เทคนิคการปลูก และดูแล สาเก
เทคนิคการปลูก และดูแล สาเก
สาเก เป็นผลไม้ที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารได้หลายรูปแบบ และยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากมาย สามารถเจริญเติบโตได้เร็ว ให้ผลดก และมีใบที่สวยงาม จึงเหมาะที่จะปลูกไว้เป็นไม้ผลหรือไม้ประดับที่ให้ร่มเงาในบริเวณบ้านเป็นอย่างยิ่ง
ความต้องการสาเกของท้องตลาดในปัจจุบัน สาเกนั้นยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกษตรกรที่ปลูกต้นสาเกเพื่อจำหน่ายผลยังคงมีไม่มากนัก โดยเฉพาะท้องตลาดที่รับซื้อสาเกไปแปรรูปเป็นอาหาร เช่น นำสาเกไปเชื่อม ยังคงมีความต้องการสาเกเป็นจำนวนมาก วันนี้เว็บไซต์เกษตรฮอตนิวส์ สาระความรู้ด้านการเกษตร จึงนำความรู้การปลูกสาเก ผลไม้พื้นบ้าน ราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาด มาฝากเพื่อนๆเกษตรกรครับ
สายพันธุ์สาเก ที่ปลูกในเมืองไทย แบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลักๆ ดังนี้ 1. พันธุ์ข้าวเหนียว ลักษณะผลใหญ่ เนื้อแน่น เมื่อเชื่อมเนื้อจะเหนียวหนึบ ไม่ร่วนซุย เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันทั่วไป
2. พันธุ์ข้าวจ้าว ผลมักย่อมกว่าพันธุ์ข้าวเหนียว เนื้อค่อนข้างหยาบ ร่วนซุย เหมาะแก่การทำแป้ง ไม่ค่อยนิยมปลูกกันมากนัก การขยายพันธุ์
วิธีขยายพันธุ์ ที่นิยมทำกันมาก คือ การสกัดราก ทำได้โดยเลือกรากที่โคนต้นที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ½ - 2 นิ้ว ใช้มีดหรือสิ่วตัดรากให้ขาดแล้วทิ้งไว้อย่างนั้น รากนั้นจะแตกหน่อออกมาเป็นต้น อาจได้ต้นเดียวหรือหลายต้น ถ้าแตกหน่อออกมาหลายต้นให้สกัดแยกออกเป็นต้นๆ แล้วขุดออกมาปลูกชำในดินปลูกในที่ร่มรำไรสักพักหนึ่งก่อน เมื่อเติบโตแข็งแรงดีแล้วจึงนำไปปลูกหรือจำหน่ายต่อไป
การเตรียมดินสำหรับปลูก ต้นสาเก นั้นให้ขุดหลุมที่มีขนาดกว้าง ยาว ลึก อยู่ที่ 50-100 ซม. โดยถ้าดินมีความร่วนซุยและมีเศษใบไม้ใบหญ้ามาก ก็ขุดหลุมให้เล็กลงได้ แต่ถ้าดินไม่ดีก็ต้องขุดให้กว้างเข้าไว้เพื่อที่จะได้ปรับปรุงดินในหลุมให้ดียิ่งขึ้นก่อนการปลูก และเมื่อขุดดินในหลุมขึ้นมาแล้วก็ให้ทำการตากดินไว้ 10-15 วัน แล้วนำปุ๋ยคอกรองก้นหลุม และนำไปผสมกับดินที่ขุดขึ้นมา หลังจากนั้นใส่ลงในหลุมตามเดิมแล้วก็สามารถปลูกได้เลย หรือจะทิ้งไว้ให้ดินยุบตัวดีก่อนแล้วค่อยปลูกก็ได้ ส่วนระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถวควรอยู่ที่ 8×10 เมตร หรือ 12×10 เมตร ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูความเหมาะสมของพื้นที่เป็นสำคัญ
สาเกเป็นพืชเขตร้อน จึงสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย เติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่จะเจริญได้ดีในดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ หากเป็นดินชนิดอื่นที่ได้ปรับปรุงให้มีสภาพที่เหมาะสมแล้ว ก็สามารถเจริญเติบโตได้รวดเร็วเช่นกัน แหล่งปลูกสาเกต้องมีปริมาณน้ำฝนต่อปีไม่น้อยกว่า 50 ซม. เป็นพื้นที่ที่ไม่มีน้ำท่วมขัง หรือชื้นแฉะ เป็นพืชที่ชอบแสงแดดจัดๆ จึงไม่ควรปลูกใต้ต้นไม้อื่น หรือในที่ร่ม
สาเกเป็นพืชที่ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มากนัก โรคแมลงไม่ค่อยรบกวน ที่สำคัญคือ การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอในระยะแรก จนต้นสาเกอายุได้ 1 ปี ไปแล้วก็จะปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้ต้นเติบโตอย่างสม่ำเสมอไม่แคระแกรนก็ควรรดน้ำให้ด้วยในช่วงฤดูแล้ง หรือถ้าฝนไม่ตกนานๆ ในฤดูแล้งควรจะรดน้ำอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง และ 2 ครั้งในฤดูหนาว โดยสังเกตความชุ่มชื้นของดินประกอบด้วย เมื่อต้นสาเกโตขนาดให้ผลแล้ว ในระยะเวลาที่สาเกออกดอกให้งดการให้น้ำระยะหนึ่ง เมื่อดอกบานและติดผลแล้วจึงให้น้ำมากขึ้นเพื่อบำรุงผลให้เติบโตและมีคุณภาพดี
การให้ผลผลิตของสาเก
สาเกจะให้ผลหลังจากปลูกประมาณ 3-5 ปี แล้วแต่ขนาดของต้นที่นำมาปลูกและการดูแลบำรุงต้น ถ้านำต้นใหญ่มาปลูกบำรุงรักษาดีก็สามารถให้ผลได้ในเวลา 3 ปี โดยปกติสาเกจะตกผลปีละครั้ง เริ่มออกดอกในราวเดือนธันวาคม มกราคม และผลจะแก่ราวเดือนเมษายน พฤษภาคม อายุผลแก่ประมาณ 6 เดือน แต่บางต้นก็ออกผลปีละ 2 ครั้ง จึงมักเห็นผลสาเกอยู่บนต้นเสมอ สาเกเป็นไม้ผลที่ปลูกง่าย ทนทาน
คุณค่าอาหารและสรรพคุณ
เนื้อสาเก อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานสูง นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม วิตามินเอ และวิตามินบี มีสรรพคุณป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ความจำเสื่อม และโรคกระดูกผุในผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.kasethotnews.com
โพสต์โดย : POK@