดการตัวเองให้พร้อมคุณสมบัติส่งผู้สมัคร ได้ทันหรือไม่

 

ขอบคุณข้อมูลจาก:innnews.